ปากกา ๓ รส ว่ากันไปทางใครทางมัน นะขอรับ
ยังยืนยันทรามใจ..แก้กฏหมาย ๑๑๒......!!
๐ โอ้อกเอ๋ย..อกจะแตกให้แหลกตาย
เหมือนแสลงกฏหมายร้อยสิบสอง
กูมิอาจร่ายคําอันลําพอง
เขียนนํ้าคลองนํ้าครําอยู่รํ่าไป
เหมือนแสลงกฏหมายร้อยสิบสอง
กูมิอาจร่ายคําอันลําพอง
เขียนนํ้าคลองนํ้าครําอยู่รํ่าไป
๐ กูสูญสิ้นจินตนาจะหาแดก
เขียนมันทุกแตกแยก..ไม่แปลกใหม่
สรรพบทหมู,หมา..ฤๅสาใจ
กูหมายมั่นบันไดจะปีนฟ้า
เขียนมันทุกแตกแยก..ไม่แปลกใหม่
สรรพบทหมู,หมา..ฤๅสาใจ
กูหมายมั่นบันไดจะปีนฟ้า
๐ ต้องแก้นะ..ต้องแก้ร้อยสิบสอง
เพื่อก้าวล่วงจองหอง..ปรารถนา
มันอึดอัดอํานาจแห่งมาตรา
ไม่รู้สึกรู้สาพระการุณ
เพื่อก้าวล่วงจองหอง..ปรารถนา
มันอึดอัดอํานาจแห่งมาตรา
ไม่รู้สึกรู้สาพระการุณ
๐ แถลงการณ์ซํ้าแล้วก็ซํ้าเล่า
เสนอหน้าเก่าเก่าก็หลายรุ่น
ดังดังดับดับ..บ้างคุ้นและไม่คุ้น
เสมอทราม..เนรคุณพระเจ้าแผ่นดิน
เสนอหน้าเก่าเก่าก็หลายรุ่น
ดังดังดับดับ..บ้างคุ้นและไม่คุ้น
เสมอทราม..เนรคุณพระเจ้าแผ่นดิน
๐ โอ้อกเอ๋ย..อกจะแตกให้แหลกลาญ
กูหมายใจสามานย์ไม่รู้สิ้น
กูหมายมั่นเปลี่ยนปลดกฏกบิล
แม้เจตจินต์ตํ่าทรามก็ตามที
กูหมายใจสามานย์ไม่รู้สิ้น
กูหมายมั่นเปลี่ยนปลดกฏกบิล
แม้เจตจินต์ตํ่าทรามก็ตามที
............................
..เพลงผ้า..
หนึ่งเสียง..ขอดํารงไว้ซึ่งกฏหมาย ๑๑๒ ตราบนิรันดร์
หนึ่งเสียง..ขอดํารงไว้ซึ่งกฏหมาย ๑๑๒ ตราบนิรันดร์
สหรัฐฯ กับ UN มายุ่งเรื่อง ม.๑๑๒ ทำไม โง่ถูกคนไทยหลอกหรือซื่อบริสุทธิ์
และข้อเท็จจริงที่ควรรู้จริงๆ ของ ม.๑๑๒ รวมถึงเรื่องย่อ "อากง"
และข้อเท็จจริงที่ควรรู้จริงๆ ของ ม.๑๑๒ รวมถึงเรื่องย่อ "อากง"
โดยพลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ เมื่อ 13 ธันวาคม 2011 เวลา 21:24 น.
