วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โฆษกเขมรออกแถลงการณ์ตอบโต้ ด่าสนธิลิ้ม “ไอ้บ้าเสียสติ”

html tracking
  จำนวนเข้าชม

เขมรออกแถลงการณ์ตอบโต้ ด่าสนธิลิ้ม “ไอ้บ้าเสียสติ”
พาดพิง “นู๋มาร์ค” สมรู้ .. ไทย “ไอ้เข้เนรคุณ” !!


       เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา โฆษกหน่วยงานสื่อและการตอบโต้อย่างรวดเร็ว
(Press and Quick Reaction Unit -PRU)   สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกัมพูชา ภายใต้การกำกับ
ดูแลของ นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี    ออกแถลงการด่า
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมากล่าวโจมตีให้ร้าย สมเด็จฯ ฮุนเซน อันเป็นที่รักยิ่งของกัมพูชา
พาดพิง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ต้องรับผิดชอบทั้งทางจริยธรรมและการเมือง แนะ นู๋มาร์ค
หา “ตะกร้อครอบปากหมา” ใส่ให้ สนธิลิ้ม






       แถลงการณ์ตอบโต้ สนธิ ลิ้มทองกุล ฉบับภาษาอังกฤษ

 
click foto + Enlarge


       แถลงการณ์ตอบโต้ สนธิ ลิ้มทองกุล ฉบับภาษาเขมร

  
click foto + Enlarge

ภาพจาก http://www.15thmove.net


สนธิ ลิ้มทองกุล เหมาะแก่การหา “ตะกร้อ” (ขลุม) มาครอบปาก
                                    ลิ้งค์ที่มา :คำแถลงการณ์ตอบโต้ ลิ้ม


Dodgy  สนธิลิ้มไม่ใช่คนกล้าหาญ และ  ทุกวันนี้ก็ยังระวังตัวถึงขนาด
ฉะนั้น ... การปากหมากับอดีตนักรบผู้ปราบเขมรแดง นี้มีความเป็นไปได้อย่างสูงอีกครั้งที่จะโดน ...
ต้องไม่ลืมว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล คนนี้เป็นคนไร้ค่า ซึ่งมิมีคุณานุประการอันใดกับชาติไทยใน
สายคนไทย ส่วนใหญ่ .. อีกทั้งไม่มีบารมีใด ในทางราชการมาคุมกบาลหัว อย่างนายกษิต ภิรมณ์
อีกยังเป็นที่หมายหัวของรัฐบาลลาว มิตรสนิทของเขมร Tongue จึงต้องระวังไว้จงหนัก

                            [Image: u7159.jpg]          
[Image: 80337424.jpg]
[Image: 96262115.jpg]
[Image: 26325338.jpg]                                       สนธิ ลิ้มฯ รู้ทุกอย่าง ยกเว้น . . . 
 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ในฐานะ “ผู้ถูกกล่าวหาในคดีก่อการร้าย” คนหนึ่งได้ให้
สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมา มีอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือ เรื่องที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูก
“ลอบยิง” ปางตายจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่งประเทศ และ/หรืออาจทั่วโลกด้วยมั๊ง
นาย สนธิ ลิ้มทองกุล วกไปถึงคดีค้างเก่าของตัวเองที่ถูกลอบยิงด้วยการท้าวความ ว่า 


“เราไม่กลัว การทำงานเพื่อชาติเพื่อเมืองมันต้องมีการถูกกลั่นแกล้ง แต่เชื่อผม คนเราทำดีเพื่อ
แผ่นดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ถ้าไม่ได้ทำงานเพื่อชาติเพื่อเมือง จะโดนยิง 200 นัดแล้วรอดได้
อย่างไร”

นายสนธิ ย้ำว่า... “รัฐบาลรู้ว่าใครยิง ผมก็รู้ และคนที่ยิงก็นอนไม่หลับ อยากยิงอีก” ประโยคนี้ มี

ความหมายมากนะครับ พี่สนธิ !

พี่สนธิครับ บอกว่า รัฐบาลรู้ว่าใครยิงหากเป็นจริง ทำไมพี่ไม่ให้ทนายความยื่นฟ้องรัฐบาล ในฐานะเจ้า

พนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 เล่าครับ

พี่ บอกนักข่าวว่า “รู้ว่าใครยิงพี่ แล้วนอนไม่หลับ อยากยิงพี่อีก” ก็แล้วทำไม่พี่ไม่แจ้งความกับเจ้า

หน้าที่ตำรวจให้จับกุมคนที่จ้องจะยิงพี่ละ ครับ หรือพี่ต้องการให้มันย้อนกลับมายิ่งพี่อีกครั้งหนึ่ง ตามที่
บอกว่า “อยากยิงอีก”

               พี่รู้จริง ๆ หรือ ? หรือโม้   เพื่อหาคะแนนสงสารจากประชาชนกันแน่


                                                               แหล่งที่มา
                                                             ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง 


[Image: 59651026.jpg]

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ ว่าตนเองแขวนพระ  .. ซ้าทุ พระคุณงามความดี วุ้ย






วันที่ 3 ก.ย.2553 "เมืองไทยรายสัปดาห์"

    ImageShack, free image hosting, free video hosting, image hosting, video hosting, photo image hosting site, video hosting site     ImageShack, free image hosting, free video hosting, image hosting, video hosting, photo image hosting site, video hosting site

       “สนธิ”กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ “ฮุนเซน”และพวก

           "สนธิ" ไม่ถือโทษ "ฮุน เซน" และ ลูกหาบที่ออกมาด่าทอ ใช้น้ำมนต์หลวงตามหาบัว กรวดน้ำออก
รายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์"   อุทิศส่วนกุศลให้ ฮุนเซนและพวก รวมถึงคนไทย  ที่เคยทำร้ายตนทั้งกาย
วาจาและใจ ยันต่อสู้ด้วยเอาธรรมนำหน้าตลอด ระบุผู้นำเขมรหันมาคืนดีนายกฯไทยเพราะกลัวเลิก เอ็มโอยู 43

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาได้ดาหน้าออกมาตอบโต้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า มเด็จฮุนเซนเป็นคนเนรคุณ เมื่อสัปดาห์ก่อน  โดยมีการเผยแพร่ภาพ
โปสเตอร์ของพรรคประชาชนกัมพูชาตามเว็บไซต์ข่าว เป็นรูปจระเข้ถูกล่ามโซ่ที่คอ ผูกไว้กับหลักประหารมีดดาบ
ยาวอยู่ใกล้ๆ มีข้อความภาษาเขมร ว่า “จระเข้สนธิที่สับสนในประวัติศาสตร์และเนรคุณ ควรถูกถลกหนัง..”

นอกจากนี้ นายเจียม เยียบ (Cheam Yeap) ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ รัฐสภากัมพูชา ออกมาพูดว่า

 “ใครก็ตามที่ดูหมิ่นสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน
จะต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หรือไม่ก็ถูกฟ้าผ่าตาย..”

ด้าน นายโสกอาน รองนายกกัมพูชาได้ออกมาระบุว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นายสนธิเป็นผู้นำ
เป็น “พวกคนป่าเถื่อนแห่งศตวรรษ” และ“วันหนึ่งสนธิจะฆ่าตัวตายจากสิ่งที่เขาทำ”

 
ศาสนาของ ศาสดาลิ้ม

ในรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ทางเอเอสทีวี ASTV คืนวันที่ 3 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวถึงเรื่องดัง
กล่าวว่า ตนสู้มาด้วยธรรม เอาธรรมนำหน้า เพราะสู้กับอวิชชา สู้กับอธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
พ่อแม่ ครูอาจารย์ได้เรียกเข้าไปพบแล้วชี้หน้าบอกว่า สนธิให้ออกไปด้วยธรรมนำหน้า เมื่อตนเอาธรรมนำหน้าแล้ว 
สิ่งที่ตนพูดคือความจริง ไม่สามารถบิดเบือนความจริงได้ อะไรที่เป็นสัจธรรมตนต้องพูด

 
จอมขมังเวทย์
“เพราะฉะนั้นเมื่อผมพูดแล้วผมพูดเลย ผมไม่ได้มีความแค้นเป็นส่วนตัวอะไรกับคุณ ฮุน เซน ผมทำหน้าที่ปกป้อง
ชาติบ้านเมือง ชาติบ้านเมืองกำลังมีวิกฤต ชาติบ้านเมืองกำลังถูกขโมยพื้นที่ไป คุณฮุน เซน นายซก อาน ทุกคน
แม้กระทั่งความพยายามที่จะทำดีกับนายอภิสิทธิ์ เพราะว่าเขากลัวการยกเลิก MOU 2543  และผมยังจะต้องฝาก
พ่อแม่พี่น้อง และคุณอภิสิทธิ์ด้วย ว่าอย่าลืม MOU 2543 คุณจะพลิ้วยังไงหลบยังไงก็ไม่ได้อีกต่อไปแล้วเพราะว่า
คุณต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า คุณจะเอายังไงกับพื้นที่ที่เขมรเข้ามายึด เพราะคุณได้ยืนยัน ยอมรับว่าเขมรเข้ามา
ยึดจริง และคุณยืนยันต่อพี่น้องประชาชนทางโทรทัศน์ว่า คุณจะใช้วิธีการทูตและการทหารผลักดันให้เขมรออกไป



                              ผมเอาธรรมนำหน้า อะจ๊าก! แท่งธรรมตำกะดือจอย

ผมสู้เพื่อแผ่นดินไทย ผมไม่ผิด ผมเอาธรรมนำหน้า ผมก็ไม่ผิด ผมทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งมนุษย์คนหนึ่ง
ซึ่งเกิดในแผ่นดินไทยควรจะกระทำ เพราะฉะนั้นผมไม่กลัว ผมไม่อับอายขายหน้าใดๆ ทั้งสิ้น  แต่ใครก็ตามที่ว่าผม
ผมก็อาราธนาพ่อแม่ครูอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งประเทศไทย ทั้งเขมร ให้รับทราบว่าผมไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองและ
ผมให้อภัย ผมขอกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรดาคุณฮุน เซน, ซก อาน และทุกๆ คนที่ให้ร้ายผม ที่ทำร้ายผมไม่
ว่าจะกาย วาจา ใจ ตลอดจนคนไทยหลายคนที่ทำร้ายผม ให้ร้ายผม ทั้งกายวาจา ใจ ขอให้ท่านมารับส่วนบุญ ส่วน
กุศล ในการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด น้ำนี้คือน้ำมนต์ของ หลวงตามหาบัว แท้ๆ เพื่อให้ศักดิ์สิทธิ์”

  หลังจากกล่าวจบนายสนธิได้ทำพิธีกรวดน้ำให้นายฮุนเซนและคนที่ให้ร้ายด้วย
              
 
   
 โหน้ำมนต์ ของ "อรหันต์ บัว" เสียด้วย
ImageShack, free image hosting, free video hosting, image hosting, video hosting, photo image hosting site, video hosting site      ImageShack, free image hosting, free video hosting, image hosting, video hosting, photo image hosting site, video hosting site      ImageShack, free image hosting, free video hosting, image hosting, video hosting, photo image hosting site, video hosting site
อรหันต์ บัว           พะลัก"อาตมา​เป็น​พระ​โสดาบั​น"            พะจัน
           




                    

                             
                               ประวัติ อุโฆษบุรุษ   
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ที่ชอบกล่าวอ้างความจงรักภักดีเสมอ  (ชื่อเดิม โกตั๊บ แซ่ลิ้ม)
 เกิดวันที่ 7 พ .ย. 2490 ที่จ.สุโขทัย เป็นลูกของนายวิเชียร แซ่ลิ้ม อดีตสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง
และผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยหว่างผู่ กับนางไชย้ง แซ่ลิ้ม ทั้งคู่ ยักยอกเงินของคาราวาน
ค้าฝิ่นจีนฮ่อ หลบหนีมาตั้งรกรากในประเทศไทย
ทำกิจการโรงพิมพ์ และออกหนังสือพิมพ์จีน
 จำหน่ายให้กับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อมา
ทั้งสองผัวเมียได้เสียชีวิตไปด้วยสาเหตุลึกลับที่ทางญาติไม่ยอมเปิดเผยกับตำรวจ
สนธิ จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น18 เป็นเพื่อนร่วมรุ่น กับ
นายทนง พิทยะ จากนั้นถูกส่งตัวไปลี้ภัยและเรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน พร้อมกับเรียนวิชาวิศวกรรม
เครื่องกลที่เมืองไถ่ต้า เป็นเวลาปีเศษ ก่อนที่จะไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาระดับ
ปริญญาตรีที่ยูซีแอลเอ เมืองลอสแองเจลีส นายสนธิ สมรสกับ นางจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล
(ช่องดารากุล) ชาวจังหวัดตรัง เมื่อ พ.ศ. 2516 ปัจจุบันแยกกันอยู่ มีบุตรชายด้วยกัน คือ
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารกิจการในเครือผู้จัดการ นายสนธิ เข้าทำงาน
เป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย เมื่ออายุได้เพียง 27 ปี จากนั้น
ได้ทำงานกับ นายพอล สิทธิอำนวย (ซึ่งโกงเงินธนาคาร 2,000พันล้านบาท ก่อนที่จะหลบหนี
ไปอยู่อเมริกาเมื่อ 30 ปี)
และรับโอนกิจการในเครือพีเอสกรุ๊ปมาฟรีๆอย่างน่าแปลกใจ แต่ต่อมาขาดทุน
จึงได้ขายกิจการให้กับนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา นายสนธิกลับมาเข้าวงการอีกครั้ง ด้วยการ
ตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน ทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายเดือน เมื่อปี 2526 และหนังสือพิมพ์
ผู้จัดการรายสัปดาห์ นายสนธินำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ
ปี 2533 แต่ปัจจุบันหุ้นบริษัทในกลุ่มของนายสนธิ ถูกตลาดหลักทรัพย์แขวนป้ายระงับการซื้อขาย
 เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทตัว นายสนธิเองถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จึงได้แต่บัญชาการบริษัทในเครือผ่านทางลูกชายที่เป็นนอมินี เดิมนายสนธิให้การสนับสนุนนายก
ทักษิณ แต่เมื่อนายกทักษิณไม่ยอมเอาเงินภาษีของประชาชนมาอุ้มชูหนี้สินกว่า 6 พันล้านบาทของ
นายสนธิ จึงทำให้นายสนธิโกรธแค้นและออกมาขับไล่นายกทักษิณ

           ช่างเป็น.....ลูกไม้ ที่หล่นไม่ไกลต้น เสียจริงๆ


                            
       ขนาดเข้าวัดถือศีลยังไม่วายเว้น ผิดศีลข้อ 3 ทำชู้กับเมียชาวบ้าน ช่ายม่ายช่าย พี่น้อง!!! มอ มอ

    
              ยุคสงครามกลางเมืองจีน ระหว่างฝ่าย เจียงไคเช็ค กับ เหมาเจ๋อตุง 

การสงคราม ควบคู่ไปกับ การโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อแย่งชิงมวลชน ขับเคี่ยวกันรุนแรงเท่าไหร่ การเข่นฆ่า
และ ลอบทำร้ายสำหรับกลุ่มผู้แบ่งฝ่ายถือข้าง ก็มีความรุนแรงตามไปด้วยเท่านั้น ดังนั้นการที่จะรวบรวม
เงินทองเพื่อส่งไปสนับสนุนการสู้รบในประเทศ จึงต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

                           

ดังนั้น บทบาทของ หนังสือพิมพ์จีนโพ้นทะเล ที่เสนอข่าว จึงก้าวเข้ามามีบทบาทในการรับบริจาคเงิน
เพื่อส่งไป ช่วยการสงคราม ในประเทศอีกทางหนึ่ง

    โกเชียร
นายวิเชียร แซ่ลิ้ม เจ้าของหนังสือพิมพ์จีนเล็กๆในเวลานั้น ซึ่งก็เป็นพ่อของ นายสนธิ ลิ้มทองกล 
ก็คือคนหนึ่งที่ อาสาทำหน้าที่รับเงินบริจาค มาจากทุกสารทิศ เป็นเงินมหาศาล ที่ทำให้ครอบครัว แซ่ลิ้ม
นี้มีฐานะร่ำรวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

