วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"ไข่มุก ดำ" เม็ดที่ ซูสีไทเฮา อมใส่ปากก่อนสิ้นพระชนม์ ตอนที่ 2

html tracking
จำนวนเข้าชม
 



คุณยำใหญ่ใส่ทุกอย่าง www.redratchaprasong.org
ด้วยความเคารพคุณรุ่งศิลา ถึงจะไม่ได้ติดตามผลงานของคุณทุกครั้งไป แต่ก็เคยได้อ่านบ่อยๆ
ก็ว่ากันไปแล้วแต่ว่าจะวิเคาะห์ ความคิดของผมคิดว่า ทุกคนก็คงจะพยายามทำดีที่สุด ส่วนทีม
งานจะเป็นเด็กใครหรือจะเป็นเด็ก สร้าง ก็คงจะของธรรมดาสำหรับคนทำงาน ก็คงจะต้องขอคัด
เลือกคนที่รู้ใจ คนที่สั่งการกันได้ง่ายมากกว่า ที่จะไปหาคนอื่นมาเป็นทีมงาน แล้วสั่งการกันยาก

ส่วนเรื่องเงินทองๆไม่ขอวิจารณ์เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าใครได้ใครเสีย ใครขาดทุนหรือกำไรอย่างไร
แต่จากที่ดูแล้วคิดเอาเอง ว่า การดำเนินงานของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ที่เรียกกันว่าส่วนกลางก็คง
จะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ไม่น้อยเหมือนกัน

ก็ โอเคครับในเมื่อทำงานพลาด ทำงานแล้วแพ้จึงต้องยอมรับกับเสียงวิพาษวิจารณ์ สิ่งเหล่านี้
ต้องทำใจยอมรับ ส่วนจะจริงจะเท็จ จะเสียหายส่วนตัวของใครอย่างไร ก็คงจะต้องยอมทำใจ
อย่างที่บอกว่าเป็นฝ่ายแพ้ ผมจึงคิดว่าถ้าการต่อสู้ครั้งนี้เสื้อแดงชนะ คำวิพาษวิจารณ์ที่จะได้ยิน
ได้ฟัง ก็คงจะไม่เหมือนอย่างที่ผมได้ยินได้ฟังในวันนี้หรอกครับ

คุณ kamooldman ประชา ไท
ณ.ตอนนี้สิ่งที่มวลชนต้องการมากที่สุดคือคำตอบที่ว่าเราควรจะเดินอย่างไรกัน ต่อไปมากกว่าที่จะมานั่ั่งฟัง
การว่ากล่าวโจมตีเพื่อนร่วมทางนะครับ เรื่องนั้นเอาไว้เมื่อถึงเส้นชัยแล้วค่อยมาชำระสะสางทีหลังก็ได้ ยังไม่สาย

คุณ ChaoKhou  ประชาไท
การกล่าวหาและใสใคร้กัน เป็นพฤติกรรมที่ผมไม่เห็นด้วย...เพราะมันจะมีคำถามต่อไปว่า แล้ว
ทำไมคุณหรือคนอื่นๆ ไม่ลุกขึ้นมานำละ... เมื่อศึกพ่ายแพ้ ก็อย่าโทษ แม่ทัพ  การขับเคลื่อน
พลังทัพของมวลชน ใช่ผมยอมรับ ว่าส่วนหนึ่งอาจมาจากแกนนำ

แต่ส่วนหนึ่งและน่าจะยิ่งใหญ่ คือตัวของพลังมวลชนเอง นั่นแหละ ที่สำคัญและจำเป็นอย่างมหาศาล
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้
วัตถุประสงค์ คือ การปลดแอก ตนเองออกจากการเป็นอิสระชน(ไพร่) ของระะบบการปกครอง  ที่มี
ศักดินาอำมาตย์ ทุนโบราณและ ขุนศึกขี้ข้าอำมาตย์ ให้ตนเอง ได้รับความเป็นไท
(อิสระชน=ชนที่มีสิทธิเสรีภาพ) ตามที่ควรมีควรได้ ในรัฐฯ ที่ตนเองอาศัยอยู่ ภายใต้หลักแห่งสิทธิมนุษยชน

ดังนั้นผลแห่งการรบ หรือ เม็ดเงินที่เกิดขึ้นในระบบการต่อสู้ ยังไม่สาย หากคุณจะถามหาความ
เป็นจริงในภายภาคหน้า ที่มีโอกาสหวังว่า กระทู้ ล่อเป้า แบบตีให้แตกแยก ขอแนะอย่าทำ
หากมีความประสงค์จะนำมวลชน เพื่อต่อสู้ให้ได้อิสระภาพแท้จริง ผมคนหนึ่งจะยินดีร่วมทาง


ตอบ
ทุกท่าน ลองอ่านส่วนล่างนี้นะครับ
ผมไม่มีบทความ ขัดแย้งกับการชุมนุม ก่อนหน้าทั้งสองครั้ง
ครั้งนี้ถือเป็นหน้าที่ ต้องโน้มน้าวให้มวลชน บริสุทธิ์ได้ทบทวน
บทบาทของกระบวนการ ทั้งขบวนไม่เว้นแม้ส่วนบนเพื่อปรับปรุง
เราต้องยึดถือ อุดมการณ์แนวทาง ครับ มิใช่บูชา องค์บุคคล

การนำความจริงบางตอน มาเผย ก็เพื่อให้ มวลชนทราบถึงข้อผิดพลาด
เพื่อทบทวน และทำการแก้ไข ... ให้เจ็บจำ ว่าที่เราพ่ายแพ้ครั้งนี้ ถือว่าแทบย่อยยับในทาง
การเมือง ว่าเพราะอะไร ... มันเป็นกระบวนการเรียนรู้นำข้อด้อยมาแก้ไขเพื่อความเข้มแข็งใน
วันข้างหน้า เราทุกคนที่จะรุกรบต่อต้องจดจำตวามผิดพลาดใน

การ ให้ความสำคัญกับบุคคล
เพียง หน่วยย่อย แทนที่จะยึดถือ แนวทางอุดมการณ์ เป็นหลัก
เมื่อส่วนบน โลเล หรือสูญเสีย(ตาย) ก็ไม่มีผู้นำทดแทน ที่เตรียมการไว้เข้ารับหน้าที่ต่อ
..และ ชี้ให้เห็นว่า ความคิดคับแคบ และเห็นแก่ประโยชน์ที่แอบแฝง นำพาให้คนจำนวนมากต้องล้มตาย
กองทัพที่เหลืออีกนับแสน ล้าน ที่เสียขวัญ เราต้องไม่หลอกตัวเองครับว่าส่วนบน ฝ่ายนำของเราอ่อนแอ
ขาดความ มั่นคง .สำคัญที่สุด ไร้ยุทธวิธี ที่ดำเนินการโดยผู้ที่ชำนาญการในแต่ละด้าน ละแนว
ไม่ ให้ความสำคัญในกระบวนการต่อต้านการข่าว
ขาด นักยุทธศาสตร์ทางทหารร่วมในการวางแผน



"กระทู้ ล่อเป้า แบบตีให้แตกแยก" .. คุณ ChaoKhou
ส่วนประเด็นนี้ น่าจะสายไปที่จะคิดเสียแล้วครับ  ด้วยเหตุเพราะ ความแตกแยกนั้น
มี มาก่อนในส่วนของแกนนำ ซึ่งนาพาให้ เกิดความล้มตายพ่ายแพ้ แก่มวลชนผู้สนับสนุน
ถ้าเป็นสมัยโบราณนี่ พระอัยการสงคราม ว่าด้วยอัยการศึก ท่านว่า แม่ทัพผู้หย่อนยานย่อท้อ
ในการยุทธ เพียงครั้งแรกนี่ก็โดน ตัดหัว แล้ว การมีเมตตาเห็นแก่คุณความดีที่มีแต่หนหลัง
ให้โอกาสเป็น ครั้งที่สอง แก้ตัว ยังโลเลเหลาะแหละ  โทษคือ ประหาร เจ็ดชั่วโคตร ครับ
ผิดพลาดขนาดนี้ ทั้งที่ไม่สมควรจะแพ้ ... จำต้องมีกระบวนการตรวจสอบ วิพากษ์

