วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

“ทฤษฏีการแช่แข็งประเทศ” วิกฤติคับขันอย่างถึงที่สุดของทรราชผู้ชราภาพ ซึ่งใกล้จะพ่ายแพ้แก่สังขาร

ฮิตเลอร์เผด็จการทรราชผู้คลั่งชาติ = ทรราชผู้มั่งคั่ง
ตำรวจลับเกสตาโป = กอง... รักษาความมั่นคงมั่งคั่งภายใน ..อาณาจักรทรราช” กอ.รมน.
กองพลฮิตเลอร์จูเก้นท์ = กองทหาร รักษาทรราช

ฮิตเลอร์ ไม่ไว้วางใจ นายพลในกองทัพเยอรมันนี เพราะถูกลอบสังหารหลายครั้งโดยเหล่านายทหารในกองทัพ จึงได้ให้การสนับ
สนุน หน่วยทหาร เอส.เอส. ซึ่งเป็นหน่วยทหาร ที่ถือกำเนิดมาจาก หน่วยองครักษ์ประจำตัวของตน (Hitler s bodyguard) ที่ขึ้นชื่อ
ว่า จงรักภักดี มีวินัย มีประสิทธิภาพในการรบสูงสุด หน่วยหนึ่งของกองทัพเยอรมันนี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชื่อภาษาเยอรมัน
 คือ Waffen SS.

นับแต่เริ่ม ฮิตเลอร์ ได้กระตุ้นเร่งเร้าให้ เยาวชนเยอรมันนี มีความรักชาติอย่างสุดโต่ง และได้ให้ความสำคัญกับเด็กชายเป็นอย่างมาก
ได้มีการวางรูปแบบระบบ อย่างเป็นขั้นตอน โดยเริ่มให้เด็กชายในช่วงอายุตั้งแต่อายุ 10-14 ปี   เข้าฝึกฝน ความเชื่อในด้าน ลัทธินาซี
ระเบียบวินัยการทหาร ตลอดถึงการปลูกฝังหล่อหลอมความจงรักภักดี ต่อตัวผู้นำ คือ ฮิตเลอร์  โดยพรรคนาซี จัดตั้งองค์กร ที่เรียกว่า
จุงโฟล์ค(Jungvolk) คอยกำกับดูแล ส่วนเด็กผู้หญิงอายุ 10-14 ปี พรรคก็จะให้เข้าอบรมในหน่วยที่มีชื่อว่า จุงมาเดล (Jungmadel)

เด็กๆเยอรมัน จะได้รับการอบรมเกี่ยวกับ ลัทธินาซี ความเป็นชนชาติที่เข้มแข็งของชาวอารยัน ตลอดจนเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธพื้นฐานทั่วไป
เมื่อเด็กๆผ่านจุงโฟล์คมาแล้ว และมีอายุ 15-18 ปี ก็จะเข้าเป็นสมาชิกของ ยุวชนฮิตเลอร์ หรือ ฮิตเลอร์จูเกน (Hitler Jugend-Hitler
Youth) ซึ่งการเป็นสมาชิกของยุวชนฮิตเลอร์ ถือเป็นภาคบังคับของเด็กเยอรมันทุกคนที่ต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกในองค์กร
การลอกเลียนแบบ กลวิธีในการครองอำนาจ ของทรราชตนหนึ่ง ใน สนธยาสารขันฑ์ประเทศ เฉกดุจเดียวกัน การครอบงำ
และแทรกใส่ คำโฆษณาการชวนเชื่อ อย่างยาวนาน ชำแรกใส่ก้อนสมอง ดำดิ่งฝังเกาะ เข้าสู่ความรู้สึกนึกคิดของเยาวชน  นับแต่
แรกชั้นอนุบาล จนถึงจบชั้นมหาวิทยาลัย ในทุกสาขาวิชา และเน้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ บัณฑิตผู้สำเร็จการโรงเรียนนายร้อยทหาร
และตำรวจ  เพราะ เยาวชนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ จะเป็น กองกำลังสำคัญ ในการค้ำชูบัลลังก์ของตน(ทรราชผู้มั่งคั่ง)

การควบคุมความรู้สึกนึกคิดของพลเมือง อันมีความคิดแปลกแยกกระด้างกระเดื่อง ต่ออำนาจความมั่นคงมั่งคั่งของทรราช โดยใช้
หน่วยงาน ตำรวจลับ แบบอย่างของนาซีเยอรมัน ที่ชื่อ “เกสตาโป” สำหรับสารขันฑ์ รู้จักกันในนาม “กอง... รักษาความมั่นคง
มั่งคั่งภายใน ..อาณาจักรทรราช”

