วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ตัวกู" เกิดอย่างไพร่ จักสู้อย่างไท ขอตายอย่างเสรีชน

html tracking
  จำนวนเข้าชม


      เกิดอย่างไพร่  สู้อย่างไท  ตายอย่างเสรีชน

click to zoom

   หากไม่สู้ ไพร่ก็จะตายอย่างไพร่(ทาส) ราจึงต้องสู้ เริ่มต้นด้วยการสร้างกองกำลังของตัวเอง
   กองทัพ ที่ประกอบไปด้วย ฅนทุกเพศทุกวัย ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ของเรา
   มุ่งหน้า ต่อต้านทรราช แม้จะรู้ว่า สู้อยู่กับใคร และรู้ว่า หากสู้ก็ต้องพ่ายแพ้ แต่สำหรับพวกเรา
   การ ตายอย่างเสรีชน อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันว่า เรามิใช่อ้ายไพร่ ทาส(ขี้ข้า)ของใคร

 

  "การต่อสู้ครั้งนี้ ผมปรารถนาว่าในวันข้างหน้า ลูกของผมและลูกของลูก จะเป็น อิสระชน
  เป็น ฅนไทเสรี ที่ยืนมั่นคงบนสองเท้าอย่างเต็มภาคภูมิ สง่าผ่าเผยที่จะปกป้องสิทธิความ
   เป็นฅนของตนและผู้อื่น ยืนหยัดในความถูกต้องชอบธรรม เพื่อจรรโลงสังคมส่วนรวมให้
   มีความสันติ สงบ ผาสุก แบ่งปันทรัพยาการความอุดมสมบูรณ์อย่างทั่วถึงเสมอภาค และ
   มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางให้พัฒนาเดินหน้าไป ของชุมชนส่วนรวมแห่งมนุษยชาติ"

...   รุ่งศิลา  20 สิงหาคม 2553


เรื่องทาสของเสียม, ซือแย, หรือ สยาม
ความเป็นทาส มีความสัมพันธ์กับการเป็น ไพร่ และอาศัยเกื้อกูลกัน เช่น ทาสในเรือนเบี้ย ตลอดจน
กลับกลายเป็นสถานะแต่โดยกำเนิด เช่น ลูกทาส

click to zoom

รัชกาลที่ ๕ ท่านทรงเลิก ไพร่ และ ทาสปพร้อมๆกัน ด้วยเหตุมันเป็นระบบที่เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน และระบบไพร่
เป็นระบบที่ใหญ่กว่าทาสมาก เพราะคนส่วนใหญ่คือไพร่มิใช่ทาส และระบบไพร่ยังสัมพันธ์กับการเกณฑ์แรงงาน เช่น
การรับราชการทหาร หรือการใช้แรงงาน อื่นๆ

ไพร่จึงมีสังกัดเจ้านาย ขึ้นกับกรม เช่น ระบบจตุสดมภ์ เวียง,วัง,คลัง.นา ตามแบบแผนการปกครองในสมัยโบราณ
หรืออาจถูกเกณฑ์แรงเป็นฤดูกาล(ระยะเวลา) เพื่อไปใช้แรงงานรับใช้(เจ้านาย)ราชการ และ ไพร่ก็อาจตกเป็นทาสได้
เช่นกัน ทาสก็อาจไถ่ตัวหลุดพ้นไปเป็นไพร่ก็ได้

การเลิกไพร่จึงกระทบต่อโครงสร้างสังคมในวงกว้างมาก กว้างขวางกว่าการเลิกทาสเสียอีก
หากมองในแง่บวก ไพร่ ก็คือ ประชาชนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นขุนนาง

click to zoom

** ในระบอบปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแบบคลุมเครือสมัยปัจจุบัน โดยกลุ่ม ศักดินาทรราช ผู้ละโมบฉ้อฉล
     และ อสัตย์ปลิ้นปล้อน ของ ... รัฐไทยไทยประชาธิปไตยใต้ตีนกู

- ประเทศที่เชื่อถือคำทำนาย ดินฟ้าอากาศ,น้ำฝน และ ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร จาก
   สัตว์เดรัจฉาน(วัว)  มากกว่า วิทยาการด้านอุทกศาสตร์

- ประเทศที่สถาปนาฟื้นฟูใหม่ กฏเกณฑ์ การหมอบราบคาบแก้วให้เคลื่อนไหวกายเลียนแบบสัตว์4เท้า
   และต้องแสดงอาการสยบเชื่อง ด้วยการประจบซุกไซร้อยู้ใกล้(ใต้)ฝ่าตีน, บูชาลัทธิเทวดา, การแบ่งแยก
   ปกครองกลุ่มชนโดยครอบงำด้วย ไสยพราหมณ์  ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี่การสื่อสารสมัยใหม่   ผสาน
   วิทยาการด้านพรอพกานดา ตลอด24ชั่วโมง ร่วมมือกดคั้นไว้ด้วย กองกำลังติดอาวุธทันสมัยส่วนตัว
   ที่ขุนชุบเลี้ยงไว้ โดยทรัพยากรอันขูดรีดเบียดบัง จากประชาชนชาวไพร่

   click to zoom



เรื่องทาสของฝรั่ง อั้งม้อ

  “ตายเสียดีกว่า ที่จะมีชีวิตยืนอยู่ พร้อมด้วยโซ่ตรวน พันธนาการแห่งความเป็นทาส“

พบกับอิสระภาพหลังความตาย..ทาสเอ๋ย 

การลุกฮือของเหล่าทาสทำให้ จักรวรรดิโรมัน อันยิ่งใหญ่ต้องเสียศักดิ์ศรี และหนทางที่จะ ขอคืนพื้นที่ เอ้อ..
ขออภัยครับ คืนศักดิ์ศรี มาได้ก็คือ การเอาชีวิตเหล่าทาส ซึ่งพวกทาสยินดีที่จะสละมันเพื่อแลกกับอิสระภาพ
ที่รออยู่ในภพหน้าดีกว่าจะ ต้องมารับการกดขี่ต่อไป


หลังความพ่ายแพ้ในการรบระหว่าง กองทัพเสรีชนทาสปลดแอก และ กองทัพโรมันผู้ปราบปราม
มาร์คัส ลิสินัส แครสซัส แม่ทัพแห่งโรม ประกาศหาตัวสปาร์ตาคัส ซึ่งหากใครชี้ตัวให้ได้จะได้รับการ
ยกเว้น บทลงโทษ เมื่อสิ้นประโยค ..ทาสทั้งหลายเปล่งเสียงร้องดังพร้อมกันว่า
ข้าคือสปาร์ตาคัส    ข้าคือสปาร์ตาคัส !
จาก ทาสผู้โดดเดี่ยวเกิดมาอย่างต้อยต่ำ เมื่อวันที่ต้องตายกลับมีคนจำนวนมากมายยอมตายแทน ....
  กองทัพทาส ที่เหลือพร้อมใจกันประกาศว่าตนเอง เป็น สปาร์ตาคัส

click to zoom

บันทึกเรื่อง สปาร์ตาคัส สะท้อนถึงวิถีชีวิตของ เหล่าทาส(ไพร่) ผู้โหยหาการปลดปล่อย โดยที่พวกเขาต่างดำเนินชีวิต
แบบผู้ คนรากหญ้า ธรรมดาแต่ก็ถูกโรม กล่าวหาว่าเป็น ผู้ก่อการร้าย อ๊า..ผิดอีกแระครับ เป็น กบฎ แล้วเมื่อพวกเขา
ต้องร่วมกันเดินทางไปจนถึง สี่แยก..ราช !! โอ๊ะ เมืองท่าบรันดูเซี่ยม เพื่อจะพบกับ...การลงสถานีกลางทางบางซื่อ
เอ้ย..การหักหลังของเหล่าโจรสลัด แล้วถูกบีบให้ต้องสู้ตาย และส่วนที่รอดตายก็ยินดีที่จะตาย แทนการอยู่เป็นทาส
ด้วย การทรยศต่อผู้นำ คือ การชี้ตัว สปาร์ตาคัส

click to zoom

แต่สุดท้ายก็หาหลีกพ้นไปได้ ทาส(ไพร่)ที่เหลือ และ สปาร์ตาคัส ถูกน้ำตัวไปตอกตรึง บนเสาไม้สูงกากบาท
กางเขน ประจานร่างจนตาย ในข้อหา ก่อการร้าย เง้อ... กาบถ ปักเรียงรายไปตลอดทางมุ่งสู่ กรุงโรม
ทั้งหมดนี้ ได้สะท้อนถึงการปกครองแบบกดขี่ และแบ่งชั้นวรรณะ
                        ของรัฐชาติโรมันในยุคเฟื่องฟูได้เป็นอย่างดี

click to zoom

ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง การเมืองของโรมันในสมัยสาธารณรัฐ มีแต่ความอ่อนแอ เล่นพรรคเล่นพวก และ ทรยศ
หักหลัง    ร่วมกันครองอำนาจเพื่อกำจัดศัตรู แล้วตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเอาผลประโยชน์

ไม่ต่างจากการเมืองของประเทศสารขัณฑ์ ที่ไม่เคยก้าวพ้นวงจรการยึดอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์ และการเข่นฆ่า
แก่งแย่งอำนาจ...ซึ่ง ประชาชนรากหญ้า มิเคยได้รับผลประโยชน์ใดๆเลย นอกจากการเป็น  ซากศพประกอบฉาก
ประวัติศาสตร์
ของเมืองในกลุ่มหมอกควันไฟ, รัฐทหาร อันมี "ทรราช" เป็นประมุข, ประเทศไม่ระบุปรากฎในแผนที่

                  click to zoom






  พจนานุกรมราชบัณฑิต
"ไพร่" แปลว่าชาวเมือง, พลเมืองสามัญ
"อำมาตย์" แปลว่า ข้าราชการ, ข้าเฝ้า; ที่ปรึกษา; แผลงมาจาก อมาตย์

     ปัจจุบัน ก็คือ
ไพร่         =   ประชาชน
อำมาตย์   =   ข้าราชการ

     ข้อมูลคณ fantasy .. บ้านราชดำเนิน


.

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรารู้ว่า..."สู้อยู่กับใคร" โหดร้ายอำมหิตเหลือเกินและเจ็บปวดใจทุกครั้งที่นึกถึงแต่เราจะไม่ท้อแท้ที่จะต่อสู้กับมัน....