วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระองค์ท่านไปทำอะไรให้พวกมึง?

 พระองค์ท่านไปทำอะไรให้พวกมึง?
          โดย จิตตนาถ ลิ้มทองกุล
          ที่มาบทความ : http://www.manager.co.th

          

อ่านบทความของ ลูกเจ๊กต่างด้าว คนนี้ ในสื่อออนไลน์ แล้วโดนใจอย่างแรง จนต้องขอชมเชยออกมาดังๆผ่าน
โซเชี่ยลมิเดียบ้าง โดยพยายามไม่กล่าวถึงสถาบันเบื้องสูง ตามเนื้อหาของคอลัมม์นิสต์ผู้นี้ เพียงแต่จะสะท้อน
ให้เห็นเบื้องลึกที่มาที่ไปของเป้าประสงค์และพื้นหลังของเจ้าของบทความ  ด้วยความชื่นชมในความเข้มข้นของ
สายเลือดลิ้มทองกุล ดังนี้

การวิจารณ์โดยสุจริตจึงเกิดขึ้นน้อยยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
ช่างประดิดประดอย “สำนวนได้สวนส้นตีน” สียนี่กระไร

สิ่งที่น่าเศร้าที่หลายคนที่โดนลัทธิเหมาล้างสมองกลายๆ คือการเอาสถาบันกษัตริย์มาเป็นแพะรับบาปในทุกเรื่อง
แต่ไม่เคยอ้างอิงถึงนักการเมืองสักเรื่องเดียว แม้ว่าวิกฤติการณ์น้ำท่วม จะทำให้หลายคนได้เริ่มหูตาสว่างบ้างแล้ว
แต่คนที่ยิ่งคิดว่าตัวเองมีภูมิปัญญาเหนือคนอื่น เป็นนักคิดรุ่นใหม่กลับยังคงโดนมิจฉาทิฐิของตัวเองบดบังดังเดิม
ไม่น่าเชื่อว่านายจิตตนาถลิ้ม ที่เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งผ่านการศึกษามาพอประมาณ และทำงานด้านสื่อจากมรดกของ
เตี่ย จะหลงยุคตกโลกไปได้ไกลถึงขนาดที่ยังงมงายคิดย้อนกลับหลังไปกว่า40ปี หรือไม่ก็คิดว่าตัวเองเป็นคอลัมน์นิสต์
หนังสือพิมพ์ในประเทศเนปาล โดยกล่าวอ้างถึงลัทธิเหมา โคตะระ เชยผสมมั่ว และซึ่งต้องโง่ด้วย ถ้าหากว่าคิดเช่น
ดังข้อเขียนของตัวเองจริงๆ

ปัญญาชนส้นตีน เหล่านี้ควรไปถามตัวเองดูสักนิดแบบไม่เพ้อฝันว่า ถ้ารัฐไทยใหม่เกิดกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
เอานักการเมืองที่มีอยู่ปัจจุบันมาช่วยกันปู้ยี่ปู้ยำแล้ว เราจะเจริญได้เสี้ยวของเขมรไหม แน่ใจหรือว่าประเทศไทย
จะไม่เกิดสงครามกลางเมือง ระบอบประธานาธิบดีที่พวกคุณใฝ่ฝันจะเป็นศูนย์รวมใจคนไทยได้หรือ จะมีประเทศ
ไทยที่เจริญหลงเหลือให้ นักคิดนักเขียนแนวๆ เหล่านี้ให้ ชูคอเป็นกิ้งก่าโชว์โง่ อย่างทุกวันนี้ไหม
ช่างเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่พ้นต้นเสียจริงสำหรับลูกเจ๊กต่างด้าวตนนี้ สมกับที่ร่ำเรียนจบมาเป็นปัญญาชนส้นตีน และ
ประกอบอาชีพเป็น นักคิดนักเขียนแนวๆ ชูคอเป็นกิ้งก่าโชว์โง่ บนกองเงินกองทองที่ เตี่ยมัน และ เตี่ยของเตี่ย
สืบทอดมรดกโกงเขามา ต่อยอดต้มตุ๋นแบลคเมล์ กู้ชาติจนชาติฉิบหายแต่ตัวคนกู้เสือกรวยเอาๆ เพราะกู้แล้วชักดาบ
ในฐานะกุนซือ “ลูกเจ๊กกู้ชาติ”

อันที่จริงแล้วคำว่าคนไทย ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีบัตรประจำตัวประชาชน เกิดที่ประเทศไทย มีสัญชาติไทย พูดภาษาไทย
หรือร้องเพลงชาติได้ไหม
นายจิตตนาถลิ้มคงจะทราบที่มาที่ไปของกำพืดตนเองอยู่พอประมาณ จึงอนุโลมตามสมประโยชน์ด้วยในประโยคนี้

         จึงขอจบ บทความซึ่งได้ผ่านกระบวนการ   .. ..  ๆ  (ผ่านกระบวนการทำ2ครั้ง)
คือ กระบวนการคิด กระบวนการวิเคราะห์ และ กระบวนการแยกแยะ ไว้ด้วยข้อสรุปประโยคตอบคำถามนี้ว่า
            
           แล้ว “พ่อมึงมาทำประโยชน์อะไรให้กับพวกกู” บ้าง



              **ปล. ให้ตอบเน้นแต่ การสร้างประโยชน์ ไม่ต้องบอกเรื่อง การสร้างความฉิบหาย ที่ผ่านๆมา
                        เพราะพวกกูรู้อยู่แล้ว หลักฐานตำตาโท่นโท่


                     ปริศนา...ชาติกำเนิด.. สนธิ ลิ้มทองกุล ?
                                    ประวัติ สนธิ ลิ้มทองกุล


   



            
                                 ประวัติ อุโฆษบุรุษ   

      นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ที่ชอบกล่าวอ้างความจงรักภักดีเสมอ  (ชื่อเดิม โกตั๊บ แซ่ลิ้ม)
 เกิดวันที่ 7 พ .ย. 2490 ที่จ.สุโขทัย เป็นลูกของนายวิเชียร แซ่ลิ้ม อดีตสมาชิกพรรคก๊กมินตั๋ง
และผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยหว่างผู่ กับ นางไชย้ง แซ่ลิ้ม ทั้งคู่ ยักยอกเงินของคาราวาน
ค้าฝิ่นจีนฮ่อ หลบหนีมาตั้งรกรากในประเทศไทยทำกิจการโรงพิมพ์ และออกหนังสือพิมพ์จีน
 จำหน่ายให้กับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อมา
ทั้งสองผัวเมียได้เสียชีวิตไปด้วยสาเหตุลึกลับที่ทางญาติไม่ยอมเปิดเผยกับตำรวจ

      สนธิ จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยม จากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น18 เป็นเพื่อนร่วมรุ่น กับ
นายทนง พิทยะ จากนั้นถูกส่งตัวไปลี้ภัยและเรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน พร้อมกับเรียนวิชาวิศวกรรม
เครื่องกลที่เมืองไถ่ต้า เป็นเวลาปีเศษ ก่อนที่จะไปเรียนต่อสหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาระดับ
ปริญญาตรีที่ยูซีแอลเอ เมืองลอสแองเจลีส

     นายสนธิ สมรสกับ นางจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล (ช่องดารากุล) ชาวจังหวัดตรัง เมื่อ พ.ศ. 2516
ปัจจุบันแยกกันอยู่ มีบุตรชายด้วยกัน คือนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ซึ่งปัจจุบันเป็น ผู้บริหารกิจการ
ในเครือผู้จัดการ นายสนธิ เข้าทำงานเป็นบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย เมื่ออายุ
ได้เพียง 27 ปี จากนั้นได้ทำงานกับ นายพอล สิทธิอำนวย (ซึ่งโกงเงินธนาคาร 2,000พันล้านบาท
ก่อนที่จะหลบหนีไปอยู่อเมริกาเมื่อ 30ปี)และรับโอนกิจการในเครือพีเอสกรุ๊ปมาฟรีๆอย่างน่าแปลกใจ
แต่ต่อมาขาดทุน จึงได้ขายกิจการให้กับ นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา

     นายสนธิกลับมาเข้าวงการอีกครั้ง ด้วยการตั้งบริษัท ตะวันออกแมกกาซีน ทำ นสพ.ผู้จัดการ
รายเดือน เมื่อปี 2526 และ นสพ.ผู้จัดการรายสัปดาห์ นายสนธินำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปี 2533 แต่ปัจจุบันหุ้นบริษัทในกลุ่มของนายสนธิ ถูกตลาดหลักทรัพย์
แขวนป้ายระงับการซื้อขาย เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทตัว
          นายสนธิเองถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
      จึงได้แต่บัญชาการบริษัทในเครือผ่านทางลูกชายที่เป็นนอมินี (นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล)
เดิมนายสนธิให้การสนับสนุนนายกทักษิณ แต่เมื่อนายกทักษิณไม่ยอมเอาเงินภาษีของประชาชนมา
อุ้มชูหนี้สินกว่า 6 พันล้านบาทของนายสนธิ จึงทำให้นายสนธิโกรธแค้นและออกมาขับไล่นายกทักษิณ

       ช่างเป็น ..... ลูกไม้ ที่หล่นไม่ไกลต้น เสียจริงๆ



           
            ยุคสงครามกลางเมืองจีน ระหว่างฝ่าย เจียงไคเช็ค กับ เหมาเจ๋อตุง

การสงคราม ควบคู่ไปกับ การโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อแย่งชิงมวลชน ขับเคี่ยวกันรุนแรงเท่าไหร่ การเข่นฆ่า
และ ลอบทำร้ายสำหรับกลุ่มผู้แบ่งฝ่ายถือข้าง ก็มีความรุนแรงตามไปด้วยเท่านั้น ดังนั้นการที่จะรวบรวม
เงินทองเพื่อส่งไปสนับสนุนการสู้รบในประเทศ จึงต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

                 

ดังนั้น บทบาทของ หนังสือพิมพ์จีนโพ้นทะเล ที่เสนอข่าว จึงก้าวเข้ามามีบทบาทในการรับบริจาคเงิน
เพื่อส่งไป ช่วยการสงคราม ในประเทศอีกทางหนึ่ง

    โกเชียร
นายวิเชียร แซ่ลิ้ม เจ้าของหนังสือพิมพ์จีนเล็กๆในเวลานั้น ซึ่งก็เป็นพ่อของ นายสนธิ ลิ้มทองกล
ก็คือคนหนึ่งที่ อาสาทำหน้าที่รับเงินบริจาค มาจากทุกสารทิศ เป็นเงินมหาศาล ที่ทำให้ครอบครัว แซ่ลิ้ม
นี้มีฐานะร่ำรวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

ว่ากันว่า โกเชียร  รับบริจาคเงินเพื่อส่งไปช่วย กั๋วหมิ่นตั๋ง  ด้วยเคยเป็นสมาชิก มาก่อน ที่จะอพยพ
ครอบครัว หนีทหารมาอยู่เมืองไทย  แต่การที่ทำหน้าที่รวบรวมเงินไปช่วยพรรค กั๋วหมิ่นตั๋ง  นั้นก็มีส่วน
ในการลบล้างความผิดในข้อหาหนีทหาร  ทำให้นายสนธิ ในฐานะ ทายาทโกเชียร ได้รับการดูแลเป็น
อย่างดี จากรัฐบาลไต้หวัน เมื่อครั้งที่โกเชียรส่งไปเรียนอยู่ที่นั่น

ส่วนสาเหตุที่ โกเชียร และ นางไชย้ง ผู้ภรรยา ตายอย่างเป็นปริศนาดำมืดนั้น มันมีที่มาจาก
การแอบรับเงินบริจาคทั้งสองฝ่าย และเมื่อปี ๒๔๙๒ สงครามกลางเมืองจีนยุติ ก็ได้ฮุบเงิน
บริจาคทั้งหมดเป็นของตน

                             

             นายสนธิ ลิ้มทองกล  จึงเป็น ลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น เจ้าของทฤษฎีสามไม่ คือ
 ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ด้วยการชักดาบ เพื่อประกาศตนเป็นผีบุญนำ ลูกจีนกู้ชาติ  นั่นเอง

                     นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหนี้ 6,687 ล้านบาท
                       หนี้เน่าที่ สนธิสร้างและจะไม่ยอมจ่าย


                 กู้เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกว่า                300 ล้านบาท
                 ธนาคารกรุงไทย                                495,080,556.13  ล้านบาท
                 ธนาคารกสิกรไทย                               30,791,780.82  ล้านบาท
                 ธนาคารเอเซีย                                  741,728,446.00  ล้านบาท
                 ธนาคารกรุงไทย                                900,978,279.31  ล้านบาท
                 ธนาคารไทยธนาคาร                          431,419,178.07  ล้านบาท
                 ธนาคารดีเอสบี (ไทยทนุ)                      64,621,463.90  ล้านบาท
                 การไฟฟ้าฝ่ายผลิต                                                 53 ล้านบาท
 
          และอีกหลาย ๆ ธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ต่าง ๆ อีกมากมาย
         ให้ไปอ่านที่ นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ จะได้ทราบว่ามันโกงทั้งประเทศไทย และทั้งโลกด้วย

   



  18 กันยายน 2550
       เจ้าพนักงานการพิมพ์ กทม. ได้ตรวจยึดหนังสือลามกอนาจาร
       เพื่อการค้าและเพื่อจำหน่ายจ่ายแจก ซึ่งมีลูก "สนธิ" เป็น บก.

           อาทิ ตาอสูรพิฆาตมาร,เผ่าทรชนพันธุ์เถื่อน และ คุณแม่จิ๊กกี๋แช่แข็ง


            
                         เผ่าทรชนพันธุ์เถื่อน                      คุณแม่จิ๊กกี๋แช่แข็ง
                            
                                                      ตาอสูรพิฆาตมาร

            พล.ต.ต. สมบัติ ศุภชีวะ ผู้บังคับการอำนวยการ (ผบก.อก.) สำนักงานตำรวจสันติบาล (บช.ส.)
กล่าวภายหลังจากร่วมประชุมเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพมหานคร วันนี้ (18 ก.ย.) ว่า หลังจากเจ้าพนักงาน
การพิมพ์ กทม. ได้ตรวจยึดหนังสือการ์ตูน อาทิ ตาอสูรพิฆาตมาร, เผ่าทรชนพันธุ์เถื่อน และ คุณแม่จิ๊กกี๋
แช่แข็ง
ที่มี นายจิตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้ง นสพ.ผู้จัดการรายวัน
เป็นบรรณาธิการบริหาร กว่า 10 เรื่อง จากร้านหนังสือทั่วประเทศ

        เนื่องจากเข้าข่ายเป็น หนังสือลามกอนาจาร ทางสำนักงานตำรวจสันติบาลได้ให้ตำรวจไปแจ้งความเพื่อ
ให้ดำเนินคดีข้อหา ผู้ทำ,ผู้ผลิต หนังสือลามกอนาจาร เพื่อการค้า และเพื่อจำหน่ายจ่ายแจก ระวางโทษจำคุก
ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

        ผบก.อก.บช.ส. กล่าว และว่า "ขอฝากผู้ปกครองสังเกตบุตรหลานซึ่งอาจซื้อหนังสือประเภทนี้
                                                 มาอ่าน และหากพบเบาะแสแจ้งได้ ที่ 02-2051455 "

                      

        เพราะ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เป็นพ่อ ปฏิบัติการสร้างความแตกแยกให้กับคนบนผืนแผ่นดินไทย
ดังปรากฏชัดและต่อเนื่อง เป็นการทำลายสถาบันระดับผู้มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่มีศักยภาพในเชิงสร้างการขับ
เคลื่อน เศรษฐกิจ และการเมืองของประเทศ

    ส่วน นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชาย ปฏิบัติการทำลาย "ภาคเยาวชนไทย"ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติ

       นี่คือ
       ...อาวุธชีวภาคชนิดใหม่ ปฏิบัติการ ทำ " สงครามล้างเผ่าพันธุ์ชนชาติไทย "
                                                                                                  อย่างแท้จริง
                                                                                                    

      จะเห็นได้ว่า.. สนธิ ลิ้มทองกุล และบุคคลในตระกูลนี้ จัดเป็นสายพันธุ์อันตราย ที่สามารถ
ทำลายล้าง ขนบธรรมเนียม ประเพณี พระพุทธศาสนา วัฒนธรรม และสถาบันอันดีงามของไทย
ให้สูญสิ้นไป รุนแรงกว่าระเบิดชีวภาพ ที่เป็นอันตรายต่อมวลมนุษยชาติ  ซึ่งสมควรที่สังคมโลก
จะต้องร่วมมือกันกำจัด ก่อนที่จะแพร่เชื้อขยายพันธุ์จนเกินกว่าแก้ไข


                                  
                                      พันธมวย ไม่มีหัวคิด
หรือว่า ....
 สนธิ ลิ้มทองกุล และ จิตตนาถบุตรชาย คือ นวตกรรมใหม่ จาก Change Human mankind Project

Strawberry Theory นำเสนอ "ทฤษฏีตอแหล" ที่ท่านต้องอ่าน



Strawberry Theory
   Strawberry Theory มิใช่ Strawberry Cheesecake นำเสนอทฤษฏีที่ท่านจำเป็นต้องอ่าน

เห็นท่านผู้รู้ แสดงตนโอ่ว่า รู้ลึกรู้จริงแท้แน่ชัด วงใน นักการมุงนักกวนเมือง แล้ว เลยต้องขบคิด ประดิษฐ์
ค้น “ทฤษฎีสตอร์” นี้มานำเสนออธิบายให้เห็นแท้แก้สงสัย ในเรื่องว้าวุ่นตำตาตำใจนักเรียกร้องประชาธิปไตย
ทั้งหลายทั้งสิ้น

“ผมเห็นว่า คนเหล่านี้อาจจะมีกุศลเจตนา
แต่ผมเห็นชัดว่า นี่คือ การไร้เดียงสา อ่อนด้อยทางการเมืองของนักพูด นักเขียนบน
จอ
คอมเหล่านี้ นี่คือ การพาคนไปตายครั้งใหญ่ การสร้างความหายนะกับมวลชนแดงชัดๆๆ”
                                                            
 .. เสรีชนประชาไท


คืออันนี้ ท่านเสรีชนประชาไท อาจจะสับสนอลหม่านไปนิสส์ เพราะการพาคนไปตายครั้งเล็กแลครั้งกลาง
ที่ผ่านมาหมาดๆนั้น ..เป็นฝีมือขอ นักไฮปาร์ค นักแสวงอยากทางการเมือง ขอรับ เป็น นักพูดระดับทีม
ชาติชุดใหญ่
มิใช่ พวกไร้เดียงสา อ่อนด้อยทางการเมือง หรือ นักพูด นักเขียนบนจอคอม ซึ่งอาจจะควบรวม
ถึง นักสู้หลังตู้เย็น ด้วยก็ได้ …ซึ่งประการนี้ผมโต้แย้งแทงกลับ ท่าน เสรีรุ่งสว่าง เอ้ย!.. เสรีชนประชาไท ด้วย
ความจริงจังและซีเรียส อย่ามาทำยิ้มนะขอบอก

ใครเขาจะพาเดินกันไปตายง่ายเสียเล่าขอรับ พ่อแม่ทำกันมาเหนื่อยยากแสนเข็ญ กว่าจะเกิดมา เป็นตัวเป็นตน
รวมเป็นคนขึ้นมาได้ จะโตจะตายไม่แน่นอน จะตึงจะตัง ขึงขังหรือโอนอ่อน แล้วแต่ทำเพื่อใคร

          

สำหรับนักการเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะชั้น รองนายกฯ, รัฐมนตรี, สมเด็จเจ้าพระยาฯ, ยกบัตร, ขุน, หลวง, พัน,
จ่า, นายบ้าน, ทหารเลว ตนใดจะพิรี้พิไร เอออวย คิ วิเคราะห์ แกแยะ อะไร .. เอาอกเอาใจ สันมือสัน
เท้าประการใด .. แอคชั่นโอเวอร์ฮีททไวไลต์ ท่าไหน … อย่าดูเบาเชียวนาท่าน ว่า วิญญูชน ที่เขามองอยู่
จะ เบาปัญญา แยกมิออก หรือกระทำการแลดูเขลา ดังคำท่านว่า

ก็ในเมื่อนายท่านใช้ ทฤษฎีสตอร์ “ลิงหลอกเจ้า” เชือดคอวัวควายบูชายัญ ปะเหลาะประจ๋อประแจ๋ เอาอก
เอาใจทวยเทพเจ้าบนฟากฟ้าสรวงสวรรค์ .. เหล่านักปรัชญาเกาะขอบ(จอ) จะเจือสม เล่นบทละครลิงแสม
ว่ายทวนน้ำ ขึ้นฝั่งมาแลบลิ้นปลิ้นตา นอนทอกระดอกใส่  เพื่อแสดงอาการค้าน ให้แล สมจริงบ้าง มิได้
เชียวฤา .. น่าพิลึกที่เซียนการเมืองผู้จัดเจน หาสำเหนียกนัยไม่

                             

ส่วนใน ไซเบอร์อินเตอร์เน็ต ไอ้เรื่อง จะบลอค จะปิด จะหุบ จะแหก จะอ้า เวปไซต์ที่เจตนา หมิ่นเชิงชาย
หมิ่นเชิงหญิง
เหล่านี้นั้น ปิดไปได้เลยขอรับ อย่ามาโม้ ออกแนวกำเริบกันใหญ่ ไปไหนมาสามวาสองศอก..

ก็กรูกระผมเห็นแหมมัน บัดเดี๋ยวเปิดบัดเดี๋ยวหุบ บานทะโร่โท่ให้เต็มท้องทุ่งไซเบอร์ สลอนไปหมดนับมิหวาด
มิไหว มาครั้งแต่รัฐบวยเขาอีเที่ยงแล้ว ..ส่วนอ้าย เครื่องมือแฮคก์แหกด๊าก สี่ห้าร้อยล้านนี้ก็มิเห็นจะตื่นเต้ล
ขวัญหนีดีขมเสียเมื่อไร สมัยนายพลสกร่าง มุบมิบหยิบมาจากองค์การทอระสัพ แพงก่าตั้งเยอะ ยังมิ แลเห็น
สะออนซ่งติงอะไร

อยู่ดีมิว่าดี แหม๋ ยัดอาญาล้มนั่นล้มนี่ ล้มเจ้ามือแชร์แม่ปลาวาฬ ล้มเจ้ามือหวยปังปอน เอ้ย! ปิงปอง
 ควายมันมาอ่านมันคงหัวเราะเยาะจนฟันโยกหามีเคี้ยวเอื้องต่อไปภายหน้าไม่ ..
พวกไพร่เยี่ยงกรู จะไปล้มพวกมันทำไมหา? .. มันยืนเองยังจะล้มตายห้าอยู่แล้ว
.. วุ้ย! 
ช่างมิสอดคล้องต้องกันกับการจำเริญภาวนา เสียนี่กระไร
ขู่กันจัง ขู่ฉิบหายวายตุกัง ขู่กันดังฉิบหาย


ทวนความจำสั้นๆนะขอรับ อ้ายอีไหนมรึงจะแปลงกาย เป็น “ลิงหลอกเจ้า” เช่นไรเชิญ
หาความสำราญ .. ส่วนชาวบ้านร้านตลาด อ้ายขวัญ อำแดงดา เขาจะเล่น ละครชวนหัว
ประโลมโลกทะลึ่งบ้อง “ลิงหลอกลิง” บ้าง จะสำมะหา ร้อนอกร้อนใจ ไปทำไมมี


ยกพิชัยสงคราม รู้จริงบ้างมิรู้บ้าง มาทำกโลบาย หลอกวัวหลอกควาย ปะติโถ พ่อเอ้ยแม่เอ้ย
อ้างศัพท์แสงอึมครึมสารพัน ใครอ่านใครงง ร้อยพันอ่านร้อยพันมันยิ่งงง ... นี่ไฉนพวกต่อต้าน
"ภาษาเทวดาวกไปวนมา" กลับทะลึ่งรินำมาใช้กับไพร่ด้วยกันเสียสิ้นแล้ว ฤ ใช้ภาษาไพร่ร้านตลาด
มันจะแลมิสมภาคภูมิ นกรู้ เล่าฮึ พ่อมหาจำเริญพ่อรูปหล่อกระดุมหอม

       บอกเขาไปมิได้หรือท่าน ว่า

                   นาย..เขาเอาลูกบ่าวจ้าว แต่ต้องรออาลัยพ่อ
                 พวกไพร่ฟ้าหน้างอ จักต้องขอตัวงออวย
                ไปชิมไปชุมไปด้วย หากพาไปตายกูป่วย
                   บุรุษได้ขึ้นมีรวย มีชัยไปสวย .. ชโย

                            พวกมึง พวกกู จึงต้องยืนอวยไง
                       นึกว่าจักลึกซักกี่ฟาทอม ซับซ้อนถึงเพียงใดเชียว
            ส่วนอ้ายรถถัง ควายตู้ สากกะเบือ อะไรๆ ที่ยกมากล่าวอ้าง
     ..อยากให้รีบออกมากันจังเลย จักไปชักรูปกับสาวจ๊ำบ๊ะซักหน่อย มาเมื่อไรวานบอก

 Rules of Strawberry Theory
                                กฎ ๕ ข้อ ของสตอเบอร์รี่สีแดง

ข้อที่ ๑ ไปชุมนุมอวยไหนไปกัน กินฟรี บ่ยั่น งดบริจาคบนเวที
ข้อที่ ๒ พูดเศร้าให้ร้องไห้นำ พูดขำให้หัวเราะ พูดเพราะให้ตบมือ พูดขายของอย่าซื้อ อย่าลืมมือถือไว้ถ่ายรูป
ข้อที่ ๓ ประชาธิปไตยมิเคยได้มาฟรี แต่ถ้า สตอร์เบอรี่ทุกเวทีมีแจกให้
ข้อที่ ๔ ผู้นำแมลงคือนางพญา ผู้นำฝูงสัตว์ป่าคือจ่าฝูง ฉะนั้น จ่าคือผู้นำฝูงสูงสุด
ข้อที่ ๕ สตอเบอร์รี่แลนด์เป็นดินแดนแห่งผลสตอเบอร์รี่สด แต่ แลนด์ ออฟ สตอเบอร์รี่ เป็นที่มีแต่ความตอแหลสดสด

            
ขอขอบคุณทุกท่านผู้มีอุปการคุณ และที่จักขาดเสียมิได้ "บุญคุณปูแดง"
Line3.gif


                                              



“ลิง..ทอกะดอก..เสือ”

เป็น เพลงไทยเดิม อัตราจังหวะ ๒ ชั้น (จังหวะปานกลาง) ทำนองเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ใช้
ประกอบการแสดงละคร  นิยมใช้บรรเลงร้องเล่นประกอบการแสดงละคร ในฉาก ที่เป็น ป่าเขา
ลำเนาไพร หรือใช้บรรเลงเพื่อประกอบกิริยาการเดินทาง ของตัวละครที่เป็นตัวตลก เป็นเพลงที่
มีลีลา ทำนอง และอัตราจังหวะกระชั้น รุกเร้า ชวนให้อารมณ์คึกคัก สนุกสนาน หรือให้อารมณ์
ตลกขบขัน

เพลงนี้ของโบราณ ท่านเรียกว่า "ลิงถอกกระดอเสือ" ครูเพลงเห็นว่าไม่เพราะไม่ดี เอาไปเล่น
งานไหนๆ เจ้าภาพเป็นดนตรีต่างไม่ชอบ เลยเปลี่ยนชื่อให้ไพเราะว่า "ค้างคาวกินกล้วย" จึง
เรียกกันมาจนบัดนี้

มีความหมายว่า ลิงกระทำกิริยาอาการบางอย่างกับอวัยวะเพศของเสือตัวผู้ คนภายหลังคงเห็น
ว่าออกจะหยาบโลนไป จึงเรียกชื่อใหม่ว่า “ลิงกับเสือ” หรือ“ลิงแหย่เสือ” แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
ชื่อนี้กันมากนัก คงรู้จักในชื่อ “ค้างคาวคลึงกล้วย” เอ้ย... “ค้างคาวกินกล้วย” กันมากกว่า
ที่มาของเพลง“ลิงกับเสือ” มาจากคนแต่งซึ่งยังไม่พบหลักฐานทราบว่าเป็นใครและแต่งเมื่อใด

                          

             ** ปล. ผู้เขียนขอปวารณาตัว เป็น "ลิง"  คือ “ลิง..ทอกะดอก..เสือ” ครับ
          ไม่ขอเป็นเป็น ลิงหลอกเสือ หรือ ลิงหลอกแดกเจ้า เหมือนลิงบางตัว บางฝูง นะเฮ้ย

            
.. " รักการอ่าน แต่อ่านไม่ออก ได้แต่ทำท่าทางหลอกๆ..ประสาลิง .. " ..ice angel
  กลอนนี้มันส์ดี ใครแต่งม่ายรุ๊ อ่านดูเอาเอง  ที่มา

ประชาชนประชาลิง      กลอกกลิ้งสับสน
อะไรอะไรก็ปวงชน       ปวงชนปวงชนอยู่ร่ำไป

รากหญ้ามีไว้ให้ต้ม       ต้มเพื่อเลี้ยงใคร
ประชาลิงไม่เข้าใจ       จึงไม่ใช่ประชาชน

ประชาลิงถืออำนาจ      จึงบังอาจขว้างแต่ใข่
ขว้างกันมาขว้างกันไป  ล้วนโดนไข่ประชาชน

ผู้แทนของปวงลิง        จึงกลอกกลิ้งไปทุกหน
ลิงหลอกเจ้าประชาชน  ปะปนเจ้าประชาลิง

ลิงกินรากหญ้า            ใครอย่ามาสุงสิง
ลิงก็คือลิง                   จึงทอดทิ้งประชาชน









วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ซึ่ง “แต่เดิมร่วมรากเกิด เหตุไฉนเร่งเผาผลาญ”

      
   
      

                              " จู๋ เต่า เหยียง เต่า กี
                            เต่า ต่อ ฮู้ ตง ขิบ
                            ปึ๊ง สี่ ตั่ง กึง แซ
                            เซียง เจี๊ยง ห่อ ไท้ กิบ "


                            ต้มถั่วเผาเถาถั่ว
                            ถั่วรำไห้รำพันกับเถาถั่ว ว่า
                            เกิดจากรากเหง้าเดียวกัน
                            เหตุไฉนคิดทำลายเผาผลาญกันปานนี้
  .  .  . รุ่งศิลา

        
      

ความหมาย : ต้นถั่วหรือเถาถั่วอยู่ในเตาเป็นเชื้อเพลิง ฝักถั่วอยู่ในกระทะรอการต้ม ยังไงก็หนีชะตากรรมไม่พ้น
แต่เดิมนั้น เกิดแต่ต้นตอเดียวกัน มาจากรากเดียวกัน ทำไม เสนอตนเป็นเชื้อไฟเผาผลาญกันเองให้มอดม้วย
เปรียบได้กับพี่น้องร่วมบิดามารดาที่มาเข่นฆ่ากันเอง …เวลาผ่านจาก ยุคสามก๊กมาจนถึงปัจจุบัน
ต้นถั่วเผาฝักถั่วก็ยังคงดำเนินรอยซ้ำอยู่  หาได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เห็นได้เสมอ
                “แต่เดิมร่วมรากเกิด เหตุไฉนเร่งเผาผลาญ”

โจสิดจึงร่าย “บทกวี 7 ก้าว”
ที่เปรียบความคับแค้นเศร้าโศกของต้นถั่ว ที่เกิดแต่การใช้เถาถั่วซึ่งกำเนิดแต่รากเดียวกันไปต้มหรือคั่วถั่ว
เทียบกับความเศร้าโศกอาดูรของพี่น้องญาติตระกูลเดียวกัน ไม่มีเรื่องใดยิ่งใหญ่ล้ำลึกกว่าการที่พี่น้องต้อง
ล้างผลาญกันเอง

เมื่อสิ้นโจโฉ ...โจผีขึ้นครองราชย์ต่อ และเกรงว่าโจสิดจะกลับมาแย่งอำนาจตน จึงเรียกตัวโจสิดมาให้
แต่งโคลงจากภาพกระทิงสองตัวที่ชนกัน หากแต่งไม่ถูกใจโจผี โจสิดย่อมต้องสิ้นชีวิต แต่กับผู้หวังจะ
สังหารตนนี้ โจสิดแต่งโคลงกล่าวถึงกระทิงสองตัวที่ชนกัน แต่ตัวหนึ่งล้มลงแม้มีกำลังเท่ากัน เพราะมิ
อยากต่อสู้ โจผีได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจในความหมายที่แฝงอยู่ทันทีว่า โจสิดมิอยากแย่งชิงบัลลังก์กับตน
อีกต่อไป แต่อย่างไรเสีย จะปล่อยเสือเข้าป่าย่อมมิได้ จึงให้แต่งอีกโคลงอีกอันหนึ่ง กล่าวถึงพี่น้องที่มิ
อาจฆ่ากัน แต่ห้ามไม่ให้เอ่ยคำว่าพี่น้องในโคลงนั้น โจผีตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ มิว่าผู้ใดล้วนแต่ถอนหายใจ
เตรียมรับความตายทั้งสิ้น แต่โจสิดก็ยังยิ้มเยือกเย็น แล้วแต่งโคลง

พระเจ้าโจผีจึงสำนึกได้และไม่สั่งประหารชีวิต แต่เนรเทศโจสิดออกไปนอกเมืองแทน และไม่นาน
โจสิดก็ถึงแก่ความตายด้วยความตรอมใจ ในปี พ.ศ. 775





  เสื้อสีเหลือง ผ้าพันคอสีฟ้า พันธมิตรรับไม้ ยาวทั่วประเทศก็เล่นแล้ว
  ต่อไปก็ .. ผ้าพันคอสีเลือดหมู  เปิดตัวโดย นายก 100 ศพโชคดีของคนไทย
  พรรคเสื้อแดงรับงานสานต่อ นโยบาย เถาถั่วต้มฝักถั่ว
.. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ


 

โครงการ Cyber Scout หรือ "ลูกเสือไซเบอร์" เป็นโครงการของกระทรวงไอซีทีที่ริเริ่มในรัฐบาลที่แล้ว
โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายอาสาสมัครออนไลน์เพื่อ "ส่งเสริมและปกป้องให้สังคมไทยเกิด
ความตระหนักในการรับรู้และใช้งานข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์"



กระทรวงไอซีทีได้อบรมอาสาสมัครไปแล้วจำนวนหนึ่ง และตอนนี้ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ก็ประกาศเดินหน้าโครงการนี้ต่อ โดยขยายหลักสูตรให้ครอบคลุมผู้นำและ
ผู้บริหารลูกเสือไซเบอร์ด้วย

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที  และผู้บริหารกระทรวงฯ
นำกองลูกเสือไซเบอร์ รวมกว่า 40คน ซึ่งเป็นเครือข่ายอาสาสมัครไซเบอร์สเกาท์ (Cyber Scout) เข้าร่วมพิธี
ทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามของลูกเสือ ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ เนื่องในวันคล้ายวันสถา
ปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันที่  1 ก.ค.2554






รัฐบาล'ยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ทุ่ม 600 ล้าน ตั้งคณะกรรมการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่าน
กิจการลูกเสือชาวบ้าน มอบ "โกวิท" คุม เน้นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ

                  ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการมี 3 กลุ่ม คือ
         1. ลูกเสือชาวบ้านและประชาชนทั่วไปทั่วทุกภูมิภาค
         2. ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน
         3. บุคลากรของภาคสื่อสารมวลชนทุกแขนงที่เกี่ยวข้อง

20 ก.ย.2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 166/2554
เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกิจการลูกเสือชาวบ้าน (คปด. ลส.ชบ)
มี พล.ต.อ.โกวิท เป็นประธาน รมว.มหาดไทย รมว.ศึกษาธิการ และ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองฯ




 
xxx12สารบัญ

        ยุวชนแดง Red Guards
        ยุวชนฮิตเลอร์ หรือ Hitlerjugend
        ลูกเสือชาวบ้าน จะกลับมารุ่งเรื่องอีกครั้ง
        "จากลูกเสืออินเตอร์เน็ต สู่ลูกเสือประชาธิปไตย"
        ลัทธิ ซาบซึ้ง "ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์คอมมิวนิสต์"ของเกาหลีเหนือ
        องค์กรล่าสังหาร นักล่าแม่มด “เราจักฆ่า เพื่อหยุดยั้งการฆ่าคนบริสุทธิ์"
        ภาพข่าว 6 ตุลาคม 2519


Oups


                                


       

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อากง - อากรง






     ถนิมสร้อย   [ถะหฺนิมส้อย] ว. หนักไม่เอาเบาไม่สู้, ทำเป็นเหยาะแหยะ, ทำเป็น
                       อ่อนแอ, (ใช้เป็นคำตำหนิ) เช่น โดนว่านิดหน่อยก็ร้องไห้ ทำเป็น
                       แม่ถนิมสร้อยไปได้, สนิมสร้อย ก็ว่า.


                                   ....... link >> อากง





วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ARTICLE19: เรียกร้องให้ปล่อยตัวอากงระบุเป็นคำพิพากษาที่่น่าตกตะลึง



องค์กรสิทธิ ‘อาร์ติเคิล 19’-‘แอมเนสตี้ฯ’ ประณามคำตัดสินคดี ’อากง’

Sun, 2011-11-27 14:06

องค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ‘อาร์ติเคิล 19’ แถลงการณ์ประณามผลการตัดสินคดี ‘อากง’ เหยื่อคดีหมิ่นฯ รายล่าสุดที่ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ร้องรัฐไทยต้องโมฆะตัดสินดังกล่าว พร้อมแก้ไขมาตรา 112-พ.ร.บ. คอมพ์ฯ ด้าน ‘แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล’ ชี้ ‘อากง’ เป็น ‘นักโทษการเมือง’

สืบเนื่องจากคดีนายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) จำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ- พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ที่ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (17 พ.ย. 54) เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือหมิ่นเบื้องสูงไปหา เลขานุการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจำนวน 4 ข้อความนั้น

องค์กรรณรงค์ระหว่างประเทศด้านสิทธิด้านเสรีภาพในการแสดงออก ‘อาร์ติเคิล 19’ (Article 19) และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล ได้ออกแถลงการณ์ประณามคำตัดสินดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า คำตัดสินดังกล่าวเป็นที่น่าตกใจอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงการจงใจละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกอย่างชัดเจนของทางการไทย

“การตัดสินลงโทษดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในการแสดงออกอย่างชัด แจ้ง” นายเบนจามิน ซาแวกกี นักวิจัยสากลของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประจำประเทศไทยกล่าว “อำพลเป็นนักโทษการเมือง” เขาระบุ

นายเบนจามินยังชี้ว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 มีผลเหนือคำสั่งตามรัฐธรรมนูญของไทย และบทบัญญัติและการใช้ของกฎหมายดังกล่าว ยังขัดแย้งกับพันธกรณีของไทยที่ต้องมีต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ ทางการเมืองแห่งสหประชาชาติแล้วตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลไทยต้องคุ้มครองเสรีภาพทางความคิด และสิทธิของพลเมืองในการแสดงความเห็นและการแสดงออกโดยเท่าเทียมกัน

องค์กร ‘อาร์ติเคิล 19’ ยังได้เรียกร้องให้ไทยยกคำตัดสินในคดีนายอำพลเป็นโมฆะโดยทันที เนื่องจากมองว่า การใช้กฎหมายหมิ่นฯ เป็นการละเมิดสิทธิในการแสดงออกอย่างร้ายแรง และยังปรากฎถึงการใช้หลักฐานที่ยังขาดความน่าเชื่อถือในการเอาผิดนายอำพลอีก ด้วย อาร์ติเคิล 19 ระบุในแถลงการณ์ว่า จะยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และแก้ไขพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกับรัฐธรมนูญไทยและมาตรฐานกฎหมายสากลต่อไป

ด้านนายสมชาย หอมลออ กรรมการอิสระค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ให้ความเห็นว่า การตัดสินคดีนายอำพลแสดงให้เห็นถึงความไม่เอาจริงเอาจังของรัฐบาลในการแก้ ปัญหาการละเมิดสิทธิ เช่นเดียวกับการดำเนินคดีของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และชี้ว่า การใช้กฎหมายดังกล่าวในทางที่ผิด ยิ่งแต่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายที่เห็นต่างในสังคมรุนแรงขึ้น และนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่สถาบันฯ มากกว่าเดิม

                    Credit :



Amphon Tangnoppaku, also known as Ar Kong, has been sentenced to 20 years in prison on 23 November 2011 by a Thai criminal court for sending four text messages deemed as insulting against the Queen of Thailand. This is the heaviest sentence ever handed down for a lèse-majesté case.

Amphon was convicted for violating both the lèse-majestélaw (Article 112 of the Penal Code) and the 2007 Computer Crimes Act, but was sentenced under the lèse-majesté law which allows for heavier penalties. Amphon is to serve, consecutively, five years imprisonment for each text message. Amphon was accused of sending these text messages to the personal secretary of ex-Prime Minister Abhisit Vejjajiva during the street protests in May 2010.

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประดาบก็เลือดแดงทั้งแผ่นดิน

                                
พลันประดาบก็เลือดเดือด  ยามเลือดเดือดเดือนก็ดับ  
 

.   พลันประดาบ นั้นเลือดเดือด ยามแดงเดือด เดือนก็ดับ คลื่นประชา คณานับ โถมขานขับ อภิชน
ข่มจำนน โดยจำนวน มหามวล ล้วนทุกหน ดั่งเม็ดทราย คะเนดล มิอาจทน ทัดทานไท
... สนามหลวง ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๑
          
.   เกยหัวหาด สาดกี่ซัด ผืนสะบัด แดงไสว ธงชาติ แลธงโชย สะพัดใน ฤาทัยตน
อึดอัดใจ อดกลั้นใน ทดท้อให้ ประดังผล คลื่นมหา ประชาชน โถมถั่งท้น โผนทะยาน
... สนามศุภชลาศัย ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๑

  ด้วยมั่นคง มังคลา ประจักษ์สา นัยน์ตาพาล ท้าอำนาจ แห่งวงศ์วาน ปลดขื่อคาน กดขี่ไทย
ตะลึงลาน ตาลายนับ แดงชาดขับ ประสานใย จิตประชา ธิปไตย กึกก้องไล่ ผู้ไร้ธรรม
... ราชมังคลากีฬาสถาน ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑

.   ยามมองภาพ ก็ขมขื่น เคยชุ่มชื่น ฝังหัวจำ กี่สดมภ์ แลกี่กรรม เจ้ากระทำ เบื้องหลังมา
อ้ายไพร่ทาส หักโซ่ตรวน เคลื่อนขบวน ย่ำยศถา ตะโกนโค่น ศักดินา อมาตยา อันขี่ฅน
... เมืองทองธานี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๑

.   ชุมนุมพล ฅนแดงชาด ดารดาษ มุ่งมั่นผล พุ่งต้านต่อ ทรชน ดั้นผจญ โผนประจัญ
ขานขาดคำ นั้นคำขาด เพลาพาด ต้องโทษทัณฑ์ โคตรวงศ์ แลพงศ์พันธุ์ กรายใกล้วัน สิ้นบรรลัย
... สนามหลวง-รัฐสภา ๓๑ มกราคม ๒๕๕๒

.   ปริมาณ ทานหอกดาบ คุณภาพ พิสูจน์ไท บนหนทาง อันยาวไกล วัดแรงใจ ไหวหวั่นตน
อาจหลายนาย วายพลีร่าง ม่ายหลายนาง แลทุกข์ทน มิย่อท้อ รอจำนน มุ่งมั่นโค่น อมาตยา
... โต๊ะจีนวาเลนไทน์ วัดไผ่เขียว ดอนเมือง ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

.  กุมภาพันธ์ วาเลนท์ไทน์ โต๊ะจีนใหญ่ แดงเจิดจ้า สุภาพชน ทุกกริยา พันโต๊ะกล้า แสนท้าทาย
สิบหมื่นชน ร้อยแสนผู้ ล้านฅนสู้ สู่จุดหมาย มหาประชาธิปไตยหลากท่วมไหลนองแผ่นดิน
... กุมภาพรั่น วาเลนไทน์ วัดไผ่เขียว ดอนเมือง ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

.   แดงขอนแดน แก่นอิสาน ร่วมผละต้าน เซาะผาหิน อึงคะนึง ดังยลยิน ก้องธานิน ทระนง
ข้าวชุ่มเหงื่อ เกลือเม็ดกล้า ใช่ขี้ข้า ไทอาจอง เลือดเสรี มีมั่นคง แม้นปลิดปลง บ่ถอดใจ
... ความจริงสัญจร ขอนแก่น ๙ มีนาคม ๒๕๕๒

  กรุงศริมิ สิ้นคนดี ราชธานี นาครใหญ่ อโยธยา งามวิลัย นักดาบไท นักรบธรรม
สู้ทุกคาบ อาบแดงเดือด ชโลมเลือด หากเหยียบย่ำ ต้านยิบตา กล้าศึกนำ ปราบริยำ ย่ำริปู
... ความจริงสัญจร อยุธยา ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๒

๑๐.ชุมพรรคมั่น จันทบูรณ์ สรรค์ค้ำคูณ เสริมค่ายคู ระดมพล ทุกเหล่าผู้ ชาดนักสู้ ชูเสรี
ถอยยามพลั้ง ยั้งเมื่อพลาด ยุรยาตร คอยทางที เสนาพร้อม ล้อมไพรี กุดหัวที่ กดขี่ไท
... ความจริงสัญจร จันทบุรี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๒

๑๑.๗๐๐ ปี แดนดินนี้ ราชธานี สืบยาวไป ๓ กษัตริย์ บัดยิ่งใหญ่ แตกเชื้อสาย ไทยล้านนา
ตั้งตระหง่าน ปราการไกล สู้เพื่อไท ในแนวหน้า ปริวรรต พัฒนา ล้วนผู้กล้า ทวงท้าไชย
... ความจริงสัญจร สนามกีฬา๗๐๐ปี เชียงใหม่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๒

๑๒.ร้อนรุ่มใจ กว่าไอแดด รังสีแผด ระอุใน เปลวเพลิงประ ชาธิปไตย ลุกลามไหม้ โหมไฟควัน
เพลาฤกษ์ เกริกเกรียงไกร เคลื่อนทัพใหญ่ รุกผจัญ รบราวี ตีอาธรรม์ล้างสิ้นพันธุ์ลบสิ้นภัย
... เพลาฤกษ์เคลื่อนทัพประชาธิปไตย สนามหลวง ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒

๑๓.ประชุม ไชย ใจกล้าศึก แน่นผนึก ดาหน้าใส่ บีบกระหนาบ พาลหยาบใย โผนรุกไล่ ไทลุกนำ
กองทัพทน ฅนเสรี ขับขยี้ สนั่นส่ำ ม้าขุนโจร โขนระยำ อีกาดำ ครั่นคร้ามนัย
... ประชุมไชยไทยกล้าศึก หน้ารัฐสภา ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๒

๑๔.คลื่นมหา ชนล้นหลาม ไหลหลากหยาม เสียดแทงใจ อมาตยา ผู้ยิ่งใหญ่ ตระหนกใน ให้ไหวพรั่น
ก้องสะเทือน ยามเคลื่อนพล ยกพหล ล้นเวียงพลัน ปราบยุคเข็ญ ราวีวัน ปราสาทหวั่น บัลลังก์โอน
... สงกรานต์เดือด เลือดแดงระอุ ๘ เมษายน ๒๕๕๒

๑๕.สมรภูมิ ชัยชำนะ พยุหะ ทะลวงโค่น กึกก้องกลอง ฆ้องตะโพน กระหน่ำโคน โขนโคตรวงศ์
บันทึกแท่ง แห่งนักรบ บันทึกศพ อันปลดปลง ศิลาแกร่ง มั่นแข็งคง ที่เหยียดตรง คงคู่ใจ
... ศิลาคงเหยียดตรงใจ ชัยสมรภูมิ ๙ เมษายน ๒๕๕๒

๑๖.ดินสีแดง แถลงเลือด วันเข่นเชือด สายเลือดไทย ฆาตกร สังกัดนัย สะท้อนใคร่ นัยน์สายตา
กูคือคน มึงหรือคน สัปดน บนยศถา เพศยา อีเผือกกา สั่งบีฑา ฆ่าเรียงราย
... ดินแดง แถลงเลือด สงกรานต์เดือด ๒๕ เมษายน ๒๕๕๒

๑๗.สายฝนสาด ชำระเลือด โลหิตเดือด สรรพางค์กาย กี่นับร่าง อันวางวาย อีกกี่ราย สังเวยปรน
อมหิต ฤทธิ์อำนาจ รัฐอำมาตย์ พิฆาตชน กระสับส่าย ทุรายรน เสือกกระสน อนธกาล
... สายฝนสาด ชำระเลือด ลานวัดไผ่เขียว ดอนเมือง ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒

๑๘.ล่มสลาย ทรราชย์ คำประกาศ ผู้อาจหาญ มาทวงชาติ จากภัยพาล สืบสันดาน ครอบงำเมือง
เสรีชน สละร่าง เพื่อถากถาง ทางนับเนื่อง ประสมศพ ขบฟันเฟือง หมุนต่อเรื่อง ความเป็นธรรม
... สู้มิท้อสนามหลวง ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒

๑๙.ฝ่าพายุ สายลมแรง แดดกร้านแสง ทนเหยียบย่ำ ออมาท้า ฝ่าระกำ สำแดงคำ สะเด็ดใจ
ปราบเยี่ยงไร ใยมิสิ้น หญ้ารากดิน งอกรุกไล่ ลามไปทั่ว ความเป็นไท ตะโกนไล่ ไอ้อีกา
... สู้มิถอยสนามหลวง ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๒

๒๐.อักษรา ฎีการ่าย เพียงเยี่ยงหมาย ประจักษ์ตา พลังโชน เพลิงพลา นุภาพกล้า มหาชน
หาใคร่ได้ ในเมตตา ชีวีข้า แลไพร่พล แม้นพลั้งพ่าย จะแจจน อย่าหมายตน จักข่มไคล
... หมายฎีกามหาชน สนามหลวง ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒

 
                                                                     click foto