เมื่อถึงคราวคับขันของสงครามในยุโรป ฮิตเลอร์ผู้เผด็จการนาซีเยอรมัน ได้ระดมพลพรรคยุวชนฮิตเลอร์ นับล้านคน เข้าต่อสู้ ในหน่วย
ยานเกราะ เอส.เอส. ฮิตเลอร์จูเกน และเข้าร่วมใน หน่วย เอส.เอส.คุ้มครองปกป้องกรุงเบอร์ลิน
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กำลังมอบเหรียญกล้าหาญกางเขนเหล็กให้กับยุวชนฮิตเลอร์
ซึ่งเชื่อว่าคือ Alfred Czech ภายนอกบังเกอร์ของเขาในกรุงเบอร์ลิน

เดือนสิงหาคม 1944 กำลังพลของ ฮิตเลอร์จูเกน สูญเสียอย่างมาก ทั้งกองพลเหลือกำลังพลเพียง 600 นาย จนต้องมีการปรับกำลังใหม่
กองพลฮิตเลอร์จูเกน ถูกตีถอยกลับไปในเขตเยอรมัน พร้อมกับความสูญเสีย ในช่วงปลายของสงคราม  ยุวชนฮิตเลอร์ เหล่านี้จำนวนมาก
ยอมสละชีวิต เพื่อปกป้องกรุงเบอร์ลินจากการบุกเข้ามาของรัสเซีย
เชลยศึกที่เป็นยุวชนฮิตเลอร์ (Hitler youth - Hitlerjugend) สังกัดกองกำลัง Volkssturm
ที่รักษากรุงเบอร์ลิน ในช่วงสุดท้ายของสงคราม มียุวชนฮิตเลอร์ อายุ 12 ปี เข้าร่วมในการรบที่กรุงเบอร์ลินด้วย

จนในที่สุด กรุงเบอร์ลิน ก็แตก พร้อมๆกับการละลายหายไปของ กองพลยานเกราะ เอส.เอส.ที่ 12 ฮิตเลอร์จูเกน ทหาร เอส.เอส.ที่ 12
เหลือจำนวน 10,000 นาย ซึ่งเป็นเยาวชนกว่าครึ่ง ได้ขอยอมจำนนต่อกองทัพสหรัฐอเมริกา ณ.เมือง Enns ออสเตรีย เมื่อ 5 พฤษภาคม 1945

เชื่อได้ว่า ผู้คลั่งไคล้ในตัวทรราช อย่างฝังหัวสุดจิตสุดใจ นับจำนวนเรือนล้าน ก็คงมีพฤติกรรมไม่แตกต่างยิ่งหย่อนไปกว่าวีรกรรมอัน
ห้าวหาญของ ยุวชนฮิตเลอร์  ... การปกป้องทรราชอันเป็นที่รักสุดบูชา ในสารขันฑ์ประเทศ  ...จึงมีพลวัตรเทียบเคียงได้กับ บันทึก
ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของ กองพลฮิตเลอร์จูเกน
ทาสที่ปล่อยไม่ไป เหล่านี้ คงจะสู้จนตัวตายอย่างเด็ดเดี่ยวรุนแรง ในทุกกลวิธี ทุกสถานการณ์
“ ทฤษฏีการแช่แข็งประเทศ ”
จึงถูกประดิษฐ์ขึ้น ในคราววิกฤติคับขันอย่างถึงที่สุดของ ทรราชผู้ชราภาพ ซึ่งใกล้จะพ่ายแพ้แก่สังขาร

เยาวชนฮิตเลอร์ ผู้จงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ และ กองพล เอส.เอส. หน่วยองครักษ์พิทักษ์ผู้นำ ก็สูญสิ้นดับสลายไปตาม การ
อัตวินิบาตกรรม ของฮิตเลอร์ ในวันที่ 30 เมษายน 1945 (พ.ศ.2488)

ฉันใดก็ฉันนั้น ทาสผู้จงรักภักดี องกรค์ส้นตรีนพิทักษ์พ่อพิทักษ์แม่ทั้งหลาย ชาวบ้านเกณฑ์ผูกผ้าพันคอ และอีกนับร้อยพันชื่อ
ทั้งหมด ก็คงจะมลายหายอยาก สุดสิ้นความเสียวเสี้ยน เงี่ยนจงรักปากดี ไปกับความตายในทรราชผู้มั่งคั่งตนนั้น

รบนั้น รบกันแน่ แลตายจริงแน่ๆ เยอะเสียด้วย ในการดิ้นรนครั้งสุดท้าย เพื่อ ปกป้องทรัพย์สมบัติมหาศาลบานบุรี และ การถูก
กระชาก กากหน้าให้ได้อับอายก่อนวายปราณ ... ใครที่ไหนมันจะยอม ว๊ะท่านที่เคารพ
ที่จะนอนรอให้ตายห่า ไปเองฟรีๆ โดยไม่ต้องออกแรง มิมีใครเสียเลือดเนื้อนั้น  ... ฝันไปเหอะ
    
                  

ไม่มีความคิดเห็น: