วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ประเทศของชนมืดบอด ที่ปกครองด้วยระบอบชราธิปไตยอันมีพระราชาเป็นประมุข


ระบอบชราธิปไตยอันมีพระราชาเป็นประมุข


ใน อาณาจักรของคนตาบอด ทั้งชายหญิงและเด็ก คนตาบอดข้างเดียวจึงได้เป็นราชา
ขณะที่รัฐอันปกครองด้วย
ระบอบชราธิปไตย จึงมีชายชราเป็นพระราชา แวดล้อมด้วย
อำมาตย์,มุขมนตรี ล้วนแก่เฒ่าชราภาพ

ประเทศของชนมืดบอด ที่ปกครองด้วยระบอบชราธิปไตย จึงมีความเป็นไปดังคำอธิบาย
ไว้เบื้องต้น การว่าราชการของราชาเนตรเดียวผู้ชรา และเหล่าผู้เฒ่าเสนาบดีตาบอด จึงเป็นไปโดยหรี่สลัวทึมเทา
การขับเคลื่อนของระบบราชการเมืองตาบอด จึงเชื่องช้ายืดยาด ตามประสาระบบแห่งไม้เท้านำทางและมีหมานำ


    

ความเป็นอยู่ของประชาบอดไพร่ฟ้า จึงจ่มเจียม เนิบนาบ พออยู่พอกิน มิฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม
การอันใดที่
แปลกใหม่ ความคิดเห็นที่ผิดแผก จึงเป็นความผิดวิปลาสและจักต้องโทษทัณฑ์กบิลเมือง ด้วย
เหตุเพราะ
คนที่ตามองเห็นเท่านั้นจึงจะรู้แจ้งความจริง ไฉนเลยไพร่ผู้ตามืดบอดทั้งสองข้าง จึงจักสู่รู้อวดดี
กว่า
พระราชาตาเดียวผู้เปรื่องปราชญ์อัจฉริยะ ทัณฑ์ที่ได้รับจึงสมควรแก่เหตุ

ธรรมเนียมจารีต  ที่ได้ตรากำหนด ยึดถือกันว่า

" หากแม้นมีทารกไม่ว่าชายหรือหญิง เกิดมาพร้อมดวงตาสดใสไม่มืดบอด นางตำแยผู้ทำคลอด
นั้น ต้องกำจัดทารกที่อาจเป็นภัยในภายภาคหน้านั้นเสีย แม้นว่ารู้เห็นเป็นใจให้เด็กนั้นมีชีวิตรอด
ปลอดภัย นางตำแยผู้นั้น และบิดา-มารดาของทารก จักต้องได้รับโทษถึงแก่ชีวิต"

... เหมือนดังฟาโรห์ผู้เxี้ยมโหดที่สุดในบรรดาฟาโรห์ของอาณาจักรอิยิปต์โบราณ ที่ได้สั่งทหารให้ฆ่าทารก
เพศชายชาวยิวทุกคน ที่เกิดในแผ่นดินของเขา ด้วยเห็นว่าคนยิวมีมากเกินไป และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง
ของอาณาจักรในภายภาคหน้า .. อันนี้คงคล้ายคลึงกับหน้าที่ของหน่วยงาน "กองรักษาความมั่นคงภายใน"
ของ ประเทศคนตาบอด (เชิงอรรถ)


ความสมมะถะ ในการดำรงชีวิตของพลเมืองบอด คือ ปรัชญาอมมะตะ "เพียงพอแลนุ่งห่มเจียม" นั้น
เป็นนโยบายสูงส่งที่ประชาชนพึงยึดไว้เป็นความสุขสูงสุดของชีวิต นับเป็นวาสนาบุญคุณหาที่สุดมิได้ ที่ได้
เกิดมาบนผืนแผ่นดินของ บิดาผู้อัจฉริยะ' ปะป๊าแมคไกวเว่อร์

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุดบนแผ่นดินบอด คือ เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงเท่านั้น เช่น เครื่องรับวิทยุ
ชนิดให้ฟังอย่างเดียว,คำบอกเล่าปากต่อปากและเสียงลือเสียงเล่าอ้าง รวมทั้งคำประกาศต่างๆสลับกับเสียง
เพลงมาร์ชกองทหาร ... ฉันนั้น สินค้านำสื่อสารประเภทมีภาพ ทั้งนิ่งและเคลื่อนไหว จึงไร้สาระ ขายไม่ได้
เป็นสิ่งต้องควบคุม ทั้งตัวเครื่องเช่น โทรทัศน์อัจฉริยะ โทรศัพท์มีภาพ และระบบนำสารแบบเฉียบคมฉับไว
อาทิ สามจี สี่ที ห้ามี ทั้งหลาย ถือเป็นยุทธปัจจัย ห้ามประชาตาบอดมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
อีกประการหนึ่ง

"ถึงมีไว้ก็ใช้ประโยชน์ทางจักษุทัศน์ มองดูหาได้ไม่ ใช่ไหมปวงประชาตาบอดทั้งหลาย เชื่อเราเถิด
เพราะท่านทั้งหลาย ต้องมองให้ดีดีจึงจะเห็นว่าดี หากท่านมองไม่ดีท่านจะได้ชื่อว่ามองไม่ดี ทางที่
ดีท่านอย่ามองดีกว่า เพราะเราฟังแล้วเราไม่ชอบมากมาก"
พระราโชวาทของ คิงบอดยอดอัจฉริยะ
ให้ไว้ ณ วันที่นั้น เวลานู้น เนื่องในการออกแขกงานยี่เก


  จึงเกิด "ขบวนการตาสว่าง ปลดแอกการปกครองระบอบชราธิปไตยอันมีพระราชาเป็นประมุข"
  ที่มีเพลงปลุกใจให้ลุกขึ้น ดังว่า

"จงตื่นเถิดวัวควาย อย่ามัวหลับไหลลุ่มหลง ชาติจะเรืองมั่นคงก็เพราะเราทั้งหลาย"

ไม่มีความคิดเห็น: