วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้านี่แหละ คือ พระ และ เจ้า

html tracking
จำนวนเข้าชม

การตกผลึกของ นิชเช่นิสซ์ และ แมคคลีเวลลี
ผ้าพันคอขนจิ้งจอกขี้โกงพาดพันคออภิมนุษย์


  ข้านี่แหละ คือ พระ และ เจ้า
    ฟรีดิช นิชเช่ Nietzsche


  ข้านี่แหละ คือ พระ และ เจ้า..ไม่ได้ว่าใคร..นา

เจตจำนงสู่อำนาจ (willing to power) ตามธรรมชาติของ มนุษย์คือการผลักดันตนเองไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ จน
สามารถข้ามพ้นหรือเอาชนะตนเองได้จนเป็น อภิมนุษย์ (Over Man)  หรือ คนเหนือคน  

Over Man ไม่ยึดติดอะไรมากนัก, พยายามจะไม่ให้คนเชื่อในระบบศีลธรรม เพราะว่าศีลธรรมก็เป็นเพียงการตีความ
มันไม่จริงมันไม่มีจริง หรือมันไม่ได้ถูกต้องไปกว่าระบบอื่นๆ
 แต่พวกเรา กลับถูกครอบงำให้ตกอยู่ภายใต้ระบบศีลธรรม (ศาสนา)

อภิมนุษย์  คือคนที่กำหนดค่านิยมของตนขึ้นมาเองโดยไม่ยอมรับตามสิ่งที่สังคมยัดเยียดให้ ไม่ใช่การเป็นผู้มีอำนาจ
เหนือผู้อื่น จากชาติตระกูล ฐานันดรหรือสายเลือด

เหตุผลเชิงเดียว การล้างบาง เมื่อเริ่มได้ผลผู้คนยำเกรง ผู้มีอำนาจจึงยึดถือว่าวิธีการนี้(ความรู้แบบนี้)ถูกต้องและสถาปนา
ว่าสิ่งนี้คือ  ความจริงของชาติ(โลก)
            ซึ่งผลที่ปรากฏกลับเป็นว่า แทนที่ประเทศชาติ จะสงบสุขกลับวุ่นวายมากขึ้นๆ นั่นเพราะโลกเรามีระบบคิดอีกหลาย
เหตุผลรองรับไม่ใช่ ทฤษฏีแนวคิดแบบเก่าเช่นนี้ นักคิด,นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่พยายามคิด ทฤษฎีกระบวนระบบ (system
theory) ทฤษฎีความไร้ระเบียบ (chaos theory) เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ และเสนอทางออกของสังคมได้ตรงจุด
ซึ่งต้องไปไกลเกินกว่า การล้างเผ่าพันธุ์หรือทำลายล้างผู้ที่คิดเห็นแตกต่าง

ศาสนาและระบบศีลธรรมทั้งปวง มันสร้างความลำบากใจให้กับมนุษย์(บางพวก) คือ มนุษย์มีความต้องการพลัง(power) มี
ความต้องการหลายๆอย่าง แต่พอมีระบบศาสนา(ศีลธรรม)เกิดขึ้น ศีลธรรมนั้นจะหักห้ามและขัดแย้ง คนบางพวกที่จ้องแสวง
หาอำนาจ จึงพยายามที่จะให้คนทุกคนทิ้งศาสนา และศีลธรรมนี้ไปเสีย


การตกผลึกของอำนาจนิยมบนพื้นฐานจากทฤษฏีของ นิชเช่ และแมคคลีเวลลี
     ผ้าพันคอขนจิ้งจอกขี้โกงบนลำคออภิมนุษย์



 


ฟรีดิช นิชเช่ Nietzsche นักปรัชญาผู้มีเชื้อสายของหมอสอนศาสนานิกายลูเธอรันและสืบเชื้อสายตระกูลขุนนางโปแลนด์
เขาเกิดเมื่อกลางศตวรรษที่ 19  คำกล่าวสำคัญของเขาก็คือ พระเจ้าตายแล้ว ซึ่งเป็นผลทำให้เขา ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น
นักปรัชญาผู้อื้อฉาว หรือกบฏในทางปรัชญา ทั้งยังเป็นนักปราชญ์ผู้เขียนหนังสือปรัชญาด้วยภาษากวีนิพนธ์ งานสำคัญของ
เขาคือ พจนาซาราทุสตรา(Thus Spoke Zarathustra) จนทำให้เขามีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับจากบุคคลทั่วโลก จนมีผู้นำ
แนวความคิดไปใช้และวิเคราะห์ต่ออย่างมากมายสำหรับคนไทยแล้ว นิทเช่ มีความน่าสนใจในด้านทัศนะและแนวคิด ซึ่งหนังสือ
เล่มนี้จะช่วยเสริม ความเข้าใจต่อนิทเช่ให้ผู้อ่านทราบในหลายๆ ด้านและมองงานของเขาในหลายแง่หลายมุมมากขึ้น


Thus Spoke Zarathustra: A Book for Everyone and Nobody (Oxford World's Classics)
พจนาซาราทุสตรา (Thus Spoke Zarathustra)

คือพจนาซาราทุสตรา เป็นเรื่องราวของศาสดาผู้หนึ่งที่พยายามพร่ำสอนผู้คนที่ ฟรีดิช นิชเช่ ตั้งชื่อตัวเอกว่า ซาราทุสตรา
Zarathustra
ก็เพื่อให้นึกไปถึง โซโรอัสเตอร์ ศาสดาของชาวเปอร์เซียโบราณ(600 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งสอนแนวทาง
ปฏิบัติที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างปัญญา และให้คนตัดสินใจเลือกดำเนิน ชีวิตเองด้วยสำนึกผิดชอบชั่วดี โดยให้เลิก ละความเชื่อ
งมงายเรื่องไสย ศาสตร์และสิ่งที่มองไม่เห็น

นิตเช่ แบ่งมนุษย์ออกเป็น ๓ ประเภท หรือ ๓ ระดับ คือ

๑) ระดับทาส มนุษย์ในระดับนี้จะไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะกลัวความรับผิดชอบ ไม่กล้ามีความคิดของตัวเอง จึงนิยม
เดินตามอุดมการที่คนส่วนมากยอมรับ ไม่กล้าทำอะไรผิดแผกไปจากผู้อื่นเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนประเภทนี้ส่วนมากคิด
ว่าการถือตาม ศีลธรรมแบบทาส (slave morality) เช่นนี้เป็นวิธีที่ได้เปรียบที่สุดแล้ว เพราะปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องคิด
และไม่ต้องรับผิดชอบ เพียงแต่ยอมให้เกียรติคนบางคนที่มีอำนาจเหนือตนก็พอแล้ว นิตเช่ถือว่าพวกนี้คิดสั้น คิดว่าการกระทำ
เช่นนี้เป็นความฉลาด แต่นั่นหาใช่อุดมการของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไม่