ว่ากันว่า โกเชียร  รับบริจาคเงินเพื่อส่งไปช่วย กั๋วหมิ่นตั๋ง  ด้วยเคยเป็นสมาชิก มาก่อน ที่จะอพยพ
ครอบครัว หนีทหารมาอยู่เมืองไทย  แต่การที่ทำหน้าที่รวบรวมเงินไปช่วยพรรค กั๋วหมิ่นตั๋ง  นั้นก็มีส่วน
ในการลบล้างความผิดในข้อหาหนีทหาร  ทำให้นายสนธิ ในฐานะ ทายาทโกเชียร ได้รับการดูแลเป็น
อย่างดี จากรัฐบาลไต้หวัน เมื่อครั้งที่โกเชียรส่งไปเรียนอยู่ที่นั่น

ส่วนสาเหตุที่ โกเชียร และ นางไชย้ง ผู้ภรรยา ตายอย่างเป็นปริศนาดำมืดนั้น มันมีที่มาจากการแอบรับ
เงินบริจาคทั้งสองฝ่าย และเมื่อปี ๒๔๙๒ สงครามกลางเมืองจีนยุติ ก็ได้ฮุบเงินบริจาคทั้งหมดเป็นของตน
 

                            .  

นายสนธิ ลิ้มทองกล  จึงเป็น ลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น เจ้าของทฤษฎีสามไม่ คือ
ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ด้วยการชักดาบ เพื่อประกาศตนเป็นผีบุญนำ ลูกจีนกู้ชาติ  นั่นเอง

                                    

                                        .ทางเข้า คอกควาย




             
        นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหนี้ 6,687 ล้านบาท 
             หนี้เน่าที่ สนธิสร้างและจะไม่ยอมจ่าย

                 กู้เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกว่า  300 ล้านบาท
                 ธนาคารกรุงไทย                                495,080,556.13  ล้านบาท
                 ธนาคารกสิกรไทย                               30,791,780.82  ล้านบาท
                 ธนาคารเอเซีย                                  741,728,446.00  ล้านบาท
                 ธนาคารกรุงไทย                                900,978,279.31  ล้านบาท
                 ธนาคารไทยธนาคาร                          431,419,178.07  ล้านบาท
                 ธนาคารดีเอสบี (ไทยทนุ)                      64,621,463.90  ล้านบาท
                 การไฟฟ้าฝ่ายผลิต                                                 53 ล้านบาท
 
          และอีกหลาย ๆ ธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต่าง ๆ อีกมากมาย
         ให้ไปอ่านที่ นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ จะได้ทราบว่ามันโกงทั้งประเทศไทย และทั้งโลกด้วย


 **เหลือเชื่อที่ยังมีคนโง่เขลาเบาปัญญาตามติดตูด คนขี้โกงที่ไร้ค่า ตนนี้อีก  ดังความเห็นด้านล่าง

               click ..  ปริศนา...ชาติกำเนิด.. สนธิ ลิ้มทองกุล ?


.

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ตัวกู" เกิดอย่างไพร่ จักสู้อย่างไท ขอตายอย่างเสรีชน

html tracking
  จำนวนเข้าชม


      เกิดอย่างไพร่  สู้อย่างไท  ตายอย่างเสรีชน

click to zoom

   หากไม่สู้ ไพร่ก็จะตายอย่างไพร่(ทาส) ราจึงต้องสู้ เริ่มต้นด้วยการสร้างกองกำลังของตัวเอง
   กองทัพ ที่ประกอบไปด้วย ฅนทุกเพศทุกวัย ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ของเรา
   มุ่งหน้า ต่อต้านทรราช แม้จะรู้ว่า สู้อยู่กับใคร และรู้ว่า หากสู้ก็ต้องพ่ายแพ้ แต่สำหรับพวกเรา
   การ ตายอย่างเสรีชน อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันว่า เรามิใช่อ้ายไพร่ ทาส(ขี้ข้า)ของใคร

 

