วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประเทศพัฒนาเชื่องช้าประชายากไร้ เพราะ อภิอลังการ์มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง มันฮุบเอาไว้หมดคนเดียว


ถ้าคุณติดตามศึกษาความเป็นมาของ อภิอลังการ์มหาเศรษฐี ผู้มั่งคั่ง
ที่สุดรายหนึ่งของโลก ท่านจะ ...


มีความเข้าใจลุ่มลึก

ในสถานการณ์ประหลาดๆของประเทศหนึ่งซึ่งมี ขบวนการรัฐประหาร อันบ่อยครั้งติด
อันดับ 1 ใน 3 ของ โลกสีครามดวงหนึ่ง ในระบบสุริยะจักรวาลหนึ่ง

           

แล้วจะตอบคำถามยุ่งๆเกี่ยวกับ การเมือง การบริหาร ได้หมดจดทุกข้อ ว่าทำไม

- ประเทศนี้เมืองนี้ถึง ไม่พัฒนาให้เจริญ แบบนั้น ดีเหมือนแบบนี้
- ทรัพยากรทุกประเภทเยอะแยะ ทำไมคนส่วนมากของประเทศจึง ขัดสนจนยากไร้
- ทำไมพลังงานน้ำมัน แก็ซหุงต้ม แพงจัง ทั้งที่เราขุดเจาะขายมากกว่า ชาติุมุสลิมเล็กๆ
   บางประเทศ ทั้งจำนวนปริมาณบ่อน้ำมันมีมากมายมหาศาลกว่า ประเทศอิสลามกลาง
   ทะเลทราย ด้วยซ้ำ


  ภาพตัวอย่าง ความเชื่องช้าในการพัฒนา ของประเทศหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละประเทศกับบทความนี้

............. ก็ อ้ายวรนุช กับ อีอหิวาห์ มันฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไง
แล้วแจกจ่าย โยนเศษทาน ให้แก่ลิ่วล้อ เพื่อให้ปกป้องโคตะระวงศา

หันไปมองดูธุรกิจใหญ่ๆครอบคลุมทุกประเภท มันเป็นของใครที่ถือหุ้นส่วนใหญ่

   เชฟร่อน ขุดเจาะ, ปตท ส. กลั่นขาย, บ.ก่อสร้าง ประมูลรับเหมางานใหญ่ระดับชาติ
   เครือบริษัทวัสดุก่อสร้างและวัสดุซีเมนต์ ยักษ์ใหญ่ผูกขาดตลาด
   โรงงานผลิต อาหารทุกหมวดหมู่ ไอศครีมฝรั่ง พิซซ่า และอาหารแดกด่วนชื่อดัง
   ประกันภัย, ธนาคาร, ขุดทองคำ, มือถือและ ระบบgsm ฯลฯ ยิบย่อยอื่นๆ
       * ปตท ส. ย่อมาจาก การปิโตรเลี่ยมแห่งประเทศสตอร์เบอรี่แลนด์

   

ที่ดินทำเลทอง กลางเมืองหลวง และจว.ใหญ่แทบทุกจว.
สังเกตุไหมว่าตลาดสดกลางเมือง ใน ตจว. มักเป็นที่เช่าของสำนักให้เช่าไหน

คนประเทศนั้น มักถูกส่งเสริมให้มัวเมาใน การพนัน หวยใต้ดิน มิให้โงหัวเผยอขึ้นมาบนดิน 
ปั่นหัว
ให้เชื่อใน ไสยศาสตร์ สิ่งลี้ลับ จะได้อ่อนแอในทางภูมิปัญญา  และกระบวนความคิดหาเหตุผล
อย่าง
เป็นระบบวิทยาศาสตร์ จึงทำไม่ได้



ยัดเยียดให้ บันเทิงเริงรื่น แก่คนระดับล่าง และเยาวชน ขยายตลาดน้ำเมาให้เสพ หันเหความสนใจ
ไปเสียจาก
การบ้านการเมือง และกิจกรรมวิพากษ์วิจารณ์สภาพแร้นแค้น ทั้งขัดขวาง พลวัตร ใน
การสืบค้นหา ต้นเหตุแล้วแก้ไข


เมื่อปัจจัยทาง วุฒิปัญญาของคนส่วนใหญ่ต่ำ การโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องต่างๆ เช่น .. 2+2=5
จึงได้ผล มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตามที่เห็นทุกเมื่อเชื่อวัน จนเกิดอุปทานหมู่
ทั้ง รัก และ เกลียด
หากมีสิ่งใดนำเสนอสู่สังคมในสองทาง ที่เกี่ยวเนื่องด้วย ? (สิ่งนั้น)



ซึ่งหลงคิดไปว่า ประเทศอันงมงายเชื่อถือวัวควายว่าศักดิสิทธิ์ สามารถทำนายฝนฟ้าได้
จะต้อง ล่มสลายสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน หากปล่อยให้ขาดคนเพียงคนเดียว ชาวบ้านชาวเมืองนี้
จะอยู่กันมิได้ ไร้ทิศทางหางเสือ จะ
บังเกิดอาเพทจลาจลป่วนปั่น ไปทั่วแผ่นดิน

โดยการนี้จึงควร ซาบซึ้ง สำนึกในบุญคุณ อย่างถึงที่สุด การไม่รักแลวิพากษ์ นับเป็นความผิดร้ายแรง
ขั้นอุกฉกรรจ์ เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นความ เนรคุณชั้นสูงสุด
โทษทัณฑ์จึงแรง ยิ่งกว่าการ
ปิตุ-มาตุ ฆาตกรรม
ฆ่าพ่อ-ฆ่าแม่ ตนเอง



ฉะนั้น  ความเชื่อใน "ทฤษฏีนุ่งเจียมห่มเจียม" แลเสริมส่งใช้ ควายไถนา แทนจักรกล จึงได้รับ
การส่งต่อสนทนาพูดจา ว่าให้เอาอย่างแพร่ขจายไปในสังคมวงกว้างดัง
ไฟลามทุ่ง สามารถสกัดกั้นความ
นิยมเห่อเหิม
ชนชาติฝรั่งที่เจริญทางวัตถุอย่างเดียวได้ชะงัด ประดุจ วัชชพืชแฝก ที่ช่วยกันดินมิให้ไหล
ปนเปกับฟ้า จนหญ้าแพรกแหลกราญ และ อุ้มน้ำเหมือน
กระพุ้งน้ำลายวานร ตนนั้น  อันเนืองนองไปทั้ง
แผ่นดิน โดยเสมอภาคลำบากอย่างเท่าเทียม
ทั้งคนจนคนรวย นับเป็นความเท่าเทียมกันทุกชนชั้นครั้งแรก
ครั้งเดียวของประเทศนั้น




บทสรุปส่งท้าย

ฉันนั้น จึงเชื่อได้ว่า รักพ่อห่วงพ่อ ต้องซื้อยาน้ำ "ชวนป๋าเป่าปี่กัน" ให้คุณพ่อดื่มเป็นประจำ
ทุกวันหลังอาหารเย็นช่วงสองทุ่มตรง จึงจะได้ชื่อว่าเป็น ลูกกตัญญู รู้ทดแทนบุญคุณ ของแผ่นดิน
ซึ่งจะทำให้ประชาชนทุกครัวเรือน มีความสุขสุดยอดโดยมิต้องคำนึงถึง ปริมาณและขนาด ให้รกหัวใจ
                   ดังคำขวัญวันดอเด็กแห่งชาติ ที่วา "จงพอเพียง เยี่ยงที่ดังเกิดมา"

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หัวหมู่ทะลวงดัน "มัลลิกา"

โดย….ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

Posted Image
ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา / พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.สรรหา

หมายเหตุ : เนื้อหาการซักถามและตอบโต้กันระหว่าง นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา
ฐานะผู้ถูกร้องที่ 6 กับ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.สรรหา ในฐานะพยานผู้ร้อง เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ต่อหน้า องค์คณะ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐ ธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่าการ
เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 เป็นการล้มลางการปกครองหรือไม่


:down:

ภราดร : พล.อ.สมเจตน์ทราบหรือไม่ว่าในพ.ศ.2491และ 2539 ได้เคยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ2490 และ 2534
พล.อ.สมเจตน์ : ทราบครับ