๒) ระดับนาย มนุษย์ระดับนี้กล้าเสียและกล้าเสี่ยงเพื่อความเป็นใหญ่เหนือคนอื่น เขาจะทำอะไรตามใจ โดยถือคติว่า
ตายเสียดีกว่ายอมจำนน เมื่อเขากล้าเสี่ยงเช่นนี้ มนุษย์ระดับทาสก็จะเกรงกลัวยึดถือเป็นที่พึ่งและยอมให้เป็นนาย เขาจึงถือ
ศีลธรรมแบบนาย (master morality) ตราบเท่าที่ไม่มีคู่แข่ง ครั้นมีคู่แข่งก็จะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง แต่ถ้าหากพบผู้
ที่มีพลังเข้มข้นแสดงความเป็นนายเหนือตนมากๆ เห็นว่าไม่มีประตูสู้แน่ๆ  เขาจะยอมจำนนโดยถือศีลธรรมแบบทาส ทั้งนี้เพื่อ
จะได้มีโอกาสใช้ศีลธรรมแบบนายกับผู้ที่อ่อนแอกว่าต่อไปได้โดยสะดวก บางครั้งเขาอาจจะยอมจำนนต่อคู่แข่งที่มีพลังไล่เรี่ย
กับตนชั่วคราว เพื่อหาโอกาสล้มล้างในเวลาต่อมา

นิตเช่คิดว่ามนุษย์ในระดับนายมีพลังเข้มข้นกว่ามนุษย์ระดับทาส จึงเอาเปรียบทุกคนและทุกสิ่งที่อ่อนแอกว่าตน
ในทุกวิถีทาง พวกนี้ทำความเจริญให้แก่มนุษยชาติ แต่ก็สร้างความเดือดร้อนให้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งมนุษย์ระดับทาส
และระดับนายต่างก็มีกิเลสเป็นเครื่องนำทาง จึงต่างก็เป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ด้วยกันทั้งสิ้น

๓) ระดับอภิมนุษย์ (superman หรือ overman ตรงข้ามกับ subman หรือ last man – wbm) มนุษย์ในระดับนี้ได้แก่
นักปราชญ์ผู้เห็นแจ้งในสัจธรรม  รู้ว่าเบื้องหลังของสิ่งที่ปรากฎทั้งหลายคือเจตจำนงที่จะมีอำนาจ  รู้ว่าพลังหน่วยย่อยทั้งหลาย
ดิ้นรนเอาเปรียบกันอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงตกเป็นเหยื่อแห่งการเอาเปรียบกันอย่างไม่รู้จบสิ้น  นิตเช่คิดว่าศาสดายิ่งใหญ่ทั้ง
หลายในอดีตได้เห็นสัจธรรมนี้มาแล้ว แต่ไม่สามารถพูดออกตรงๆ อาจเป็นเพราะยังไม่พบคำศัพท์ที่เหมาะสมหรืออาจจะกลัว
ผู้ฟังไม่เข้าใจ นิตเช่คิดว่าตนเองเห็นแจ้งในสัจธรรมเช่นกันและจะทดลองเสี่ยงพูดตรงๆ ดู

อภิมนุษย์ย่อมมีใจอุเบกขา มีใจสงบ ไม่ตะเกียกตะกาย เพราะรู้ข้อเท็จจริง

ทางปฏิบัติ
มนุษย์เราเกิดมาจะอยู่ในระดับทาสหรือระดับนายอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วแต่ว่าได้ส่วนแบ่งจากพลังธรรมชาติมาเข้มข้นเพียงไร
ไม่ว่าจะเกิดมาในระดับใดก็ย่อมไม่อยู่ในระดับที่สมบูรณ์  หากไม่ปรับปรุงตัวเองก็จะมีความทุกข์และก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
เพราะต่างก็เห็นแก่ตัว  พยายามดิ้นรนเอารัดเอาเปรียบกันและกัน  ทางพ้นทุกข์มีอยู่อย่างเดียวคือ  แต่ละคนจะต้องมุ่งปรับปรุง
ตัวเองให้เป็นอภิมนุษย์ วิธีปรับปรุงก็คือศึกษาปรัชญาให้รู้สัจธรรมอันแท้จริง และฝึกฝนตนให้มีใจอุเบกขาและสงบ หากในโลก
นี้ทุกตนเป็นอภิมนุษย์กันทั้งหมด มนุษย์เราจะอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน


พูดถึงเรื่องของ Over Man ผมคิดว่ามีคนให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมากเกินไปใน ทฤษฎีของนิทเช่ พวกindividuals
ที่สามารถควบคุมตนเองได้โดยไม่สนใจใคร จะแต่งตัวโป๊หรืออะไรก็แล้วแต่โดยไม่สนใจคนอื่น อันนี้เป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่
มีความกล้าหาญแบบนี้ อันนี้คือลักษณะของOver Man เป็นคนที่กล้าทวนกระแส กล้าต่อต้านกับกระแส หมายความว่าเป็นการ
ยกเลิก categories ทาง ethic เป็นการยกเลิกไม่สนใจเรื่องจริยธรรมเลย  ทำอะไรที่ตรงกันข้ามกับ สิ่งที่ผู้คนทั่วไปกำลังคิดกัน
อยู่  artistic creativity นิทเช่บอกว่าอันนี้สรุปคือ ถ้าสมมุติว่าเรายอมรับว่าพระเจ้าไม่มีอยู่ ไม่มีระบบศีลธรรมอะไรทั้งสิ้นที่
มาช่วยเหลือเราในการดำเนินชีวิตได้ คงจะมีหลายต่อหลายคนรู้สึกผิดหวัง คือหมายความว่าผู้คนทั่วไปมักจะผิดหวัง

  

ขออ้างถึง Schopenhauer นิดหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือที่ นิทเช่ชอบมากเป็น pessimism หรือ มองโลกในแง่ร้าย คือพอเรา
ไป
ตระหนักถึงกระบวนการชีวิต will of power เราจะสังเกตว่า เรานี่แทบไม่เกี่ยวเลย มันจะบังคับให้เราไปหาอะไรไปเรื่อยๆ
Schopenhauer
ได้มาสรุปว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า จะมีอย่างเดียวที่ช่วยเหลือเราได้ก็คือศิลปะ เป็นบางครั้ง  แต่ นิชเช่ บอกว่า
ไม่ต้องไปเศร้า ยอมรับมันอย่างเต็มที่ หัวเราะออกมาดังๆ บ้าบอก็ไม่เป็นไร
**
เขาบอกว่า ยอมรับมันเสียสำหรับความ
ไร้สาระของชีวิตแบบนี้ แต่ในความเป็นจริง คนที่ผิดหวังนั้นมักจะอยู่เฉยๆไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้น แต่นิทเช่บอกว่า
  "อย่าสนใจระบบศีลธรรมอะไรทั้งสิ้น และพยายามสร้างชีวิตตัวเองเหมือนผลงานศิลปะ"

** ปล. วาระสุดท้าย นิชเช่ เป็นบ้าครับ ล้มป่วยอยู่ถึง 10 ปี  



       Nietzche เขียนหนังสือแนวปรัชญามากมาย ที่สำคัญคือ The Geology of Morals ว่าด้วยศีลธรรมเชิงวิเคราะห์
ที่ชัดเจนที่สุดว่ากันว่าแนวคิดปรัชญาสมัยใหม่ เช่น
จิตวิเคราะห์ (psychoanalysis) ของ Sigmund Freud หรือ
อัตถิภาวนิยม (Existenialism) ของ Jean Paul Sarte หรือ กระทั่งลัทธิ
Postmodern ล้วนเป็นหนี้แรงบันดาลใจจากนิชเช่ทั้งสิ้น
นิชเช่ กล่าวไว้ว่า  Man alone in irrational world  มนุษย์ลำพังเท่านั้นที่อยู่ในโลกที่ไร้เหตุผล  

นิชเช่  ถึงกับกล่าวว่า ความจริงทั้งหลายคือมายาที่ถูกลืมว่าเป็น มายา
Truths are illusions about which it has been forgotten that they are illusions





มนุษย์ผู้ไม่มีคำว่า....พอ

เห็นสถานการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้แล้ว ทำให้คิดถึงคำพูดของ ฟรีดิช นิชเช่ Nietzsche นักปรัชญาสังคมชาวเยอรมันที่พูดถึง
ธรรมชาติของมนุษย์บางจำพวกเอาไว้อย่างตรงใจผม แม้ว่าในทุกวันนี้   ยังมีหลายกระแสความคิดเห็นวิจารณ์ว่า แท้จริงแล้ว
เจ้าตัวไม่ประสงค์ให้จัดระบบระเบียบสังคมด้วยการคัดพันธุ์หรือตัดตอนคน อ่อนแอออกไป อย่างที่พวก นาซี (Nazis) เอาคำ
พูดของ
นิชเช่ ไปขยายผล ฆ่ายิวนับล้านคน


คำพูดของ นิชเช่ เป็นการมองสังคมเหมือนของที่อยู่สุดขั้วกัน เช่น สังคมมีดีก็มีเลว มีนายก็ต้องมีบ่าว แต่ในคนที่แข็งแรง
กว่าหรือมีความโดดเด่นนั้นทุกคนมีสิ่งแฝงเร้นอยู่ในตัวคือ ความกระหายอำนาจ(Will-to-power) ทำให้ต่างก็รอจังหวะเวลา
โอกาสที่เหมาะสม เพื่อจะผลักให้ตัวเองนำหน้าคนอื่นๆออกไป และน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง ที่ในบางชุมชนการยึด
เอาอำนาจเข้ามาเป็นของตัวนั้น ได้กลายเป็นวัฏจักรที่แม้วันคืนผ่านไปนานนับทศวรรษ ก็ยังมี ลมหวน เป็นเครื่องพิสูจน์คำพูด
ของ นิชเช่ ได้เป็นอย่างดี


แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีความกังวลกันว่า  ศึกนอก ศึกใน  ที่กำลังเป็นปัญหาทั้งหมดนี้ อาจยืดเยื้อยาวนาน แต่ลึกๆแล้วทุกอย่าง
อยู่ที่เงื่อนไขสำคั คือ ความไม่รู้จักพอ ของมนุษย์อันเป็นต้นเหตุที่มาของปัญหาทั้งหมดโดยเฉพาะ ความไม่พอในอำนาจ

เพราะ ผู้ที่บริโภคอำนาจในปัจจุบันก็ เป็นห่วง และเริ่มเสพติดกับมันกระทั่งมองเห็นว่า จะอย่างไรแล้วก็คงปล่อยให้อำนาจเก่า
ฟื้นคืนชีพมาไม่ได้ เพราะนอกจากกลัว
ถูกสอย ยัง เสียดาย ความเป็นอภิสิทธิ์ชน ทั้งการต้อนรับดูแล และเกียรติยศต่างที่ทำ
ให้คนเราเห็นผิดเป็นชอบมานักต่อนักแล้ว ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามว่าแม้ดูจะพยายามสมานฉันท์อย่างไรจึงไม่บรรลุผล
เสียที

ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์












วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระถูกมัดไพล่หลัง เปิดตัวแฉ วันสลายม็อบโหด ๑๙ พฤษภาคม๒๕๕๓

html tracking
จำนวนเข้าชม

พระศรี อริยวิโส จากธรรมสถานสวนศรีอาริยธรรม
พระถูกมัดไพล่หลัง เปิดตัวแฉ วันสลายม็อบโหด
อยู่ที่ศาลาแดง เห็นม็อบถูกยิง นั่งทำภาวนาสู้ จนถูกทหารจับ ด่าซ้ำ "นปช.จ้าง"

คนเสื้อแดงกว่าห้าร้อยนัดเจอที่วัดราชาธิวาส ร่วมทำบุญอุทิศให้ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมพร้อมฟังบรรยายธรรม
ไฮไลต์มีพระที่ถูกจับในวันสลายการชุมนุมมาเปิดใจ พระศรีอริยวิโสเผยเหตุการณ์ตั้งแต่เช้าช่วงทหารเข้าสลาย
จนถึงจับกุม โดนทหารขู่และด่าตลอดว่ารับเงินมาชุมนุม ลั่นแม้จะถูกพระผู้ใหญ่มาทำพิธีสึกแต่ไม่มีพระรูปใด
เปล่งวาจาสึก เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำผิด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่ห้องประชุมศาลาพิพิธภัณฑ์พระราชานุสรณ์ ร.4 ในวัดราชาธิวาส ศูนย์พิทักษ์
พระพุทธศาสตร์แห่งชาติ ร่วมกับสถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติเอฟเอ็ม 104.25 จัดงานบรรยายธรรมในหัว
ข้อเรื่อง "บทบาทพระไทยในยุคโลกาภิวัตน์" โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดง
ระดับแม่ยกและแฟนพันธุ์แท้ เดินทางมาร่วมงานกันจนเต็มห้องประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานจัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุชุมนุม และร่วมทอดผ้าป่า โดยผู้ที่มา
ร่วมงานต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการเมืองในกลุ่มคน เสื้อแดงด้วย ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล
ชิดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองความมั่นคงของทหาร

พล.ต.ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา กล่าวว่า การจัดงานวันนี้ถือเป็นการจัด
งานปกติของทางศูนย์ที่มีขึ้นทุกเดือน ไม่ใช่เป็นการจัดเพื่อคนเสื้อแดง แต่กลุ่มคนเสื้อแดงคงชวนกันมาร่วมรับฟัง
ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องเสรีภาพของคนในระบอบประชาธิปไตย ที่มีสิทธิ์ไปไหนก็ได้ โดยเฉพาะการเข้าวัด ที่แม้แต่
สุนัขคนยังเอามาปล่อยได้ แล้วทำไมคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะเข้ามาร่วมรับฟังการบรรยายไม่ได้ ทั้งนี้ การอภิปรายใน
วันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการเมืองด้วย


สำหรับการบรรยายธรรมในหัวข้อเรื่อง "บทบาทพระไทยในยุคโลกาภิวัตน์"  พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ รอง
อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นพิธีกรและกล่าวนำถึงเหตุที่พระต้องมาร่วมในการชุมนุม
ว่าประเทศชาติมีความคิดแตกแยกรุนแรงในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพระสงฆ์กลุ่ม หนึ่งเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง
เพราะเห็นว่าชาวบ้านที่อยู่ในละแวกเดินทางมาต่อสู้ เรียกร้องพระในต่างจังหวัดจำนวนหนึ่ง  จึงต้องเดินทางมาด้วย
เพื่อดูแลชาวบ้าน เพราะเมื่อชาวบ้านเดือดร้อนพระจะอยู่เฉยได้อย่างไร แต่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงกลับออกมา
พูดว่า พระกลุ่มนี้ไม่ใช่พระ ส่วนตัวมองว่าพระสงฆ์ที่มาร่วมกับคนเสื้อแดงถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่พระ เป็นพวกไม่หวังดี
กับชาติ หรืออนาคตอาจเป็นผู้ไม่จงรักภักดี แต่พระสงฆ์ที่สนับสนุนรัฐบาลนั้น กลับได้รับการส่งเสริมให้ออกรายการ
โทรทัศน์ อยู่เสมอ โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ถูกจับกุมโดยทหาร และมีภาพปรากฏไปทั่วโลกนั้น ทางพระผู้ใหญ่ในมหา
เถรสมาคมได้ทราบเรื่องแล้ว รู้สึกไม่สบายใจมาก เพราะในประวัติศาสตร์มีเพียงพระ พิมลธรรม วัดมหาธาตุ เพียง
รูปเดียวที่ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และมาจนถึงยุคนี้ก็มีพระถูกจับและกล่าวหาว่าก่อความไม่สงบด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำหรับไฮไลต์ของการจัดงานนี้ คือการนำพระสงฆ์ที่อยู่ในเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง 4 รูป
มา ร่วมเล่าถึงเหตุการณ์


พระศรีอริยวิโส จากธรรมสถานสวนศรีอาริยธรรม ตำบลวังเพิ่ม อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น หนึ่งในพระ 4 รูปที่
ถูกทหารจับกุมเมื่อวันที่ 19 พค. ได้เล่าเหตุการณ์วันที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวว่า เมื่อวันที่ 19 พค.อาตมาพร้อม
พระรูปอื่นๆ ได้ไปอยู่ประจำบริเวณ สวนลุมพินีประตู 5 โดยในวันนั้นช่วงเช้ามีรถหุ้มเกราะของทหารเริ่มเข้ามาประชิด
บริเวณด่านแยก ศาลาแดง โดยอาตมาได้บอกให้พระสงฆ์ทั้งหมดวันนี้ไม่ต้องฉันอาหารเพล  แต่ให้เอามาม่าและน้ำ
ใส่ย่ามเอาไว้ เพราะเชื่อว่าในวันนั้นจะต้องมีการล้อมปราบกลุ่มผู้ชุมนุมแน่นอน

พระศรีอริยวิโสกล่าวอีกว่า หลังจากที่เตรียมตัวเสร็จพระสงฆ์รูปอื่นๆได้พากันถอยออกจากแยกไปอยู่พื้นที่ ชั้นในส่วน
อาตมาได้เดินย้อนสวนออกไปทางตึก สก.หน้าร.พ.จุฬาฯ บริเวณหน้าด่านและยังทราบอีกว่าการล้อมปราบวันนั้นจะ
ล้อมปราบแบบวิธีกองโจร หากเจอผู้ชุมนุมก็จะยิงทิ้งทันที ซึ่งขณะนั้นอาตมาก็ได้เดินไปหลบบริเวณใต้ตอม่อสะพาน
ไทยเบลเยียมบริเวณแยก ศาลาแดง หลังจากนั้นไม่นานทหารเริ่มรุกคืบไปประชิดกับด่านพร้อมกับเริ่มยิงใส่กลุ่ม ผู้ชุม
นุมและการ์ดก่อนจะบุกเข้าไปในพื้นที่สวนลุมพินี ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมวิ่งหลบหนีคนละทิศละทาง มีการ์ดและพระสงฆ์
ถูกยิงและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายรายแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป ช่วยเหลือ  ขณะที่ทหารบุกได้มีการเผายางเป็นจุดๆ
เพื่อชะลอการบุกของทหาร


พระศรีอริยวิโสกล่าวต่อว่า ช่วงที่ทหารยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพบว่ามีผู้เสียชีวิต และมีพระจำนวนหนึ่งพยายามเข้าไปช่วย
นำศพและคนเจ็บใส่เสื่อช่วยกันลากออกมา อย่างทุลักทุเล แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก ก่อนที่จะพากันร่นถอยออกมายังแยก
สารสิน ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะมีเต็นท์กาชาดปักหลักอยู่ด้วย แต่เมื่อไปถึงไม่พบ กลุ่มญาติโยมเสื้อแดง  อยู่บริเวณดัง
กล่าวแล้ว ทราบว่าพากันหลบหนีไปแล้วเนื่องจากทหารยิงปืนไล่ อาตมาจึงตัดสินใจนั่งทำจิตภาวนา โดยนำชีวิตเข้า
ไปเสี่ยงเพราะอยากทราบว่าเขาจะฆ่าพระหรือไม่ ซึ่งเป็นการพลิกแผนสู้ในอีกรูปแบบหนึ่งของอาตมา

  click to  
zoom

พระศรีอริยวิโสกล่าวต่อว่า ในขณะนั้นอาตมาได้ยินเสียงทหารบุกเข้ามาถึงเต็นท์ที่อาตมาอยู่ ซึ่งทหารตะโกนว่าให้
ยอมจำนนและจะพากลับบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนที่ทหารจะบุกเข้ามาควบคุมตัวอาตมาในเต็นท์   เมื่อทหารเข้ามาถึง
ตัวก็ได้จับกุมควบคุมตัวอาตมาพร้อมพระรูปอื่นจำนวน 4รูป ซึ่งช่วงที่ทหารบุกเข้ามาพบว่ามีกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
ติดตามทหารเข้า มาด้วยประมาณ 10 คน โดยได้สอบถามอาตมาถึงเหตุผลในการเข้ามาร่วมการชุมนุมกับ นปช. หลัง
จากสัมภาษณ์เสร็จทหารได้ไล่ผู้สื่อข่าวออกทันที ก่อนที่จะนำพวกอาตมาไปควบคุมตัว ในซอกตึกบริเวณแยกสารสิน
เมื่ออาตมาเดินไปถึงบริเวณดังกล่าวพบผู้ชุมนุมที่ถูกจับมาไว้บริเวณนี้ไม่ ต่ำกว่า 20 คน  โดยทุกคนถูกปิดตาและพันธ
นาการมือทั้งสองข้างด้วยสายพลาสติกรัดสายไฟไว้ด้าน หลัง ซึ่งทำให้ไม่สามารถหลบหนีได้

"หลังจากที่ทหารไล่นักข่าวไปหมดแล้วก็  ได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและเป็น กุ๊ยทันที โดยด่าทอพระที่ถูกจับ
กุมว่า รับเงินรับทองมาร่วมชุมนุมพร้อมทั้งขู่ต่างๆ นานา
ว่าจะยิงให้ตาย โดยอาตมาก็ได้ขอร้องว่าอย่าทำเช่น
นั้นเลย เพราะมันจะทำลายเกียรติภูมิของชาติไทยและกลุ่มของพวกท่านเอง" พระศรีอริยวิโสกล่าว

พระศรีอริยวิโสกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นไม่นานช่วงที่ทหารยังควบคุมตัวอาตมาพร้อมผู้ชุมนุมอื่นในบริเวณ จุดดังกล่าว
ได้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นว่ามีระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตกอยู่บริเวณหน้า ตึก และมีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาข้างในและ
พูดกับเพื่อนทหารด้วยกันว่า "รอดอยู่คนเดียว นอกนั้นถูกระเบิดไส้แตก"  ยิ่งทำให้ทหารมีความโกรธแค้นกลุ่มคน
เสื้อแดงมากยิ่งขึ้น โดยกระชากแขนอาตมาและบอกว่า   "แน่นักหรือ ออกไปกับกู เพราะเขาคงไม่ยิงพวกมึง"
ซึ่งอาตมาคิดว่าเป็นคำพูดที่หยาบคายมากที่พูดกับพระอย่างนี้และอาตมาได้ เถียงกับทหารอยู่พักหนึ่ง ยิ่งทำให้ทหาร
โมโหและจับมัดอาตมาจนแน่นเป็นแผลโดยมัดอาตมาตั้งแต่เวลาประมาณ10.00น.กว่าจะ แก้มัดก็เวลาประมาณ20.00น.


จากนั้นก็ได้พาไปที่สวนลุมพินี ซึ่งขณะนั้นอาตมาปวดปัสสาวะขอให้แก้มัดก็ยังไม่ยอม จึงต้องเข้าห้องน้ำพร้อมกับ
มือที่โดนมัดไว้อย่างนั้นจากนั้นทหารได้นำตัวขึ้นรถและพาไปส่งที่ ค่าย นเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อ
ไปถึงอาตมาได้พบกับ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.โดย พล.ต.ต.อำนวยได้ออกคำสั่งให้นำตัวพระทั้ง4รูป
สึกในวันนี้ โดยให้เหตุผลว่า พระสงฆ์ที่ถูกจับกระทำผิดกฎหมายตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พระศรีอริยวิโส กล่าวว่าช่วงที่นำพระผู้ใหญ่มาสึก
           พระสงฆ์ทั้ง 4 รูปที่ถูกจับที่ค่ายนเรศวรไม่มีพระรูปใดเปล่งวาจาสึก
เพราะ คิดว่าไม่ได้กระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอะไร ที่มาชุมนุมเพื่อต้องการไม่ให้ใครมาฆ่าคนที่บริสุทธิ์ หลังจากที่อยู่
ที่ค่ายนเรศวรครบ 48ชั่วโมง ก็ถูกส่งฟ้องศาล โดยที่ค่ายคุมขังแห่งนี้อยู่ที่เดียวกับบรรดาแกนนำ นปช. ส่งฟ้องศาลทั้ง
หมด รวม 18 คน ก่อนจะนำตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ รวมกับผู้ชุมนุมอื่นอีก 70 คน โดยทั้งหมดถูกส่งไปรวม
ตัวกันในห้องขนาด 40 ตารางเมตร จนเวลานอนต้องใช้วิธีนอนตะแคง หลังจากอาตมาอยู่ที่นั่นหนึ่งคืนทางเรือนจำได้
กระจายผู้ถูกจับกุมไปที่เรือนจำต่างๆ ซึ่งอาตมาได้ถูกส่งไปอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม จนได้รับการประกันตัวในวันที่ 1 มิย.
ที่ผ่านมา ซึ่งบอกได้เลยว่า ช่วงที่ถูกนำตัวส่งที่คุกนั้นคือ "นรกชัดๆ"



ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นิยาย โกหกพกลมจาก "หมา หน้า เซ่อ" ดิ้นที่จะหนีการสอบสวนของ คณะข้าหลวงUN

html tracking
จำนวนเข้าชม

  ดิ้นเข้า ดิ้นที่จะหนีการสอบสวนของ คณะข้าหลวงUN ที่กำลังสืบหาข้อเท็จจริง
ดิ้นที่จะหลีกหนีให้พ้นการดำเนินการฟ้องร้องคดี ต่อ ศาลอาชญากรระหว่างประเทศ
ท่าจะขนหัวลุก งานนี้แม่เอ็งก็ช่วยยากซะแล้ว
 เขาจับแก้ผ้าดูไขมันย้อยไปทุกส่วน

http://img51.imageshack.us/img51/1744/85362.gif
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายโกหกพกลม จาก หมา หน้า เซ่อ ASTV ผู้จัด การออนไลน์ 4 มิถุนายน 2553 00:26 น.

                                 

ความจริงที่เกิดในวัดปทุมฯ “ชายชุดดำ”ฆ่าประชาชน ไขปริศนาศพหายไปไหน?
คำให้การของเด็กหนุ่มผู้ถูกจ้างไปทำบั้งไฟท่ามกลางกลิ่น คาวเลือดและหยาด น้ำตากลางสี่แยกราชประสงค์
เป็นการกระชากหน้ากากแกนนำก่อการร้ายแดงที่พยายามสร้างภาพให้ วัดปทุมวนาราม เป็นเขตอภัยทาน
ว่าเป็นเพียงฉากลวงโลกที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้น โดยมีกลุ่มสันติวิธีอย่าง โค ทม อารียา เป็นหนึ่งในฟันเฟืองนำ
สีขาวมาทาบทับสีแดง
ที่กล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวหาอย่างเลื่อนลอย แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในระหว่างที่ วัดปทุมวนาราม ถูกประกาศเป็น
เขตอภัยทานให้ เด็ก สตรี และคนชราไปอาศัยอยู่นั้น ยังมีการ์ดแดงพร้อมอาวุธสงครามปะปนอยู่กับกลุ่มคนอ่อน
แอเหล่านั้น
จนกระทั่งวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวัน (เวลาเท่าใดไม่ทราบแน่ชัด) ข้าฯ นายเล่ กับพวกอีก ๕คน
หมดความอดทน จึงหนีออกจากวัด จึงได้พากันหนีออกจากประตูวัด ด้านใกล้แยกถนนอังรีดูนัง โดยนายเล่ กับ
พวกรวม ๕ คนนั้น นำหน้าออกประตูวัด ข้าฯตามหลังพบชายชุดดำใส่หมวกไหมพรมประมาณ ๕-๖คน ถือปืนยาว
ทุกคนอยู่ที่บริเวณประตูวัดดังกล่าวได้ยิงปืนใส่นายเล่กับพวกต่อหน้าข้าฯ ข้าฯจึงไม่กล้าออกไป และได้แอบดูเห็น
ชายชุดดำดังกล่าวได้ลากศพนายเล่ กับพวกไปเผายังบังเกอร์บนถนนบริเวณหน้าวัด
การ แต่งเรื่องขัดแย้งกันเองจนเห็นได้ ชัด ในเมื่อเจตนาฆ่าเพื่อต้องการให้ศพประจานความโหดเห.ี้ยม ทำไม
ต้องลากไปเผาทำลายหลักฐาน สู้ปล่อยไว้ให้เกลื่อนกลาดไปทั่ว ไม่ดีกว่า่หรือ หากต้องการป้ายความผิดให้ทหาร
การอำพรางทำลายศพ ก็เพื่อไม่ให้เป็นหลักฐานว่ามีการฆ่า แล้วการทำลายศพจะมีประโยชน์กับเสื้อแดงตรงไหน
................................................................................. รุ่งศิลา
คำให้การของเด็กหนุ่มผู้เห็นเหตุการณ์สังหารโหดในวัดปทุมวนารามกับตา สะท้อนความจริงที่ว่ามีกลุ่มก่อการร้าย
แดงติดอาวุธสงคราม พร้อมที่จะสาดกระสุนใส่คนที่ต้องการก้าวพ้นจากธรณีประตูวัดอย่างโหด...ม ไร้ความปราณี
ไม่แน่ว่าศพที่เกิดในวัดปทุมวนารามอาจมีจำนวนมากเกินกว่าที่เราจะคาด ถึง และศพเหล่านั้น อาจถูกเผาทำลาย
หรือเคลื่อนย้ายทำลายหลักฐานในช่วงเหตุชุลมุน ก่อนที่เจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าถึงพื้นที่ คงเหลือไว้แค่ 6 ศพที่ได้ถูกนำ
มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง พยายามทำลายความชอบธรรม กล่าวหา ทหารและรัฐบาลอย่างเป็นระบบ สร้าง
น้ำหนักผ่านสื่อมวลชนบางฉบับที่ปวารณาตนเป็น
   แก้วประการที่สี่ของ ทักษิณ
สิ่งที่น่าสนใจท่ามกลางควันไฟกลางสี่แยกราชประสงค์ที่ผู้คน อาจจะหลงลืมไปแล้วคือ ในช่วงต้นที่มีการเข้าไป
เคลียร์สถานที่บริเวณเซ็นทรัลเวิล์ด เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2553 มีการรายงานข่าวออกมาในช่วงแรกว่า พบศพถูกเผา
เกรียมอยู่ในบริเวณดังกล่าว 9 ศพ และมีศพชายสำลักควันเสียชีวิตอีก 1 ราย บริเวณชั้นสี่ของเซ็นทรัลเวิล์ด
9 ศพ ที่ถูกเผาเกรียมจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายหลักฐานการฆ่าหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าค้นหา เพราะคำให้การของ
เด็กหนุ่มคนทำบั้งไฟระบุว่า กลุ่มคนที่หนีออกมาพร้อมกับเขา 5 คน ถูกยิงและลากไปเผาบริเวณบังเกอร์หน้าวัดแล้ว
ศพเหล่านั้นหายไปไหน เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์กับ 9 ศพที่ถูกพบในเซ็นทรัลเวิล์ด?
ความจริงอีกประการหนึ่งจากคำให้การนี้ที่ทำให้เราสามารถต่อภาพเหตุการณ์ ภายในวัดปทุมวนารามวันที่19พย.2553
ได้คือ การสังหารหมู่ภายในวัดปทุมวนารามโดยการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายแดงเกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงบ่ายซึ่งจากคำให้
การของเด็กหนุ่มคนทำบั้งไฟที่ขณะนี้ถูกกันไว้เป็นพยานปากสำคัญ ระบุชัดว่า
การสังหารโหดเกิดขึ้นทันทีที่มีผู้พยายามจะก้าวเท้าออกจากวัด จึงมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มของเด็กหนุ่มผู้นี้อาจไม่ใช่
กลุ่มเดียวที่ถูกฆ่าโหด เพราะหากเรานึกถึงสภาพข้อเท็จจริงท่ามกลางห่ากระสุนและเสียงระเบิดน่าจะมีคน จำนวนไม่
น้อยที่จิตตก เกิดความหวาดกลัวต่อสถานการณ์จนพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะออกจากวัดแห่ง นั้น
แล้วจะมีสักกี่คนที่ออกจากวัดปทุมวนารามได้ โดยรอดพ้น “มัจจุราชชุดดำ”ที่ยืนดักฆ่าอยู่หน้าประตูวัด?
ส่วน 6ศพ ที่ยังเป็นปริศนาว่าใครฆ่า มีการระบุถึงห้วงเวลาการเสียชีวิตว่าน่าจะอยู่ในช่วงตะวันตกดิน 4ศพมีการชันสูตร
แล้วพบว่าจาก วิถีกระสุนถูกยิงในระนาบเดียวกัน มิใช่มุมสูงจากสกายวอล์คหรือบริเวณรางรถไฟฟ้าบีทีเอส สำหรับอีก
2ศพที่วิถีกระสุนเข้าบริเวณไหล่ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้เช่นเดียวกันว่าวิถีมาจาก มุมสูงจนกว่าจะได้มีการจำลองสถานการณ์จริง
ที่น่าสนใจคือผลการตรวจดีเอ็นเอจากกองเลือดภายในวัดของคุณ หญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ซึ่งพยานระบุว่าเป็นจุดที่
น.ส.กมนเกด อัคฮาค เสียชีวิต กลับพบว่า นอกจากดีเอ็นเอจะไม่ตรงกับของ น.ส.กมนเกดแล้ว ยังไม่ตรงกับศพใดๆ
ใน 6 ศพที่ถูกนำมาแห่เรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงไทยอยู่ตอนนี้อีกด้วย

   แล้วเลือดปริศนาเหล่านั้นเป็นของใคร เจ้าของเลือดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
น่าประหลาดใจไปกว่านั้น คือ จากหลักฐานและคำให้การข้างต้นน่าจะยืนยันได้ว่ามีผู้เสียชีวิตภายใน วัดปทุมวนาราม
มากกว่า 6 ศพที่กำลังประโคมข่าวกันอยู่ในเวลานี้แล้วศพเหล่านั้นอันตรธานหายไปไหน ทำไมจึงเหลือไว้เพียงแค่ 6
ศพกองสะเทือนใจอยู่บริเวณเต๊นท์พยาบาล แถมศพที่พบยังมีลักษณะเหมือนถูกเลือกเป้า ให้เกิดความละเอียดอ่อน
ทางด้านจิตใจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้ายอย่างอำมหิต โดยใช้ศพของ น.ส.กมมนเกด ซึ่งเป็นอาสาพยาบาลมาเป็น
สัญลักษณ์ในการโจมตีทหารและรัฐบาล

   คำถาม  คือ
หากทหารทำตัวเป็นเครื่องจักรสังหารหมู่ 6 ศพ จริง มีแรงจูงใจอะไรที่ทำให้ทหารต้องกระทำการดังกล่าว
คำตอบ
คือ มีแต่ผู้บังคับบัญชาที่เสียสติเท่านั้นที่จะสั่งการให้ฆ่าประชาชนผู้ บริสุทธิ์ เพราะทหารและรัฐบาลมิได้ประโยชน์ใด ๆ
เลยจากการสังหารโหดครั้งนี้ มีแต่จะตกเป็นจำเลยสังคมตามข้อหาที่ทักษิณ พรรค เพื่อไทยและก่อการร้ายแดง
พยายามยัดเยียดวลี ทรราชสั่งฆ่าประชาชนให้กับ อภิสิทธิ์ เวชชีวะ มาตั้งแต่เมษายนปีที่แล้ว แต่ล้มเหลวเพราะหา
ศพไม่เจอ
         คนที่ได้ประโยชน์เต็ม ที่จากโศกนาฎกรรมวัดปทุมวนาราม คือ
พรรคเพื่อไทยก่อการร้ายแดง และทักษิณที่กำลังแห่6ศพนี้ ไปฟ้องศาลโลก


          ประโยค ปิดท้าย คือ สิ่งที่แสดงเป้าประสงค์ในบทความนี้  เพื่อ
" ปัดป้องความผิด ด้วยความตระหนก ปริวิตก ซึ่งความผิดในการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย์ชาติ"
  โดยเหล่าผู้สมคบคิด สอดคล้องต้องกันกับการออกแถลงการณ์ ของ ผบ.ทบ.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  ว่า
        " ทหารไม่ได้ฆ่าประชาชน น๊ะจ๊ะ "
............................................................... รุ่งศิลา

http://img51.imageshack.us/img51/1744/85362.gif



  • แหมๆ รัฐบาลมาร์คไม่เหมือนรัฐบาลซัดดัมนะ เผื่อใจไว้ผิดหวังบ้างก็ดี ผมก็ทับถมจนเหนื่อยแระ เฮ้อ
  • ผมว่ารอผลการพิสูจน์อย่างเป็น ทางการออกมาก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งรีบโยนความผิดให้คนอื่นเลย
ตอบ
การ สืบสวน การตาย
ของประชาชนมือเปล่า 6 ศพ เป็นปฐมบทเบื้องต้น
นำมาซึ่ง การขยายผลทั้ง 89 ศพ ที่เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บกว่า 2,000ราย
อาจรวมถึง การฆ่าหมู๋ และอำพรางศพ ในเดือน เมษายน 2552 .. ด้วย

อย่างไรก็ดี ภาพลักษณ์ของคณะผู้บงการ ประเทศเลวร้ายนี้ ก็ยับเยิน เกินเยียวยา เสียแล้ว ....

อนิจจาอุตส่าห์ลวงโลกมาได้เกินครึ่งค่อน ศตวรรษ อีกนิสส์เดียวพลาดด้ายย!
.... ฆ่า มาเพลิน จนเคยมือ คิดว่าจะหมูเหมือนครั้งแล้วแล้ว .. ปะ ติ โถ



เย้ยหยัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

“เราต้องปฏิบัติ กับประชาชน ด้วยความเคารพ ด้วยความสุภาพ”

html tracking
จำนวนเข้าชม

แด่ประชาชนเจ้าของประเทศด้วย ลูกปืน และ คอมแบท


click to zoom   click to zoom
   รุมตีประชาชนและเหยียบด้วยความเคารพ         กระทืบศรีษะประชาชนด้วยความสุภาพ
    ภาพเหตุการณ์วันที่10เมย.53   สลายผ่านฟ้า        ภาพเหตุการณ์วันที่19พค.53  สลายราชประสงค์

  
ทหารของประชาชนรณรงค์โครงการสมองไหล  ทหารของแผ่นดินปฏิบัติต่อพี่ น้องประชาชนดีที่สุด   
    ภาพ เหตุการณ์วันที่10เมย.53 แยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย    ภาพเหตุการณ์วันที่13พค.53 ลุมพินี-บ่อนไก่

   เราเป็นทหารของประชาชน เราเป็นทหารของแผ่นดิน ต้องปฏิบัติต่อพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด
“เราต้องปฏิบัติ กับประชาชน ด้วยความเคารพ ด้วยความสุภาพ” 
ผอ.ศอฉ. ศูนย์อำนวยความฉิบหาย  
 เฮี่ยเทือก พูดสตอเบอรี่ ตอบกระทู้ในสภาผู้แทน วันที่ 1 มิย.2553


วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จับโกหกคนชั่วพูดเท็จต่อหน้าคนนับล้าน

html tracking
จำนวนเข้าชม

จับโกหกคนชั่วพูดเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อหน้าคนนับล้านโดยไร้ความละอายต่อบาป อั้ยเทพ "ขี้ฮ๊ก"


           คลิิ๊กที่ภาพ ดูรูปขยายใหญ่+


ภาพนี้ ผมแคปจากคลิปวิดิโอ มาทำเป็นภาพมุมกว้างให้เห็นเวลาคาบเกี่ยวกัน
ช่วงที่ทหารซุ่มยิงบนรางรถไฟฟ้า ตรงข้ามประตู วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร
กับเวลาที่เพลิงไหม้ ย่านการค้าราชประสงค์แล้ว

... จับโกหกคนชั่วพูดเท็จ ต่อหน้าคนนับล้าน อั้ยเทพ "ขี้ฮ๊ก"
ทีว่า ทหารบนรางรถไฟฟ้า เป็นภาพวันที่ 20 พค.2553 และ ไม่มีควันไฟไหม้ ใน
การตอบกระทู้ ไม่ไว้วางใจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร วันที่ 2 มิย.2553


        



เทือกโต้ศพในวัดปทุมฯ อาจเป็นคนร้าย
"วรวัจน์" เปิดคลิปยันทหารอยู่บนรางรถไฟฯ "สุเทพ" โต้ศพในวัดปทุมฯ
อาจเป็น คนร้ายที่ถูกยิงแล้วหนีเข้าไปตาย