  "การต่อสู้ครั้งนี้ ผมปรารถนาว่าในวันข้างหน้า ลูกของผมและลูกของลูก จะเป็น อิสระชน
  เป็น ฅนไทเสรี ที่ยืนมั่นคงบนสองเท้าอย่างเต็มภาคภูมิ สง่าผ่าเผยที่จะปกป้องสิทธิความ
   เป็นฅนของตนและผู้อื่น ยืนหยัดในความถูกต้องชอบธรรม เพื่อจรรโลงสังคมส่วนรวมให้
   มีความสันติ สงบ ผาสุก แบ่งปันทรัพยาการความอุดมสมบูรณ์อย่างทั่วถึงเสมอภาค และ
   มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางให้พัฒนาเดินหน้าไป ของชุมชนส่วนรวมแห่งมนุษยชาติ"

...   รุ่งศิลา  20 สิงหาคม 2553


เรื่องทาสของเสียม, ซือแย, หรือ สยาม
ความเป็นทาส มีความสัมพันธ์กับการเป็น ไพร่ และอาศัยเกื้อกูลกัน เช่น ทาสในเรือนเบี้ย ตลอดจน
กลับกลายเป็นสถานะแต่โดยกำเนิด เช่น ลูกทาส

click to zoom

รัชกาลที่ ๕ ท่านทรงเลิก ไพร่ และ ทาสปพร้อมๆกัน ด้วยเหตุมันเป็นระบบที่เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน และระบบไพร่
เป็นระบบที่ใหญ่กว่าทาสมาก เพราะคนส่วนใหญ่คือไพร่มิใช่ทาส และระบบไพร่ยังสัมพันธ์กับการเกณฑ์แรงงาน เช่น
การรับราชการทหาร หรือการใช้แรงงาน อื่นๆ

ไพร่จึงมีสังกัดเจ้านาย ขึ้นกับกรม เช่น ระบบจตุสดมภ์ เวียง,วัง,คลัง.นา ตามแบบแผนการปกครองในสมัยโบราณ
หรืออาจถูกเกณฑ์แรงเป็นฤดูกาล(ระยะเวลา) เพื่อไปใช้แรงงานรับใช้(เจ้านาย)ราชการ และ ไพร่ก็อาจตกเป็นทาสได้
เช่นกัน ทาสก็อาจไถ่ตัวหลุดพ้นไปเป็นไพร่ก็ได้

การเลิกไพร่จึงกระทบต่อโครงสร้างสังคมในวงกว้างมาก กว้างขวางกว่าการเลิกทาสเสียอีก
หากมองในแง่บวก ไพร่ ก็คือ ประชาชนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นขุนนาง

click to zoom

** ในระบอบปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแบบคลุมเครือสมัยปัจจุบัน โดยกลุ่ม ศักดินาทรราช ผู้ละโมบฉ้อฉล
     และ อสัตย์ปลิ้นปล้อน ของ ... รัฐไทยไทยประชาธิปไตยใต้ตีนกู

- ประเทศที่เชื่อถือคำทำนาย ดินฟ้าอากาศ,น้ำฝน และ ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร จาก
   สัตว์เดรัจฉาน(วัว)  มากกว่า วิทยาการด้านอุทกศาสตร์

- ประเทศที่สถาปนาฟื้นฟูใหม่ กฏเกณฑ์ การหมอบราบคาบแก้วให้เคลื่อนไหวกายเลียนแบบสัตว์4เท้า
   และต้องแสดงอาการสยบเชื่อง ด้วยการประจบซุกไซร้อยู้ใกล้(ใต้)ฝ่าตีน, บูชาลัทธิเทวดา, การแบ่งแยก
   ปกครองกลุ่มชนโดยครอบงำด้วย ไสยพราหมณ์  ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี่การสื่อสารสมัยใหม่   ผสาน
   วิทยาการด้านพรอพกานดา ตลอด24ชั่วโมง ร่วมมือกดคั้นไว้ด้วย กองกำลังติดอาวุธทันสมัยส่วนตัว
   ที่ขุนชุบเลี้ยงไว้ โดยทรัพยากรอันขูดรีดเบียดบัง จากประชาชนชาวไพร่

   click to zoom



เรื่องทาสของฝรั่ง อั้งม้อ

  “ตายเสียดีกว่า ที่จะมีชีวิตยืนอยู่ พร้อมด้วยโซ่ตรวน พันธนาการแห่งความเป็นทาส“

พบกับอิสระภาพหลังความตาย..ทาสเอ๋ย 

การลุกฮือของเหล่าทาสทำให้ จักรวรรดิโรมัน อันยิ่งใหญ่ต้องเสียศักดิ์ศรี และหนทางที่จะ ขอคืนพื้นที่ เอ้อ..
ขออภัยครับ คืนศักดิ์ศรี มาได้ก็คือ การเอาชีวิตเหล่าทาส ซึ่งพวกทาสยินดีที่จะสละมันเพื่อแลกกับอิสระภาพ
ที่รออยู่ในภพหน้าดีกว่าจะ ต้องมารับการกดขี่ต่อไป


หลังความพ่ายแพ้ในการรบระหว่าง กองทัพเสรีชนทาสปลดแอก และ กองทัพโรมันผู้ปราบปราม
มาร์คัส ลิสินัส แครสซัส แม่ทัพแห่งโรม ประกาศหาตัวสปาร์ตาคัส ซึ่งหากใครชี้ตัวให้ได้จะได้รับการ
ยกเว้น บทลงโทษ เมื่อสิ้นประโยค ..ทาสทั้งหลายเปล่งเสียงร้องดังพร้อมกันว่า
ข้าคือสปาร์ตาคัส    ข้าคือสปาร์ตาคัส !
จาก ทาสผู้โดดเดี่ยวเกิดมาอย่างต้อยต่ำ เมื่อวันที่ต้องตายกลับมีคนจำนวนมากมายยอมตายแทน ....
  กองทัพทาส ที่เหลือพร้อมใจกันประกาศว่าตนเอง เป็น สปาร์ตาคัส

click to zoom

บันทึกเรื่อง สปาร์ตาคัส สะท้อนถึงวิถีชีวิตของ เหล่าทาส(ไพร่) ผู้โหยหาการปลดปล่อย โดยที่พวกเขาต่างดำเนินชีวิต
แบบผู้ คนรากหญ้า ธรรมดาแต่ก็ถูกโรม กล่าวหาว่าเป็น ผู้ก่อการร้าย อ๊า..ผิดอีกแระครับ เป็น กบฎ แล้วเมื่อพวกเขา
ต้องร่วมกันเดินทางไปจนถึง สี่แยก..ราช !! โอ๊ะ เมืองท่าบรันดูเซี่ยม เพื่อจะพบกับ...การลงสถานีกลางทางบางซื่อ
เอ้ย..การหักหลังของเหล่าโจรสลัด แล้วถูกบีบให้ต้องสู้ตาย และส่วนที่รอดตายก็ยินดีที่จะตาย แทนการอยู่เป็นทาส
ด้วย การทรยศต่อผู้นำ คือ การชี้ตัว สปาร์ตาคัส

click to zoom

แต่สุดท้ายก็หาหลีกพ้นไปได้ ทาส(ไพร่)ที่เหลือ และ สปาร์ตาคัส ถูกน้ำตัวไปตอกตรึง บนเสาไม้สูงกากบาท
กางเขน ประจานร่างจนตาย ในข้อหา ก่อการร้าย เง้อ... กาบถ ปักเรียงรายไปตลอดทางมุ่งสู่ กรุงโรม
ทั้งหมดนี้ ได้สะท้อนถึงการปกครองแบบกดขี่ และแบ่งชั้นวรรณะ
                        ของรัฐชาติโรมันในยุคเฟื่องฟูได้เป็นอย่างดี

click to zoom

ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง การเมืองของโรมันในสมัยสาธารณรัฐ มีแต่ความอ่อนแอ เล่นพรรคเล่นพวก และ ทรยศ
หักหลัง    ร่วมกันครองอำนาจเพื่อกำจัดศัตรู แล้วตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเอาผลประโยชน์