ภราดร : เมื่อท่านทราบหมายความว่าทราบด้วยว่าขณะนั้นมีการตั้งส.ส.ร.(สภาร่างรัฐธรรมนูญ)เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ
พล.อ.สมเจตน์ : ขึ้นอยู่กับบริบทของสังคมที่แตกต่างกันไม่จำเป็นว่าสถานการณ์ขณะหนึ่งทำได้ และสถานการณ์อีกขณะหนึ่ง
จะทำได้ ไม่จำเป็น

ภราดร : ทราบหรือไม่ว่าปี 2539 ได้มีการรณรงค์ธงเขียวและธงแดงมีการแตกทางความคิดของสังคมขณะนั้นมีบางส่วนไม่เห็นด้วย
ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2534
พล.อ.สมเจตน์ : รัฐธรรมนูญ 2534 ทีมีการแก้ไขนั้นไม่มีเรื่องว่าด้วยสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และต้องดูบริบทของสังคมที่มันแตกแยก
กันอย่างสิ้นเชิง บริบทของสังคมที่ไม่เหมือนกันขณะนั้นสังคมมีความหวังว่าต้องการปลดจากเผด็จ การทหารเพื่อให้นายกรัฐมนตรีจาก
การเลือกตั้ง ฝ่ายทหารที่เป็นผู้ถืออำนาจในขณะนั้นมิได้คัดค้านหรือโต้แย้งใดๆถึงแม้ว่าจะ มีการดำเนินการไปก็มีความหวังว่าจะได้เห็น
การพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยที่ดี ซึ่งก็สมหวังได้ทั้งสิทธิเสรีภาพแต่ขณะนั้นมีกรอบมีการจัดตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาชุดหนึ่งวาง
กรอบของรัฐธรรมนูญ 2540 ว่าจะมีกรอบอย่างไร มีทิศทางอย่างไรเห็นชัดเจนว่าเมื่อร่างออกมาแล้วก็เป็นความหวังของชนชาวไทย ว่า
จะมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ดี แต่สังคมขณะนี้มีความไม่มั่นใจเกิดขึ้น

ภราดร : ปี2539 ขณะนั้นก็มีความแตกแยกทางสังคมในเรื่องรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน บริบททางสังคมจึงไม่มีความแตกต่างกันกับ2550
พล.อ.สมเจตน์ : การใช้ธงเขียวขณะนั้นเป็นการรณรงค์ให้รัฐสภารับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขไม่รณรงค์ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ภราดร : เมื่อท่านทราบว่าในประวัติศาสตร์ได้มีการแก้ไข รัฐธรรมนูญเพื่อตั้งส.ส.ร.แล้ว 2 ครั้ง ท่านทราบหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 7
บัญญัติไว้ว่าเมื่อไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมิได้บังคับแก่กรณีใดให้ วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พล.อ.สมเจตน์ : แล้วเกี่ยวอะไรกับคำถามท่าน…ขึ้นอยู่กับบริบทของสังคม
ชาวบ้าน :คำก็ บริบท 2 คำก็บริบท ตกลงว่าคำตอบคือบริบท ลื่นสเตนเลส จริงๆ

ภราดร : เมื่อปี 2549 ท่านร่วมอยู่ในคณะปฎิวัติหรือไม่
พล.อ.สมเจตน์ : ไม่ได้ร่วมครับ
ชาวบ้าน : ท่านสตอร์เบอรรี่ นะครับ

ภราดร : ท่านเป็นเลขาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติใช่หรือไม่
พล.อ.สมเจตน์ : ผิดครับ
ชาวบ้าน : ท่านด้าน ครับ

ภราดร : แล้วท่านดำรงตำแหน่งอะไรในขณะนั้น
พล.อ.สมเจตน์ : ท่านยังไม่ทราบเลยท่านมาถามผมแล้ว
ชาวบ้าน : อันนี้ท่านตอบ ยียวนกวนตรีน นะครับ