วานนี้เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 31 พ.ค. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ
รัฐบาล พร้อมกับเปิดคลิปยืนยันว่า ผู้ก่อการร้ายที่รัฐบาลบอกว่าเป็นคนทำร้ายประชาชน เป็นภาพวันที่ 19 พ.ค. ช่วง
เย็น โดยอ้างว่าเป็นภาพในวันที่ 19 พ.ค. มีควันไฟที่ปรากฏที่ตึก สยามพา รากอน ถูกเพลิงไหม้   ในภาพปรากฏ
ภาพคนที่ยืนซุ่มอยู่บนสกายวอล์คทางเดินรถไฟฟ้าในหลายจุดหันหน้าไป ทางวัดปทุมวนาราม  จากนั้นได้
เปิดคลิปประชาชนที่เข้าไปหลบ ในวัดวิ่งแตกตื่นโดยมีเสียงกระสุนปืน ดังขึ้นมา ประชาชนวิ่งอยู่ในวัด   นายวรวัจน์
กล่าวชี้แจงว่า คลิปที่นำมาเปิดควันไฟหายไปในตอนแรกและยืนยันว่าถ้าไม่มีควันไฟขอลาออกจาก ส.ส.   ขอให้วิป
ไปดูควันไฟที่ห้องได้   เพราะเอาคลิปมาเปิดผิดอันยืนยันว่าคลิปที่นำมา มีควันแต่เมื่อมาเปิดในสภาแล้วควันหายไป
จากนั้น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประท้วงว่ามีการตัดต่อคลิปนาย วรวัจน์ กล่าวว่าภาพนี้ถ่ายโดยกล้องวิดีโอ และ
กล้องถ่ายรูปต่อเนื่องกันมาก ทุกภาพเป็นภาพบริเวณเดียวกันทั้งหมดอยู่บริเวณหน้าวัด  ท่านบอกว่าเป็นเวลาอื่น  คือ
วันที่ 20 พ.ค.  แต่เท่าที่เรียกเวลาจากกล้องมาดูจะพบว่าถ่ายเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เวลา 18.18 น.      ภาพขนาด
3056 พิกเซล กล้องดีเอสแอลอาร์ 350 โฟกัส 300 มม. สปีด 400   เป็นสิ่งที่ออกมาจาก กล้องไม่สามารถบิดเบือน
เวลาได้ยืนยันได้แล้วว่า ใคร ยืนอยู่บนรางรถไฟฟ้า จะมีทหารยืนอยู่บนรถไฟฟ้ามีสติ๊กเกอร์สีชมพูติดที่หมวก
แม้แต่รถถังก็เป็นสีชมพู จุดณ ตรงนั้นเป็นทหารซึ่งรองนายกฯบอกว่าเป็นทหารแต่สุเทพ บอกว่าเป็นวันที่20พ.ค.
จากนั้นได้เปิดคลิปที่อ้างว่า ทหารยิงเข้าไปในวัด มีภาพประชาชนที่หลบอยู่ในวัดวิ่งวุ่นเป็นคลิปของสำนักข่าวต่างประ
เทศที่ กำลังรายงาน นายวรวัจน์ได้กล่าวว่า "เห็นตัวฆาตกรหรือยัง อย่าบอกนะว่าทหารตรงนั้นเป็นคนภายนอก
เรียน ย้ำอีกครั้งว่าวันนี้ท่านปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นทหารแน่นอน  และมีการยิงไปในวัด  มีพยานเต็มไปหมดคน
ตายในวัดปทุมฯ 6 ศพ ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์”  จากนั้นเปิดคลิปที่ 3 ใครคือคนยิงประชาชน/นายวสันต์ ภู่ทอง นาย
วรวัจน์ กล่าวว่าภาพนี้ชัดมากอยากเห็นชัดๆไหมว่าใครยิง ไม่เอาเรื่องเท็จมาคุยในสภาเพราะว่าไม่ใช่นิสัยของพวกเรา 
จากนั้นเป็น คลิปที่ 4 เจ้าหน้าที่ทหารประทับปืนยิงวันเหตุการณ์10 เมษายนขณะที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประ
ชาธิปัตย์ กล่าวแย้งกรณีที่นำเสนอคลิปวิดีโอผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงวิ่งหลบกระสุนที่เจ้า หน้าที่ทหารยิงใส่ผู้ชุมนุม ว่าตาม
ข่าวที่รายงานเป็นการรายงานว่ามี  การยิงตอบโต้กันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมคน เสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหารไม่ใช่ทหารไล่
ยิงประชาชนจากนั้น เมื่อเวลา 18.30 น.
 
นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงเหตุการณ์ในวัดปทุมฯว่าที่  นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล
ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ยกขึ้นมาเป็นประเด็น ขอยกคลิปและแผนที่ที่แสดงที่ตั้งวัดปทุมฯ สถานที่ตั้ง  บีทีเอส    และ
สี่แยกปทุมวันฯ เมื่อสักครู่ ที่ได้นำภาพทหารมาอภิปรายคงสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน และก็นำเหตุการณ์
19 พ.ค. แล้วก็ย้อนไปคลิปอื่นๆ ทำให้คนเข้าใจสับสน ขอใช้เวลาชี้แจงว่า ในวันที่ 19 พ.ค.เฉพาะส่วนปทุมวัน และมา
ถึงวัดปทุมวนาราม กำลังเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ได้รับคำสั่งให้อยู่ในที่ตั้งเดิมคือบริเวณหน้า สนามกีฬา โดยได้รับคำสั่งไม่
ให้เคลื่อนเข้ามาเพื่อเปิดทางให้ผู้ชุมนุมเดินออกไปได้ และอยู่ตลอดจนถึงเวลาบ่าย3โมงจนเกิดการวางเพลิงที่สยาม
แสควร์ และ เซ็นทรัลเวิลด์  จึงสั่งให้ กทม.นำรถไปดับเพลิง และขอให้เจ้าหน้าที่จัดกำลังเข้ามา คุ้มครองรถดับเพลิง
ตอนแรกมา20คน มาคุ้มครองรถดับเพลิงของ กทม.แต่ก็ถูกยิงจนต้องถอยไปที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ตอนที่ถอยคือ16.30น.
แล้วก็จัดกำลังใหม่ เป็น 1 กองร้อย  เพื่อคุ้มครองรถดับเพลิงให้ทำงานได้"จุดที่เคลื่อนเข้ามาก็มาที่ด้านล่าง ด้วย พบผู้
ก่อการร้ายยิงสู้ขึ้นมา ตอนยิงปะทะเวลา 18.30 น. มีคนร้ายอยู่ตรงหัวมุมวัดปทุมฯ คนร้ายที่ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่อยู่มุม
ซ้ายสุดติดกับสยามพารากอน แล้วก็ปีนเข้าไปในวัด และเข้าใจว่าถูกยิง ไม่รู้ว่าเข้าไปตายในวัดหรือไม่" นายสุเทพรอง
นายกฯกล่าวว่าหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ถอนกำลัง เพราะถ้าขืนเดินหน้าไปก็จะมีการปะทะกันจะมีประชาชนได้รับลูกหลง

จึงขอเรียนว่า วันที่ 19 พ.ค. หลัง 18.30 น. ไม่มี เจ้าหน้าที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสแน่นอน

"ผมอยากจะเรียนว่าเรื่องนี้เดี๋ยว   คงมีการพูดกันอีก แล้วจะมีการพิสูจน์ภาพนี้กันอีก  รวมทั้งพิสูจน์วิถีกระสุนที่ใช้ยิง ขอ
กราบเรียนแค่ว่า การปะทะนั้นอยู่ที่มุมซ้ายของวัดไม่ใช่ที่หน้าวัดปทุมฯ ตรงจุดนี้ไม่ตรงกับคุณวรวัจน์ อภิปรายวันที่
19 พ.ค. เวลา 18.30 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารโดยเด็ดขาด"   

นายสุเทพ กล่าวนอกจากนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกฯ พร้อมทั้งตนและเจ้าหน้าที่ ศอฉ. ยันไม่มีใครที่กล่าวหาว่า นปช.
เป็นผู้ก่อการร้าย เฉพาะบางคนที่เอาอาวุธมาใช้แล้วแฝงตัวในการชุมนุมเท่านั้น   มีประชาชนที่มาชุมนุมด้วยใจบริสุทธิ์
ส่วนมาก ตัวร้ายมีไม่กี่ตัวหรอก ยิงอาสาสมัคร ยิงประชาชน และยิงแม้กระทั่งคนเสื้อแดง

จับโกหกคนชั่วพูดเท็จ ต่อหน้าคนนับล้าน นายสุเทพ "อั้ย ขี้ฮ๊ก