และ..ผมยังมั่นใจยืนยันอีกครั้ง จากตอนที่๑ ว่า แกนนำชุดนี้ ยากที่จะได้มีโอกาสนำมวลชน
เป็น แสนคนล้านคนอีก(ยกเว้นขวัญชัยอุดร) ..เพราะอะไรหรือ?
ใคร จะกล้าเดินตามหลัง แม่ทัพนักพูด ที่มีประวัติการรบ อับอาย แพ้ และตาย เล่าครับ

จะด้วยเหตุผล แห่งอัตตาหรือไม่ ท่านผู้เจริญย่อมสังเกตุทราบได้
การเปิดข้อมูลบางส่วนเพื่อกระบวนการศึกษาทบทวนเป็นเรื่องจำเป็น
ในเวลานี้ เพราะความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดนี้ ถือว่ายับเยิน จนไม่น่าจะมีอะไร
ต้องเสียดายความเสียหาย ครับ .....สู้หนะของแน่ไม่ถอยอยู่แล้ว
แต่แหม ถ้าสู้แนวเดิมนี่เป็นหนที่๓ ขอลาขาดครับพี่น้องนักรบ ... รุ่งศิลา


"อย่าตบตามวลชน ด้วยคิดว่าเขาฉลาดน้อยกว่าตัวเอง"
= ทุนสนับสนุน หนุนใคร
ใครโป รโมทบ่อยๆบนเวที จำเป็นหรือไม่ เพื่อรำลึกอะไร
... การต่อสู้ ชนะหรือแพ้ (ก็ยังไม่ทราบ?)
รายได้จากการขาย น้อยนิดถ้านำมาเทียบกับตัวเลขใช้จ่ายเพื่อการต่อสู้
แต่ถ้าสำหรับบุคคลแล้ว ก็ถือว่าโอเค ยอดใช้ได้

= ขึ้นทะเบียนมวลชนแดงเพื่อรองรับฐานเสียง

"พรรคเสื้อแดงแดง" รอลงเลือกตั้ง (น่าจะสอดคล้องกับข้อเรียกร้องล่าสุด
คือ การยุบสภาสู่สนามเลือกตั้ง เร็วที่สุด ... ไอเดียใคร ใครแอบไปเจรจา
ด้วยท่าทีประนีประนอม หลายครั้ง จนล่าสุดแตกแยกกันทางความคิด รับเงื่อนไขถึงเดือนพย.
สวนทางกับกระแสมวลชนผู้ชุมนุม .... แล้วสุดท้ายตามแผนในใจ ใครจะเป็นหัวหน้าพรรคแดง ?
ใครเอ่ยจะได้ลงสมัคร สส.กันทั่วหน้า และระดับท้องถิ่น รร.การเมือง)
**ปล.การพกบัตรนี้ ไม่มีศักดิ์และ สิทธิใดๆในการดำรงชีวิตประจำวัน
แต่ในทางเดียวกัน กลับเป็นภัยมหันต์หากถูกตรวจค้นพบจากฝ่ายรัฐบาลทรราช
****ผมเป็นคนช่างสังเกตุครับ ถ้าผิดก็ขออภัย ถือว่าเป็นการช่วยอุดช่องโหว่ทางความคิดก็แล้วกัน



.

ร่างหนึ่งได้รับการเอออวยสรรเสริญปานนางฟ้าเทพธิดา ส่วนอีกร่างแม้สิ้นชิวิตด้วยภารกิจแสนงดงามกลับมีเพียงเสื่อเก่าๆคลุมห่อไว้

html tracking
จำนวนเข้าชม

เธออาจมิใช่ "วีรสตรี" ของใคร แต่เธอคือ "นางฟ้าในหัวใจ" ของคนอีกนับล้าน


คุณเกตุ อาสาพยาบาลสนาม ถูกลอบยิงขณะพยายามช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ
ใน เขตอภัยทานหลวง วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร

  ร่างหนึ่งได้รับการเอออวย สรรเสริญปาน นางฟ้าเทพธิดา  ส่วนอีกร่าง
   แม้สิ้นชิวิตด้วย ภารกิจ แสนงดงาม กลับมีเพียงเสื่อเก่าๆคลุมห่อไว้



   
    ภาพ น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี พยาบาลอาสา ..

ที่ถูกยิง เสียชีวิต ที่วัดปทุมวนารามในขณะกำลังปฎิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือประชาชนที่บาดเจ็บ..
วันนี้นปช.แดงทั้งแผ่นดินเป็นเจ้าภาพ ที่วัดปากบึงแถวร่มเกล้า..ขอให้ไปสู่สุขติคับ..
มีพวงหรีดจาก นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งมา แต่หัวหน้าคุณเกดบอกให้เอาคืนไป (ส่งคืนเจ้าของ)

click to zoom

งานศพ คุณกมลเกตุ พยาบาลอาสา
 ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดปากบึง ลาดกระบัง
โดยนายกฯ ส่งพวงหรีดไปด้วย แต่ญาติไม่ได้เอามาตั้ง
ป.ล.ขอบคุณท่านเจ้าของ ภาพด้วยครับ
เครดิต คุณชายเอี่ยว  ประชาไท
http://www.prachataiboard.info/board/id/46416



ร่างของ คุณเกตุ หรือ น้อง เกตุ    พยาบาลอาสา ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่
ถึงแม้เธอจะมิใช่พยาบาลวิชาชีพ แต่เธอก็เป็นพยาบาลแท้ด้วยจิตวิญญาณที่สูงส่ง
อุดมการณ์เธอเด็ดเดี่ยวในความมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์  ซึ่งแตกต่างเหลือเกิน
กับเด็กดีของ คนบางคนที่เป็นวีรสตรีผู้มุ่งมั่นส่ง เสริมการทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ร่างสองร่างของหญิงสาว ที่เสียชีวิตต่างเหตุการณ์ ร่างหนึ่งได้รับการเอออวยสรรเสริญ
ปานนางฟ้าเทพธิดา ส่วนอีกร่างแม้สิ้นชิวิตด้วยภารกิจแสนงดงามกลับมีเพียงเสื่อเก่าๆ
คลุมห่อไว้

เราจะระลึกถึงเธอไว้ เพราะเธอคือ เด็กดีของหญิงชายผู้เฒ่านับแสนนับล้านคน

"นางฟ้าที่แสนดี วีรสตรีผู้สวมเสื้อคลุมขมุกขมอม ในหัวใจของไพร่" ตราบเท่านาน

click to  zoom
คุณกมลเกตุ อัคฮาด เจ้าหน้าที่อาสาของสภากาชาดไทย ถูกยิงที่ศีรษะ 2นัด ทำให้สมอง
ถูกทำลาย ในขณะกำลังช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตภายในเต็นท์พยาบาล พร้อมเพื่อนร่วมงาน

click to  
zoom
หน่วย ซุ่มยิง บนรางรถไฟฟ้า หน้าวัดปทุมวนาราม

เมื่อ วันที่ 24 พ.ค. ที่ศาลาดำ วัดปากบึง แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. สถานที่ตั้งสวดอภิธรรม
ศพ น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาสาสมัครพยาบาล อีก 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ผู้สื่อข่าว
เดินทางไปพบ นายทับทิม อายุ 53 ปี อาชีพลูกจ้างกรมศุลกากร  และ นางพะเยาว์ อายุ 45 ปี อาชีพค้าขาย
บิดาและมารดาของน.ส.กมนเกด พร้อมทั้งญาติๆ ที่กำลังช่วยกันดูแลงาน

นาย ทับทิม เปิดเผยว่า น.ส.กมนเกด มีชื่อเล่นว่าน้องเกด แต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทจะเรียกหมู น้องเกด
จบการศึกษาจากโรงเรียนการบริบาล ด้านผู้ช่วยพยาบาล หลังจากนั้นก็มาฝึกงานที่โรงพยาบาลกรุณาพิทักษ์ได้
ประมาณ3ปีแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีอาชีพประจำ แต่ไปช่วยเพื่อนซึ่งประมูลงานที่การไฟฟ้าสามเสนด้านงานเอกสาร
ปกติบุตรสาวจะเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนเจ็บอยู่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ประจำจุดลาดกระบัง อยู่เป็นประจำ หลังเหตุ
การณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่มีการปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม บุตรสาวพร้อมกับเพื่อนๆ จึงเข้าไปเป็นพยา
บาลอาสา ช่วยดูแลผู้ชุมนุมที่เจ็บป่วยบริเวณแยกราชประสงค์

พ่อ ผู้ตายกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ทราบจากแม่เขาว่าบุตรสาวเข้าไปช่วยดูแลคนเจ็บที่แยกราชประสงค์เหมือนกับ
ทุกวัน จนกระทั่งมีข่าวการปะทะกัน แม่ของน้องเกดก็พยายามติดต่อบุตรสาว แต่ไม่สามารถติดต่อได้

จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ภรรยาของตนจึงได้พูดคุยโทรศัพท์กับบุตรสาว  ถามว่าจะกลับบ้านได้หรือไม่
บุตรสาวบอกว่าช่วยคนเจ็บอยู่ที่วัดปทุมวนาราม ถ้าเสร็จงานแล้วก็จะกลับบ้าน ภรรยาของตนยังบอกไปว่ารัฐบาล
เขาประกาศเคอร์ฟิวแล้ว ให้หลบอยู่ภายในวัดรอจนเช้าแล้วให้รีบกลับบ้านระหว่างที่บุตรสาวพูดคุยกับ แม่เขาอยู่นั้น
ก็บอกว่าแม่แค่นี้ก่อนมีคนเจ็บ จากนั้นวางโทรศัพท์ไปและก็ติดต่อกันไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งเวลาประมาณ20.00น.
จึงมีเพื่อนของเขาโทรศัพท์มาบอกว่า บุตรสาวถูกยิงเสียชีวิตแล้ว

นายทับทิม กล่าวต่อว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ต้องรู้สึกเสียใจที่ต้องมาสูญเสียลูก ซึ่งก็ไม่ใช่ครอบครัวตนครอบครัว
เดียวที่ได้รับความเดือดร้อน  ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียเช่นเดียวกัน แค่นี้ก็ดีใจแล้วที่ได้ศพบุตรสาวมา
บำเพ็ญกุศล เนื่องจากเมื่อทราบข่าวลูกเสียชีวิต ก็ติดต่อกับคนที่อยู่ในวัด  ไม่มีใครรู้ศพลูกไปอยู่ตรงไหน แม่เขาก็
ร้องไห้เป็นห่วงศพลูก   แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่บุตรสาวได้เข้าไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บ  ถึงแม้จะต้องมาเสียชีวิต  ซึ่ง
ครอบครัวก็ทำใจยากที่หมูต้องมาจากไปโดยเฉพาะบุตรชายคนเล็กเวลาเขาไปดูภาพที่ ถ่ายเล่นกันไว้ในคอมพิวเตอร์
แล้วได้ยินเสียงพี่สาวของเขา   ก็ยังร้องไห้อยู่ตลอดเวลา  สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ค่อนข้างสาหัสอยู่เหมือนกัน
สำหรับการสูญเสียบุตรสาว ซึ่งหมูหรือน้องเกดจะเป็นคนที่ช่วยเหลือครอบครัวมาตลอด เมื่อเรียนจบ ม.3 เขาก็รู้ว่า
พ่อแม่ไม่ค่อยมีเงิน จึงไปเรียนกศน.จนจบม.6 แล้วเข้าเรียนโรงเรียนการบริบาล   เมื่อก่อนนั้นครอบครัวเราก็จะช่วย
กันทำอาหารสำเร็จรูปขายบริเวณปากซอยบ้าน แต่มาหลังๆยายของเขารวมทั้งภรรยาของตนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
เขาจึงไปหาแผงที่ตลาดคุ้มเกล้า ไว้สำหรับร้อยพวงมาลัยขาย คนในครอบครัวก็จะไปช่วยกันร้อยพวงมาลัย สำหรับ
ตนก็จะสนิทกับน้องเกดค่อนข้างมาก เมื่อตนเลิกงานก็จะไปช่วยเขาร้อยพวงมาลัย

พ่อผู้ตาย กล่าวว่าน้องเกดมีนิสัยร่าเริงขี้เล่น ชอบช่วยเหลือคนและเป็นเด็กที่ดีมาก เวลาเขาเจอตนก็จะเข้ามาเล่นหัว
เหมือนกับตนเป็นเพื่อนเขาคนหนึ่งไม่เหมือนพ่อ   สำหรับงานศพก็มีกลุ่มนปช.มาเป็นเจ้าภาพ 2 คืน  ตนก็ไม่ได้อะไร
ในเมื่อตอนมีชีวิตน้องเกดเขาไปช่วยดูแลคนเจ็บคนป่วย เขาก็คงอยากมาช่วยงานศพ ทั้งที่คนที่มาก็ไม่เคยรู้จักกันมา
ก่อน บางคนมาไหว้ศพ เมื่อเห็นรูปน้องเกด ยังพูดว่าน้องคนนี้เองหรือ เคยเห็นมาเดินแจกยาดมอยู่เป็นประจำ หลังเกิด
เหตุก็ยังไม่เห็นมีใครติดต่อมาเรื่องงานศพ มีเพียงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ส่งเจ้าหน้าที่
เข้ามาสัมภาษณ์ แล้วก็กลับไปโดยบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือภายหลัง สำหรับค่าใช้จ่ายก็ได้จากซองที่คน
มาช่วยงาน

ด้านนางพะเยาว์ เปิดเผยว่า หมูหรือน้องเกด เป็นคนชอบช่วยเหลือคนมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว เมื่อตอนขณะเรียนอยู่ม.3
ยังหนีโรงเรียนไปอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อช่วยเหลือคนเจ็บ หลังจากเรียนจบผู้ช่วยพยาบาล  ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลกรุณา
พิทักษ์ แล้วได้เข้าไปช่วยเหลือคุณหมอและพยาบาลในห้องผ่าตัด ซึ่งเขาชอบมาก เขาไม่อยากไปอยู่ห้องยา เขาอยาก
ช่วยเหลือคนเจ็บป่วย เมื่อเรียนจบมายังเข้าไปอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับอาสาสมัครกู้ภัย ป่อเต็กตึ๊งอยู่เป็น  
ประจำ โดยในวันที่ 19 พ.ค. ติดต่อกับเขาไม่ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งผิดปกติ จนกระทั่งเวลา 18.00 น. จึงโทรศัพท์ติดต่อ
เขาได้ ถามว่าอยู่ตรงไหน เขาก็บอกว่าช่วยเหลือคนเจ็บอยู่ภายในวัดปทุมวนาราม ระหว่างที่พูดคุยกันก็จะมีเสียงดังมาก
ทั้งเสียงคนเจ็บและเสียงปืน ตนยังถามไปว่าทำไมเสียงดังจัง เขาบอกว่าตอนนี้มีการยิงกันอยู่ตนก็บอกไปว่าวันนี้ไม่ต้อง
กลับบ้าน รัฐบาลเขาประกาศเคอร์ฟิวแล้ว ให้นอนอยู่ที่วัดจนเช้าแล้วค่อยกลับบ้าน ตนก็พูดคุยกับเขาได้แค่นั้น เพราะเขา
บอกว่า แม่มีคนเจ็บ แล้วเขาก็วางสายไป

มารดาน้องเกด กล่าวว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00น. เพื่อนเขาที่อยู่ด้วยกัน ก็โทร.มาบอกกับน้องชายตนว่า หมูเสีย
ชีวิตเพราะถูกยิง ตอนแรกน้องชายก็ยังไม่ยอมบอกแต่สามีของตนบอกว่าอย่างไรก็ต้องบอกแม่เขาน้อง ชายจึงเดินมาบอก
ซึ่งตอนแรกไม่เชื่อ เพราะเห็นว่ามีอาสาพยาบาลอยู่หลายคนยังถามน้องชายไปว่าผิดคนหรือเปล่า แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าลูกเรา
เขารูปร่างอ้วน น้องชายก็บอกว่าไม่ผิดหรอก หมูถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ศพอยู่หน้าวัดปทุมฯ จากนั้นก็ติดต่อกับเพื่อนลูก
ไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งเช้าจึงไปหาเบอร์โทรศัพท์วัด แล้วโทร.เข้าไปหาพระแล้วถามว่าศพลูกสาวอยู่ที่ไหน เราจะเข้าไป
รับศพ หลวงพ่อท่านก็บอกว่าศพอยู่ภายในวัด ยังไม่ต้องเข้ามา เนื่องจากยังมีการยิงกันอยู่ ยังอันตรายมาก แล้วอีกอย่าง
ศพยังจะต้องถูกส่งไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช โดยทางวัดจะดูแลศพให้อย่างดี จากนั้นเพื่อนลูกจึงโทร.มาบอกว่าหลังหมูถูกยิง
เพื่อนได้ช่วยกันลากศพเข้ามาภายในวัด    โดยไม่ยอมให้ใครเอาศพไปได้  จนวันที่ 21 พ.ค. ตนและสามีจึงไปรับศพมา
บำเพ็ญกุศลได้

นางพะเยาว์ กล่าวต่อว่า ปกติหมู หรือน้องเกด เขาไม่ค่อยกลัวอะไร ระหว่างที่เข้าช่วยเหลือคนเจ็บป่วยที่ราชประสงค์ ยัง
บอกว่าไม่เป็นอันตราย เนื่องจากเขาไปช่วยคนเจ็บ ไม่ได้ไปรบรากับใคร ซึ่งตนยังรู้สึกว่า คนที่มีเครื่องหมายกาชาดอยู่ที่
ตัว มีแค่สำลีกับกล่องยา แล้วเขาจะไปทำอะไรใครได้  เขาจะใช้สำลีกับกล่องยาเป็นอาวุธหรือ  ทำไมต้องมายิงเขาด้วย
ตนอยากฝากว่าขอให้น้องเกดเป็นคนสุดท้าย ที่มีเครื่องหมายกาชาดอยู่ที่ตัวแล้วมาถูกยิงเสียชีวิต และว่า ตนนึกไม่ออก
เหมือนกันว่าจะไปถามหาความรับผิดชอบต่อชีวิตลูกของตนจากใคร

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรมศพ น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี วันศุกร์ที่ 21 พ.ค.
บิดามารดา พี่ๆ น้องๆ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ วันเสาร์ที่ 22 พ.ค. เพื่อนพ้องน้องพี่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นเจ้าภาพ วันอาทิตย์
ที่ 23 พ.ค. และวันจันทร์ ที่ 24 พ.ค. นปช.แดงทั้งแผ่นดินเป็นเจ้าภาพ วันอังคารที่ 25 พ.ค.  แฟมิลี่ คอมพิวเตอร์ เป็น
จ้าภาพ และวันพุธ ที่ 26 พ.ค. เวลา 17.00 น. จะเป็นการประชุมเพลิง

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้จัดส่งพวงหรีดมาร่วมแสดงความเสียใจกับผู้ตายด้วย
แต่เนื่องจากทางนปช.รับเป็นเจ้าภาพ 2 คืน และจะมีตัวแทนนปช.มาร่วมงานศพด้วย ทางญาติพิจารณาแล้วเห็นว่าถ้ากลุ่ม
นปช.เห็นพวงหรีดของนายกรัฐมนตรี อาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ จึงให้เก็บพวงหรีดดังกล่าวไปจากงานศพ



เย้ยหยัน


   

ภาพความจริงประเทศไทย ปี ๒๐๑๐ ที่ต่างชาติยังไม่เข้าใจ

html tracking
จำนวนเข้าชม
 
กรุณาช่วยกันนำออกเผยแพร่
            ภาพความจริงประเทศไทย ปี ๒๐๑๐ ที่ชาวต่างชาติยังไม่เข้าใจ   
                                                      ในเวปไซต์ต่างประเทศด้วยครับ







http://img43.imageshack.us/img43/8247/riotcontrol.jpg
http://img51.imageshack.us/img51/1744/85362.gif
***รออัพเดทเพิ่มเติม เด็ก10ขวบที่ถูกทหารระดมยิงท้องแตกไส้ทะลักตาย. นักข่าวช่างภาพต่างประเทศที่ถูกซุ่มยิงตาย.
ภาพวีรชนถูกยิงหัวหญิง สาวท้องโดนทหารยิงตายที่ซ.หมอเหล็ง  เด็กหนุ่มถูกซุ่มยิงตายในห้องเช่าของตนเองบนคอนโดสูง

                                     

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เหตุการณ์ ความรุนแรงในประเทศไทย "สมาชิกสภายุโรป"

html tracking
จำนวนเข้าชม

BBC


       
Violence in Thailand
Violence in Thailand was condemned by MEPs
(Members of European Parliaments) on 20 May 2010.

In a change to the planned agenda, MEPs held a debate on the current conflict
between the so-called "red shirts" and government supporters known as "yellow shirts".
Dutch liberal MEP Marietje Schaake said that a state of emergency should not be used to restrict
personal freedoms. A number of people have been killed in violence between protestors and the
police in Bangkok, and a curfew has been established. Irish socialist MEP Joe Higgins said the Thai
government were describing the protestors as "terrorists", when in fact they were "impoverished
farmers and the urban working class".

ความรุนแรงในประเทศไทย ได้ถูกประณามโดย สมาชิกสภายุโรป วันที่ 20 พฤษภาคม 2010

ถูกจัดเข้าในระเบียบ วาระ การประชุม, สมาชิกสภายุโรป จัดอภิปรายในวาระปัจจุบัน  กรณีความขัดแย้งใน
ประเทศไทย ระหว่างกลุ่มที่เรียกว่า "เสื้อแดง" และ กลุ่มผู้ที่สนับสนุนรัฐบาล ที่เรียกว่า "เสื้อเหลือง"

สมาชิกสภา กลุ่มดัตช์เสรีนิยม     :MEP Marietje Schaake กล่าวว่าการ ประกาศใช้ พรก.สถานการฉุกเฉิน
ไม่ควรใช้เพื่อ จำกัดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล  โดยก่อให้เกิดจำนวนคนที่ถูกฆ่า
ในความเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างผู้ ประท้วงและตำรวจ ในกรุงเทพฯ และ
การประกาศเคอร์ฟิว

สมาชิก สภา กลุ่มไอริชสังคมนิยม :MEP Joe Higgins กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้อธิบายว่าผู้ประท้วง เป็นผู้ก่อการร้าย
                                                แต่ในความเป็นจริง พวกเขาคือ เกษตรกรผู้ยากไร้ และชนชั้นแรงงานในเมือง


สหภาพยุโรป European Union (EU)
เป็น องค์การระหว่างประเทศ ที่ประกอบด้วย รัฐสมาชิก 27 ประเทศ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พศ.2535
ภาย ใต้ สนธิสัญญามาสทริชต์ แทนที่ ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC)

สหภาพยุโรปมีอิทธิพลสูง ต่อเวทีโลก เนื่องด้วยมีประชากรกว่า 500 ล้านคนและมี ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน
ประเทศ  คิดเป็นกว่า 30% ของโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม

แม้สหภาพยุโรปจะเป็นการรวมกลุ่มของรัฐหรือเป็น องค์การระหว่างประเทศ แต่โครงสร้างของสหภาพยุโรปนั้น
มีลักษณะ "เหนือชาติ" (supranational trait) อย่างชัดเจน ที่กล่าวเช่นนี้เพราะบรรดารัฐสมาชิกไม่เพียงรวม
ตัวกันเท่านั้น หากยังร่วมสร้างสรรค์สถาบันหรือหน่วยงานภายใน ซึ่งมีอำนาจเหนือรัฐสมาชิกรัฐใดรัฐหนึ่งโดย
เฉพาะ อันประกอบไปด้วย สภายุโรป คณะมนตรี คณะกรรมาธิการ และศาลยุติธรรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้



สภายุโรป

สมาชิกสภายุโรป MEPs ได้รับเลือกตั้งโดยตรงทุก ๆ 5 ปีจากแต่ละประเทศสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิก 732คน
จาก 27ประเทศ โดย ในจำนวนนี้ เป็นผู้หญิงเกือบหนึ่งในสาม (222คน) แม้สมาชิกแต่ละคนจะมาจาก
รัฐ สมาชิก แต่การจัดกลุ่มภายในรัฐสภานั้นไม่ได้แบ่งตามสัญชาติ แต่แบ่งโดยทิศทางของพรรคการเมือง
กลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ  

                 พรรคประชาชนยุโรป (European’s People Party) และ
                 พรรคประชาธิปไตยยุโรป (European Democrats)
                 กลุ่มสังคมนิยม เสรีนิยม และอนุรักษ์ธรรมชาตินิยม (กรีน)

ที่ทำการสภายุโรป ตั้งอยู่ในสองเมืองคือ สตราสบูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส และ
บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยประธานสภาคนปัจจุบันคือ Mr.Hans Gert Pottering ชาว เยอรมัน

ภารกิจหลักของสภายุโรป จะเป็นการร่วมตัดสินใจกับคณะมนตรีในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การพิจารณาร่าง
กฎหมายของสหภาพ ซึ่งริเริ่มโดย คณะกรรมาธิการ การอนุมัติงบประมาณของสหภาพยุโรป ให้การรับรอง
ความตกลงระหว่างประเทศของ สหภาพยุโรปกับประเทศนอกกลุ่ม 
และที่สำคัญที่สุดคือ  การให้การรับรอง ผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการยุโรป




.

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ศพพูดได้ ในวัดปทุมวนาราม วันสลายราชประสงค์ ๑๙ พค.๒๕๕๓

html tracking
จำนวนเข้าชม
                           ศพพูดได้


"เดอะโกลบแอนด์เมล์" ว่าใครใจเหี้ยมยิงประชาชนในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์  "วัดปทุมวนาราม"
    ตำรวจ เข้ามาช่วยในตอนเช้า ตอกนายกฯอภิสิทธิ์ถึงการดูแลความปลอดภัยของประชาชน


"เหตุรุนแรง ค่ำคืนดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน บาดเจ็บอีกราว 10 ราย บางรายอาการสาหัสนับเป็น
การเปิดฉากยิงอย่างดุเดือดบริเวณทิศใต้ของวัด ที่มี อายุเก่าแก่ถึง 153 ปี  กำแพงสีขาวของวัดถูกเปลี่ยนเป็นกระดาน
ข้อมูลของโรงพยาบาล เสียงปืนดังร่วมชั่วโมง มีคนล้มลงแต่ไม่ได้รับการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลฝั่งตรงกันข้ามจนเสีย
ชีวิต ใน ที่สุด เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัยภายนอกสถานที่จนตำรวจและทหารเข้ามาให้ความช่วย เหลือในตอนเช้า"

 นายแมคคินนอน รายงาน


สังหารหมู่ประชาชน ในเขตอภัยทานกลางกรุงเทพฯเมืองหลวง..โดย
หน่วยทหาร รอ. กองทัพไทย
ประวัติศาสตร์เมืองไทยต้องจารึกไว้ ว่า...เช้าตรู่วันที่ 19 พ.ค.2553
กองทัพบกไทย นำโดย พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ และ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
สั่งการเคลื่อนอาวุธสงครามนานาชนิดที่มี เข้าทำการล้อมพื้นที่ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์
แล้วส่งทหารเข้า สังหารเข่นฆ่าประชาชนชาวไทยที่มีเพียงมือเปล่าหรือสิ่ง เทียมอาวุธจำนวนเล็กน้อย
มี ศักยภาพและอานุภาพต่างกันมากมายนัก  ด้วยเพียงมีความคิดเห็นต่างกันในทาง การเมืองการปกครอง..
ซึ่งความเห็นต่างกัน ได้ชุมนุมกันเพื่อแสดงจำนวนมวล ชนให้เห็นว่าจำนวนประชาชนไม่เห็นด้วยกับการปกครอง
ที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม และมีการเลือกบังคับใช้กฏหมายกับบางกลุ่มบางคนอย่างอยุติธรรม จากองค์กรอิสระต่างๆ
จาก คุณหัตถา Thaifreenews



         



       
อาสาพยาบาลกู้ชีพ เห็นกับตาทหารยิง ตาย 4 ราย แล้วลากศพขึ้นรถ
คำบอกเล่าจากประชาชนที่ อยู่บริเวณวัดปทุมวนาราม...สิ่งที่ทหารทำกับประชาชน โหดเหิ้ยมมาก..
ยิงได้แม้กระทั่งพยาบาลอาสา..


"เสื้อแดง"ขอพูดบ้างจะเอาไป "ฆ่า-ประหาร"ก็เชิญ
โดย ชฎา ไอยคุปต์

click  to 
zoom

ภายหลังแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศให้ ผู้ชุมนุมกลับบ้านและยุติการชุมนุมแทนที่เดินทางกลับบ้าน
ชาวบ้านกลับวิ่งหนีตายเข้าไปขอซุกตัวภายในวัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทาน กับโรงพยาบาลตำรวจ
เพื่อหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมาจากพื้นที่วัดตั้งแต่ตลอดเวลาช่วงบ่ายจนถึงเช้า ของวันใหม่



ทั้งที่รัฐบาลประกาศเตรียมจัดรถคอยอำนวยความสะดวกให้เดิน ทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยแต่ก็ไม่มีใครยอมออก
มาและเวลานั้นก็ไม่มีมีใครรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นภายในพื้นที่การชุมนุม หลังจากที่มีการประกาศ เคอร์ฟิว ผู้สื่อข่าว
ถอนออกจากพื้นที่ ขณะที่ผู้ชุมุนุมเดินออกจากพื้นที่ชุมนุมกลับภูมิลำเนาแค่ประมาณ 400 คนเท่านั้น แล้วอีกหลาย
พันคนหายเงียบ เข้าไปซุกตัวอยู่ในวัด

ตลอด คืนที่แสนจะยาวนานในความรู้สึกของ ชาวบ้านท่ามกลางความไม่สงบ แสงเพลิงที่ลุกไหม้ตึกอาคาร
รอบพื้นที่ มีเสียงปืนเสียงระเบิดดังตลอดทั้งคืนแต่ที่เลวยิ่งกว่า คือ  การนอนร่วมกับศพเพื่อนร่วมรบ นี่คือ
คำบอกเล่าของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  "ยังผวาไม่เลิก"


แทบจะไม่มีใครได้หลับได้นอนกระทั่งรุ่งสาง แสงอาทิตย์ส่องสว่างมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน ชาวบ้านเริ่มทยอย
เดินทางออกมาตามเสียงเรียกของ มือปราบหูดำ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ใช้เครื่องขยายเสียง เรียกผู้
ชุมนุมออกมาเพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ชาวบ้านยังคงมีอาการหวาดผวา เมื่อเดินออกมาเจอเจ้าหน้าที่ทหารยืน ลาด
ตระเวนบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หดกลับเข้าไปใหม่และไม่ยอมออกมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตั้งแถวเป็นทาง
ยาวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายได้โดยที่ตำรวจจะยืนเป็นเกราะ กำบังให้ชาวบ้านจึงยอมเดินทางออก
มาจากวัดเพื่อเดินทางกลับบ้าน

ใบหน้าที่มันเยิ้มเปื้อนฟ้าสี ผิวที่กรำแดดปรากฏริ้วรอยความหมองคล้ำ เคลือบไปด้วยความอิดโรยตาแดง
กร่ำ เสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่น กลิ่นตัวที่หมักหมมขาดน้ำชำระล้างมานาน แต่ยังไม่เด็ดชัด สัมผัสได้เท่ากับ ความ
เครียด ความกังวล ที่แสดงออกมาทาง สีหน้า แววตา ไร้อารมณ์ความรู้สึก เหม่อลอย  และหวาดกลัว  แต่
ซ่อนความมุ่งมั่นในแววตา