ไม่ต่างจากการเมืองของประเทศสารขัณฑ์ ที่ไม่เคยก้าวพ้นวงจรการยึดอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์ และการเข่นฆ่า
แก่งแย่งอำนาจ...ซึ่ง ประชาชนรากหญ้า มิเคยได้รับผลประโยชน์ใดๆเลย นอกจากการเป็น  ซากศพประกอบฉาก
ประวัติศาสตร์
ของเมืองในกลุ่มหมอกควันไฟ, รัฐทหาร อันมี "ทรราช" เป็นประมุข, ประเทศไม่ระบุปรากฎในแผนที่

                  click to zoom






  พจนานุกรมราชบัณฑิต
"ไพร่" แปลว่าชาวเมือง, พลเมืองสามัญ
"อำมาตย์" แปลว่า ข้าราชการ, ข้าเฝ้า; ที่ปรึกษา; แผลงมาจาก อมาตย์

     ปัจจุบัน ก็คือ
ไพร่         =   ประชาชน
อำมาตย์   =   ข้าราชการ

     ข้อมูลคณ fantasy .. บ้านราชดำเนิน


.

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มาลัยกราบแม่ผู้สูญเสีย ... แม่ครับผมมีเรื่องบอกเล่า

html tracking
  จำนวนเข้าชม





               นส.กมน เกด อัคฮาด หรือ "น้องเกด"

               นายมานะ แสนประเสริฐศรี หรือ "เบิร์ด"

               นายบุญทิ้ง ปานศิลา

               นายมงคล เข็มทอง

               นายอัครเดช ขันแก้ว "น้องปลั๊ก" เป็นลูกกำพร้า อยู่คนเดียว

   "น้องเฌอ" นายสมาพันธ์ ศรีเทพ เด็กหนุ่มวัย 17ปี ถูกยิงโดยทหารที่ตั้งแนวบนถนน
    ระหว่างแนวลวดหนามทหาร และ แนวบังเกอร์ยางรถยนต์ นปช.ซอยราชปรารภ18-20




               และ วีรสตรีกู้ชาติ เด็กดีของแม่ " น้องโบว์ "





  
        

                     'มงคล เข็มทอง' สละชีวิตเพื่อช่วยชีวิต
ใครเป็นคนยิง? และ ยิงทำไม? กลายเป็นคำถามที่ครอบครัวเข็มทองต้องการคำตอบ หลัง
ต้องสูญเสียสมาชิกคนสำคัญใน วัดปทุมวนาราม 'เมษา-พฤษภา53'

นายมงคล เข็มทอง อาสากู้ภัยปอเต็กตึ้ง วัย 36ปี ที่ยอมสละความสุขและอุทิศชีวิตของตัวเอง
เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น การเสียชีวิตของเขาในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทำให้
ความหวังของพ่อที่ต้องการจะพึ่งพิงยามแก่ชราหมดลงไปด้วย
                      http://www.voicetv.co.th/มงคล เข็มทอง                 


                       
                                    จากใจ...พ่อผู้สูญเสีย


         “พี่ทหารครับ ผมเข้าใจพี่ ผมอโหสิ เราต่างเป็นเหยื่อด้วยกันทุกคนครับ หากเฌอทำการล่วงเกิน
                 หรือจาบจ้วงท่านผู้ใดมาก่อน มารดาและบิดาขออโหสิกรรมมา ณ.ที่นี้”
เป็นข้อความบนเฟซบุ๊คของ คุณพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ คุณพ่อของ นายสมาพันธ์ ศรีเทพ "น้องเฌอ"
                                    http://www.voicetv.co.th/น้องเฌอ



[Image: hitred2.gif] [Image: thaisoldier3.gif]

แม่ครับ ทหารรุมตีประชาชนและเหยียบด้วยเท้า      กระทืบกบาลประชาชนด้วย
ภาพเหตุการณ์วันที่10เมย.53 แยกถนนข้าวสาร และ วันที่19พค.53 ย่านสารสิน สลายราชประสงค์


[Image: brokenhead3.gif] [Image: 40233337.gif]

แม่ครับ  ทหารยิงประชาชนมือเปล่าสมองไหล 
  ปฏิบัติต่อพี่น้องประชาชนอย่างเหี้ยมโหด ทหารของใครครับ
ภาพเหตุการณ์วันที่10เมย.53 แยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ วันที่13พค.53 ลุมพินี-บ่อนไก่


.