ภราดร : ผมถามท่านก็ตามคำถามครับ
พล.อ.สมเจตน์ : ผมเป็นหัวหน้าสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติครับ
ชาวบ้าน : "ผมเป็นหัวหน้าสำนักเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ม่ายช่าย" หน.สนง. คมช. ยังไงของมรึงกรูเป็นงง
ไม่ได้ร่วมแต่มาเป็น หัวหน้าสำนักงานรัฐประหาร

ภราดร : ก็มีส่วนร่วมกับคณะปฎิวัติในขณะนั้น
พล.อ.สมเจตน์ : ผมไม่ได้ร่วมปฎิวัติครับ
ชาวบ้าน : แล้วท่านไป นั่งหัวโด่ในตำแหน่ง คมช. ทำแป๊ะอาไร เล่าครับ ถ้าไม่มีเอี่ยวด้วย ไม่ทราบว่ามรึงเอ้ยท่านฉลาด
หรือกรูชาวบ้านโง่กันแน่ว๊ะ

ภราดร : ผมถามท่านว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
พล.อ.สมเจตน์ : ก็ได้เรียนท่านไปแล้วว่านั่นคือการล้ม ล้างการปกครองครับและมันก็ไม่ได้แตกต่างกับวิธีการของท่านที่จะมาร่างรัฐ
ธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมาแล้วนำไปสู่การล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550 มันแตกต่างกันตรงไหนครับ
ชาวบ้าน : อันนี้ท่านตอบ ตรงกับกระบวนการ ค ว ย ครับ โดยใช้กรรมวิธี คิด วิเคราะห์ และ แยกแยะ

ภราดร : การกระทำขณะนั้นเป็นการกระทำโดยการฉีกรัฐ ธรรมนูญ แต่การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งหมดกระทำตามรัฐธรรมนูญ 291 นี่คือ
ความแตกต่างชัดเจน พวกผมกระทำการตามระบอบประชาธิปไตยที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนท่านฉีกรัฐธรรมนูญ
พล.อ.สมเจตน์ : แล้วผลการกระทำของท่านมันฉีกรัฐธรรมนูญหรือไม่ครับ
ชาวบ้าน : เฮ้ย โจร ทะลึ่งมาอบรมสั่งสอนชาวบ้าน แถมยัดเยียดความเป็นโจรให้อีก ชาวบ้านปล้นโจรหรือยังไงว๊ะเนี่ย

ภราดร : การกระทำของผม เป็นเพียงเพื่อตั้ง ส.ส.ร. ส่วน ส.ส.ร.จะไปการอย่างใดนั้นเหนืออำนาจการตัดสินใจของพวกผม



สมเจตน์ไม่ได้ร่วมรัฐประหาร2549 กับบังบัง น๊ะ

Posted Image

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม

บทบาททางด้านการเมือง พล.อ.สมเจตน์ เป็นนายทหารที่มีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับ พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) และ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมและเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อน หลังการ รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พล.อ.สมเจตน์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ด้วยความที่ใกล้ชิดและสนิทสนมกับ พล.อ.วินัย ซึ่งเป็นเลขาธิการ ซึ่งใน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 พล.อ.สมเจตน์ได้รับหน้าที่ให้ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างสุจริต โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จึงพบความทุจริตในการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นที่มาของคดียุบพรรคพลังประชาชน ในเวลาต่อมา

นอกจากนี้แล้ว พล.อ.สมเจตน์ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา กล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น ในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 ได้ให้สัมภาษณ์ว่าหาก รัฐบาลในขณะนั้น ไม่สามารถจัดการปัญหาการชุมนุมได้ ก็ให้ลาออกเสียและยังเสนอให้ กองทัพทำการรัฐประหาร ส่งผลให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลไม่พอใจ เสนอให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพฤติกรรม และต่อมายังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ แดงทั้งแผ่นดิน พ.ศ. 2552 ด้วยท่าทีที่รุนแรงไม่หวั่นเกรงอิทธิพล

และยังเป็นผู้ ตั้งค่าหัว พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเงินรางวัล 1 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับสู่ประเทศไทยได้ และยังได้แต่ง หนังสือของตนเองชื่อ "หัวหมู่ทะลวงฟัน ระบอบทักษิณ" (เรียบเรียงโดย มัลลิกา บุญมีตระกูล)


Posted Image