ชาวบ้านทยอยเดินทางลงจากรถเมล์ มาต่อรถโดยสาร ที่ สถานีขนส่งหมอชิต หอบหิ้วเสื่อ หมอน พัดลม ข้าวของ
เครื่องใช้พะรุงพะรัง ขณะที่บางคนมีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวห่อหุ้มร่างกายไว้เท่านั้น นี่คือ


 
ภาพของ ผู้ชมุนุมคนไทยที่ดูไม่ต่างจากพวก อพยพลี้ภัยจากสมรภูมิรบในชายแดน เข้าแถวลงทะเบียนกับ
กระทรวงมหาดไทย ก่อนจะแวะไปรับเงินจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายละ 200
บาท เป็นการเยียวยาค่าเดินทางต่อรถ  กลับภูมิลำเนาหลังจากมีรถฟรีไปส่งถึงตัวจังหวัด  ส่วนใหญ่เข้าไป
รับเงินแต่ บางคนก็ไม่ยอมรับ และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า คน เสื้อแดงไม่ รับเงิน  ส่วนบางคนก็ประชด ด้วยการ
บอกว่ามาร่วม 2 เดือนได้เงินกลับบ้าน 200 บาท


พูดแล้วจะเอาออกจริงหรือ ? คำตอบที่ชาวบ้านถามกลับกับคนที่หิ้วกล้องพร้อมปากกา และกระดาษ มาขอสัมภาษณ์
แต่สุดท้าย

นางชวนพร ชัยมงคล  อายุ55 ปี จ.เชียงใหม่  ก็ยอมเล่า
ถึงนาทีหนีตายเข้าไปอาศัยในวัดปทุมวนา ราม   ท่ามกลางวงล้อมของหมอกควันและเพลิงและกระสุนปืนที่ดังอย่าง
ต่อเนื่องพร้อม กับผู้ชุมนุมหลายพันคน และ อีก 6 ศพ  ถูกยิงเสียชีวิตห่อด้วยเสื่อเรียงอยู่ในวัด ว่าจะออกมาก็ออกไม่
ได้ เพราะว่าหลายคนที่ออกมาเพราะ  ห่วงข้าวของ เครื่องใช้ก็ถูกยิง มันไม่เหมือนประเทศไทย ที่มีการเอื้อเฟื้อกันทุก
คนเสียใจมากไม่น่าจะเป็นแบบนี้  เรา เรียกร้องแค่ให้ยุบสภาเท่านั้นเองทำไมต้องมายิงเราด้วย (พร้อมกับสะอื้น)
ทุกวันนี้ไม่มีความยุติธรรมสำหรับคนจนเลย คนจนไม่มีค่าไม่มีราคา คนจนอย่างเราไม่ได้ขออะไรมากมาย  ขอให้มัน
ถูกต้องอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบ จึงขอให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร
อดีตนายกฯ ตลอดจะเป็นใครก็ได้ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างยุติธรรม

"ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจ เพราะ  ว่าญาติพี่น้องร่วมรบถูกยิง  ถูกลากศพไปต่อหน้าต่อตา  ไม่คิดว่า
ชีวิตนี้จะมาเจอแบบนี้
  อยากให้บ้าน เมืองได้ความยุติธรรมคืนมา มีความถูกต้อง   มีกฎหมายเท่าเทียมกัน
ไม่ใช่แบ่งพรรคแบ่งพวก คนรวย คนจน มีค่าเท่าเทียมกัน ต้องให้สิทธิการเป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็น มนุษย์
ขี้เหม็นเหมือนกัน แต่ถ้าขี้หอมก็ยกให้อีกระดับหนึ่ง ฉะนั้นต้องคิดว่าคุณคือมนุษย์เหมือนกัน


เราไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าทุก คนรู้ที่แกนนำต้องเลิกเพื่อรักษาชีวิตผู้ ชุมนุมไว้ วันนี้เราได้เพื่อนที่ไม่เข้าใจเรา
ได้เข้าใจเรามากขึ้น แต่ที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเพราะฟังข่าวด้านเดียว  เห็นแต่เสื้อแดงไปทำทหาร  แต่ทหาร
ทำร้าย คน เสื้อแดง ไม่มีออกทีวีเลย  ไม่ว่าอะไรหรอกคนที่เป็นนายกฯ   ขอแค่คืนความยุติธรรมให้กับสังคม
เท่านั้น หากยังแบ่งแยกกันอยู่อย่างนี้มันจะแตกแยกกัน" นางชวนพรกล่าว


สาวใหญ่เมืองเชียงใหม่ยังบอกอีกว่า ขณะที่พวกเราหนีเขาวัดแล้วไปนั่งไหว้พระอยู่คิดว่าถ้าจะมายิงกันตอนไหว้พระ ก็
ไม่เป็นไร ที่ตรงนั้นมีแต่เด็ก ผู้หญิง เต็มไปหมด

"ถ้าต่อสู้ซึ่งหน้าเราต้านไหว แต่เขาเอาเปรียบเราไปซุ่มยิงจากข้างบน แบบนี้มันหมารอบกัด ต้องลงมาแล้วสู้
กันซึ่งหน้าตัวต่อตัวเราจับมัดจับมัดดีดหำได้สบาย  แต่เราไม่ฆ่าเพราะคนไทยด้วยกัน  แต่เขามาตั้งใจฆ่าเรา
ถ้าใครที่รับฟังมาจากที่ไหนก็ให้รู้ว่าเราคนไทยด้วยกัน  ไม่ใช่ว่าเสื้อแดงต้องไปฆ่าเขา  แค่จับเปลื้องผ้าก็ทำ
อะไรเราไม่ได้ แล้ว แต่นี้มาฆ่าเราต้องนึกบ้าง ทำได้อย่างไรกับคนไม่มีทางสู้


คำว่า ผู้ก่อการร้าย รัฐบาล คิดได้ไงชาวบ้านดีดีแม่ค้าขายกล้วยทอดเป็นผู้ก่อการร้ายได้ไง เราต้องการความยุติธรรม
คืนไม่น่าจะเป็นแบบนี้แค่ยุบสภาเขาก็ทำกันทั้งโลกหากคิดว่าหาเสียงเก่งก็หา วิธีการไปสิไม่เห็นต้องมาฆ่าเราเลย"
สาวใหญ่เสื้อแดงคนเดิมระบุ

นางชวนพร  เล่าต่อว่า ภายในวัดแทบจะไม่มีที่ให้เดินเพราะมีคนเข้าไปหลับนอนกันเรียงเป็นแถว ลูกก็เป็นห่วงโทรบอก
ให้ออกมาจากวัดซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราออกไปไม่ได้ถ้าออกมาตายแน่ ขนาดตอนเช้าที่ออกมาตำรวจต้องตั้งแถวเรียงกันเป็น
แผงช่วยให้เราออกจากวัด เพราะข้างบนรางรถไฟยังมีทหารอีกเพียบ พร้อมกับชูภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล ให้ดูรูป เจ้า
หน้าที่ทหารยืนประจำการบนราง รถไฟ


"วันนี้ไม่มีความยุติธรรมกับเราคนจน เลย  คนจนอย่างเราใช่ว่าจะมาขออะไรมากมายขอแค่ให้ยุบสภา เลือก
ตั้งใหม่ คุณได้เป็นนายกฯไป เราไม่ว่า ให้มันถูกต้องอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบทุกคนกลับ
บ้านด้วยความเจ็บใจ...เพราะว่าญาติพี่น้องที่ร่วมรบกันเสียชีวิตไปต่อหน้า ต่อตา ช่วยเหลืออะไรกันไม่ได้เลย
การกลับบ้านครั้งนี้ถือว่าเสร็จแล้ว เรามาแสดงอุดมการณ์ของเราที่ไม่ชอบความไม่ยุติธรรมไม่ใช่ว่าเข้าข้าง
กัน   ผิดก็คือผิด" 
... นางชวนพร กล่าว


นายอนุชา ยะอนันต์ อายุ 45ปี นปช.ลำพูนชายร่างใหญ่ หนวดเฟิ้มเล่านาทีชีวิต
เป็นตายเท่ากัน ขณะที่เข้าไปหลบซ่อนใน วัด ปทุมวนาราม ว่า
" อยู่ในวัดไล่ยิงคนเหมือนหมา ออกไปนอกวัดก็ไม่ได้ มีทหารอยู่บนรางรถไฟเห็นๆกันอยู่ จะไม่เห็นได้ไงไล่
ยิงกันรอบวัดเลย ลึกๆในใจใครทำอะไรก็รับไปให้รู้กันเองไม่เป็นไร "


นปช.ลำพูน กล่าวอีกว่า มองดูรัฐบาลตอนนี้ไม่เหมือนกับรัฐบาลทั่วโลก  ขนาดเขาทำผิดนิดเดียว  ก็เริ่มรู้ตัวต้อง
ออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ประเทศเราไม่ใช่ประชาธิปไตย รัฐบาลถูกต่อต้านไปไหนไม่ได้ต้องมีทหารคอยคุ้มครองไปกันแต่
ละครั้งขนตำรวจ ทหารไปล้อม3-4พันคน เข้าใจว่าความเกลียดชังคนเสื้อแดง ที่เกิดในใจหลายคนคิดว่าเกิดจากข้อมูล
ที่เขารับฟังข้างเดียว

เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นศัตรู แต่ถ้าวันหนึ่งเขาได้รับรู้ว่าความจริงคืออะไร   เขาจะเสียใจมากยิ่งกว่าพวกเรา
เสียใจอีกรัฐบาล ควรแสดงความจริงใจว่าส่วนใดที่เป็นจริงหรือไม่เป็นจริงต้องเอามาพูดกัน


"ความจริงของเรื่องนี้คือ รัฐบาลเอาทหารออกมาแล้วปิดกั้นไม่ให้พวกที่เข้าไปชุมนุมได้ชุมนุมกันอย่าง สันติวิธี
พวกเราไม่มีอาวุธมีแต่ไม้เหลาแหลมแต่ทหารอาวุธครบมือ วันหนึ่งถ้าเป็นญาติของเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร...
รัฐบาล ไม่น่าทำขนาดนี้ ผมอายชาวโลก ชาวโลกรับรู้ข่าวหมดแต่ช่องทีวีของไทยยังปิดหูปิดตา มีข่าวทาง
อินเตอร์เน็ตที่รายงานข่าวเราบ้างประเทศไทยยังมัวแต่ปิดกั้นอยู่อย่างนี้เรา ไปไม่รอดแน่"นายอนุชากล่าวทิ้ง
ท้ายก่อนเดินไปขึ้นรถกลับลำพูน


click to 
zoom  ขณะที่ นาง ชฎาทาน ธันวาภักดี ชาวจ.นนทบุรี อายุ55ปี   อาชีพค้าขายกำลัง
หอบหิ้วสัมภาระที่ขนกลับมาจากราชประสงค์ เพื่อเดินทางกลับบ้าน กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยสนับสนุนการปฏิวัติว่า มันดี
แต่พอเห็นการยึดทำเนียบจึงได้รู้ว่ามันไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเราเหมือนกบในกะลา เมื่อมีคนมาเตะกะลาให้เราต้องออกม
าเราต้องวิ่งออกมาจนได้เห็นความไม่ยุติธรรม ฉะนั้นเรายอมตายเพื่อความถูกต้องดังนั้นเราต้องช่วยกัน

  "เขาใจร้ายมาก ฆ่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนเราไม่ใช่คนยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้า มีคน
ตาย 6 ศพ นอนอยู่ในวัดยังไม่ได้ฉีดยาให้ศพ น่า อนาถใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะยิงเรานัดเดียวคาที่
หมด เห็นคนเชียงรายมากัน 8 ตาย
5 กระสุนเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา"

                             ...........นางชฎาทานบอกเล่าสิ่งที่ได้พบเจอ

นปช.นนทบุรี กล่าวต่อว่า "ตอน นี้เรา ต้องหยุดก่อนแต่เราไม่ถอย  เราไม่ได้ทำอะไรเขาเลยเขามายิงเราทำไม เราแค่
มาเรียกร้องประชาธิปไตยขอความ เป็นธรรมมายิงเราทำไม พอใจ ยิงก็ยิง  ก่อนหน้านี้เราไม่เคยแตะต้อง อะไรเลย แต่
ตอนนั้นระเบิดลงหน้าเวทีคุณฆ่าเราแล้วพวกเราก็ระงับอารมณ์ทุกคนไม่ได้แล้ว พวกเราก็พากันหนีตายเข้าไปใน วัดบ้าง
หลบอยู่ใต้รางรถไฟฟ้าบ้างเขาก็ยิงลงมาอย่างต่อเนื่องเก็บข้าวของกันแทบไม่ ทันเขายืนอยู่บนหัวเรา ตอนนั้นประมาณ
6 โมงเย็น พอเราออกมาตอนเช้ายังเห็นทหารยืนอยู่เต็มรางรถไฟฟ้า"


"สิ่งที่พวกเราเจอยิ่งกว่าสงคราม เกิดมาไม่เคยเจอไม่คิดว่าประเทศเราจะเป็นขนาดนี้ ใจร้ายมากเขาเหยียบย่ำหัวใจเรา
มาก รอดตายมาทุกวันนี้เพราะตำรวจแท้ๆ และขอย้ำบอกกับพวกที่หาว่าเรามาแล้วได้เงินไม่จริงเลย  มีแต่เสียเงินเอง
ทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีใครเอามาให้เลย เราสู้กันตั้งแต่พันธมิตรยึดทำเนียบจนกระทั่งวันนี้ที่พวกเราถูกไล่ยิง"
                             ............ นางชฎาทานกล่าว

ทางด้าน นายชัยวัฒน์ แสงเดชเจริญชัย อายุ 47 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่กำลัง
รอขึ้นรถกลับภูมิลำเนา หลังจากที่ลาสิกขาบท เพื่อมาร่วมชุมนุมบอกว่า ตอนนั้นได้ดูข่าวเห็นแล้วทนไม่ไหว จึงสึก
ออกมาเพราะเห็นความไม่ถูกต้องขอเงิน พี่ชาย 4พันบาท  เข้ากรุงเทพฯตั้งแต่หัวโล้น จนตอนนี้ผมขึ้นขนาดนี้แล้ว
(ชี้ไปที่ผม) มาร่วมชุมนุมเกือบ 2 เดือน  เงินที่นำมาก็หมดแล้ว  แต่ข้างในคนเสื้อแดงรักกันมากแบ่งบันกันกิน พวก
เขาไม่มีอาวุธมีแต่หนังสติ๊ก ไม้ไผ่ กับบั้งไฟ ที่จุดไล่เฮลิคอปเตอร์ ส่วนพวกผู้หญิงน่าสงสารมาก  ช่วงที่ทหารบุกยิง
ทั้งแก๊สน้ำตา ยิงปืนใส่

"พวกผู้หญิงที่อยู่ในพื้นที่ทนเห็นคน ถูกยิงไม่ได้ไปช่วยกันเอาน้ำยาล้างส้วมเทใส่ถุงแล้วเอาไปเฟวี้ยง(ขว้าง)ทหาร
เห็นแล้วน้ำตาไหล ถ้าใครเข้าไปสัมผัสข้างไหนแล้วจะรู้ เมื่อกี้เดินออกมาตามถนนหนทางชาวบ้าน ร้องห่มร้องไห้มา
ตลอดทาง ตำรวจดีมากเลยที่เข้าไปช่วยพวกเราไม่งั้นทหารไม่ปล่อยออกมาแน่ ถ้าออกมาโดนยิงหมด" นายชัยวัฒน์
กล่าวย้ำสิ่งที่ผู้ชุมนุมคนอื่นบอกไว้ในเรื่องเดียวกัน

"ตอนทหารยิงผมอยู่ตรง ศาลาแดง วิ่งหลบกระสุนทั้งวันทั้งคืน ทหารใช้ปืนสไนเปอร์ยิงโดนหัวโดนลำตัว ต่างคนต่าง
วิ่ง หมอบไปด้วยวิ่งไปเลาะตามเต็นท์ วิ่งโล่งๆไม่ได้ ตอนนั้นผมวิ่งไม่ถึงวัดจึงเข้าไปหลบในโรงพยาบาลตำรวจแทน
พวกเรานอนเกลื่อนกับพื้นเต็มไปหมด ออกไปไหนก็ไม่ได้ คนในวัดก็ออกไม่ได้ ออกมาก็ถูกยิง ตรงศาลาแดง ดุเดือด
มาก ไปซุ่มอยู่บนตึกยิงลงมา " ... นายชัยวัฒน์กล่าวถึงนาทีหนีตาย

นายชัยวัฒน์ เล่าถึงการเดินทางมาร่วมชุมนุมว่า  มาคนเดียวได้แต่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เห็น
แล้วน้ำตาไหลออกมาเองแบบไม่รู้สึกตัว   พวกมวลชนไม่รู้เรื่องรู้ราว      ทำไมต้องยิงเขาด้วย ผู้หญิง เด็ก ยิงหมด
หากออกไป
จากที่ชุมนุมเจอด่าน ทหารจะตรวจค้นมีอะไรแดงๆจะโดนหมดเลย เถื่อนมากเหมือนไม่ใช่ประเทศไทย
มันจะไม่ใช่สยามเมืองยิ้มอีกต่อไปแล้ว



  "คนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาจนแก่
ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนจะโหดขนาดนี้แม้แต่ตัวผมเอง"
  เสียง สะท้อนจากผู้ชุมนุมที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอ

นางคำสอน สมพงษ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย นั่งรวม
กลุ่มอยู่กับเพื่อน 3 คน รอเดินทางกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต บอกเล่าเหตุการณ์ในวันที่ราชประสงค์มืดมิด พร้อม
กับท่าทางที่ตื่นกลัว ว่า ลูกระเบิดลงมา พากันวิ่งเข้าวัดปทุมวนาราม เจ้าอาวาสดีมากให้พวกเราพักพิง

"ขณะที่นางพยายามกำ ลังปั้มหัวใจช่วย คนเจ็บอยู่ก็ถูกยิงเสียชีวิตการ์ดก็ตายโหดมาก พวกเราไม่ได้กิน
ข้าวกินน้ำกันเลย ตี 5 ตั้งแต่ทหารเริ่มปฎิบัติิการ พวกเขามากล่าวหาว่าพวกเราเป็นผู้ก่อการร้าย  เราไม่มี
อะไรเลย มีแต่พัด แล้วมากล่าวหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีปืนจริงคิดว่าจะเหลือหรือไง
ก็ยิงออกไปสิ บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป สั่งฆ่าใครฆ่าให้หมดจับใครได้ก็ฆาให้หมด
" ยายคำสอนกล่าว

"กลัวก็กลัวแต่สู้   ช่วยๆกันระเบิดโยนมาไม่ถูกพวกเราก็ถูกคนอื่น  ลูกปืนยิงมาไม่ถูกเราก็ถูกคนอื่น การ์ด
ผู้ชายรับปืนรับระเบิดแทนผู้หญิงหมด แต่ผู้หญิงตายเยอะหนีไม่ทันทั้งคนแก่และเด็ก แล้วยังยิงฝรั่งที่มาทำ
ข่าวอยู่กินกับพวกเรา แล้วยังจะมาหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายยิงอีก มันโหดร้ายแค่ไหนรัฐบาลนี้จะเอาเรา
ไปประหารก็เชิญเพราะพูดความจริงเลย เพราะ รัฐบาลทำได้ทุกอย่าง"
ยายชาวหนองคายพูดอย่างไม่กลัวความ
ผิดและภัยถึงตัว

"เราไม่ใช่คนมีความรู้แต่เป็น ชาวนา เต็มตัวจะบอกว่า แม้แต่เด็กยังไม่ไว้ชีวิต คนแก่คลานไปร้องขอชีวิต
ยังโยนทิ้ง ไม่
ตายก็ โยนเข้ากองไฟ เอาศพไปทิ้งไม่ให้เห็นศพ"  ยายคำสอนกล่าวย้ำอีก ครั้งก่อนจะบอกว่าได้เข้า
ไปหลบอยู่ในวัดปทุมวนาราม  หลวงปู่ก็เทศนาให้ฟังแก๊สน้ำตาก็ยิงเข้ามาในวัดใจสั่นไปด้วยนั่งพนมมือไป ด้วย ไม่ตายก็
เหมือนตาย เราผ่านสนามรบมาแล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป

click to  zoom ขณะที่นายสุชาติ พรั่งพรหม นปช.จันทบุรี กล่าวย้ำถึงภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน
ว่า "เห็น ทหารยิงประชาชนตอนนั้นพักอยู่ที่ วัดปทุมวนารามเห็นศพอยู่ในวัด 6ศพ บาดเจ็บอีกประมาณ 10คน
ยิงพยาบาล
(อาสาสมัคร)ในวัด ที่กำลังทำแผลให้กับคนเจ็บ ก่อนยิงยังด่าพยาบาลอีกว่าอีเสื้อแดงมึงเก่งนักเหรอ
แล้วก็ยิงเลย เป็นทหารแก่
แล้ว มีผมหงอก "

เสียงส่งท้ายของคนเสื้อแดงก่อนอำลาเมืองกรุง กลับบ้านพร้อมกับบาดแผลในใจ ความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตบนเส้น
ทางการเรียกร้องประชาธิปไตยได้รับบทเรียน ที่แสนล้ำค่าที่สุดในชีวิตของมวลชนคนธรรมดาที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องมา
ตกอยู่ใน สมรภูมิรบท่ามกลางสงคราม "คน ไทยฆ่ากันเอง" จนแทบเอาชีวิตไม่รอด





 

 

 

หลวงพ่อถาวร ที่วัด ปทุมวนาราม ท่านเมตตามากบอกพวกเราให้อยู่ในวัดจนกว่าจะปลอดภัย จะ 7วัน หรือ15วันก็ได้
ท่านไม่ว่า จะใช้อะไรก็ได้ ท่านอนุญาตโดยไม่ต้องขอ

ถ้าไม่ได้ วัดพวกเราคงแย่ ทหารยิงคนอยู่ข้างนอกวัด พวกเราลากศพเข้ามาได้ 3 ศพ มีคนบอกว่ายังเหลือศพอยู่ข้างนอก
อีก 2 ศพ แต่ออกไปเอาไม่ได้แล้ว เพราะทหารยิง

ต่อมาทหารยิงเข้ามาในวัด มีคนตายอีก3 เป็นผู้หญิงหนึ่งคน ผู้อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ 2คนเล่าตรงกันว่า ผู้ชาย 2คน
(อาจเป็นการ์ด) บาดเจ็บ เดินกระปลกกระเปลี้ยมาที่วัด ผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลหรือนางพยาบาลมาช่วยดูแลรักษา
แล้วทหารก็ยิงเข้ามา เลยตายกันหมด ทำให้มีศพในวัดทั้งหมด 6 ศพ วางเรียงอยู่หน้าศาลาพระราชศรัทธา

แมคคินนอน ผู้ สื่อข่าวจากสำนักข่าว "เดอะโกลบแอนด์ เมล์" ตั้งคำถามว่า ใครเป็นผู้เปิดฉากยิงฝูงชนกว่า 1,500 คน
ในเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ทั้งที่ควรจะได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ค่ำคืนนั้นกลายเป็นอีกสิ่งสำคัญ
ที่อาจบ่งชี้ถึงการดูแลประชาชน ทั้งในและนอกประเทศของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

.