กรณีที่มีเจ้าหน้าที่บางคนในหน่วยงานเล็กๆ ของสหประชาชาติและประเทศสหรัฐอเมริกาออกมาพูดถึงป.อาญา
ม.๑๑๒ ว่า “ไม่ควรมี” นั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างรบกวนจิตใจคนไทยทั้งประเทศพอสมควร ผมพยายามสงบจิตใจ
ปเที่ยว ไปดูหนังฟังเพลง ก็พบก็เจอแต่คนพูดเรื่องนี้มาตลอด เมื่อเอามารวมกับเรื่อง “อากง” ที่กลุ่มบุคคลมีปม
ด้อยตั้งฉายาให้คนแก่กะโหลกกะลาคนหนึ่ง คนไทยกลุ่มนี้อยู่สบายจนไม่รู้จักว่า “สิ้นชาติแล้วจะเป็นอย่างไร”
หรือบางคนก็ “ถ่ายภาพโป๊” เลี้ยงชีวิตไปเรื่อยๆ บางคนก็ใช้อินเตอร์เน็ตหลอกผู้หญิงมาปล้ำ, บางคนก็เอาลูก
ศิษย์มาเป็นเมีย, บางคนมาหาเงินโดยวิธีขอสปอนเซอร์, บางคนอาศัยบารมีพ่อแม่มาตลอด ไม่รู้ว่าโลกจริงๆ มัน
เป็นอย่างไร ถูกเขาหลอกมาเป็นเครื่องมือฯลฯ วันนี้ความสงบในจิตใจของผมก็หายไปครับ อุตส่าห์ไม่เขียนเรื่อง
การเมืองแล้ว ยังต้องมาเขียนเรื่อง ม.๑๑๒ แทนอีก เพราะอดใจไม่ได้ ถ้าไม่เขียนแล้วต้องอึดอัดใจตายแน่ๆ
ตามที่ผมเขียนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สถาบันฯ อยู่เฉยๆ พวกนี้ก็ไปตอแย ตอดเล็กติดน้อย ส่วนใหญ่เป็น
คนมีปมด้อย อยากจะแสดงตัวเองว่ากูเก่ง กูกล้า ซึ่งถ้าทำในทางวิชาการแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่เช่นนั้น อ.สมศักดิ์
เจียมธีรสกุล หรือ อ.ธงชัย วินิจกุล ต้องโดน ม.๑๑๒ ไปแล้ว แต่การด่าสถาบันฯ ซึ่งๆ หน้าด้วยคำหยาบคาย,พูดเท็จ,
การตัดต่อ VDO หรือรูปภาพ แบบนี้มันเจตนาหาเรื่องโดยตรง เมื่อถูกจับๆ ได้ก็มาบ่นโน่นบ่นนี่ คนบ่นก็ไม่ได้มาจาก
คนทำหรอกครับ มาจากพวกยุแหย่ให้เขาติดคุกนั่นเอง
คนมีปมด้อย อยากจะแสดงตัวเองว่ากูเก่ง กูกล้า ซึ่งถ้าทำในทางวิชาการแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่เช่นนั้น อ.สมศักดิ์
เจียมธีรสกุล หรือ อ.ธงชัย วินิจกุล ต้องโดน ม.๑๑๒ ไปแล้ว แต่การด่าสถาบันฯ ซึ่งๆ หน้าด้วยคำหยาบคาย,พูดเท็จ,
การตัดต่อ VDO หรือรูปภาพ แบบนี้มันเจตนาหาเรื่องโดยตรง เมื่อถูกจับๆ ได้ก็มาบ่นโน่นบ่นนี่ คนบ่นก็ไม่ได้มาจาก
คนทำหรอกครับ มาจากพวกยุแหย่ให้เขาติดคุกนั่นเอง
ปัจจุบันมีกฎหมายคุ้มครองสถาบันฯ อยู่รวม ๖ ฉบับด้วยกัน แตกตัวมาจากรัฐธรรมนูญ ม.๘ ที่ระบุว่า
“องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้
ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้”
ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้”
และ ป.อาญา ม.๑๑๒ ที่ระบุว่า
“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓-๑๕ ปี”
หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓-๑๕ ปี”
นอกจากนั้นที่เหลืออีก ๔ ฉบับเป็นกฎหมายส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติทั้งนั้น
กฎหมายของไทยทุกฉบับมีลักษณะเป็นกฎหมาย “สากล” ทุกประการโดยอยู่ในหลักการ
กฎหมายของไทยทุกฉบับมีลักษณะเป็นกฎหมาย “สากล” ทุกประการโดยอยู่ในหลักการ
(๑) การคุ้มครองประมุขของประเทศ,
(๒) การคุ้มครองประมุขหรือตัวแทนประมุขของประเทศอื่นๆ (ม.๑๓๓ และ ๑๓๔ กฎหมายอาญา) และ
(๓) หลัก Reciprocity หรือ หลักการอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างเท่าเทียมกัน ในการ
คุ้มครองตัวแทนของแต่ละประเทศ
(๒) การคุ้มครองประมุขหรือตัวแทนประมุขของประเทศอื่นๆ (ม.๑๓๓ และ ๑๓๔ กฎหมายอาญา) และ
(๓) หลัก Reciprocity หรือ หลักการอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างเท่าเทียมกัน ในการ
คุ้มครองตัวแทนของแต่ละประเทศ
ตามป.อาญา ม.๑๓๐-๑๓๒ ซึ่งกฎหมายในหลักสากลของประเทศไทยนี้ จะสอดคล้องกับกฎหมายของประเทศที่
เจริญแล้วทุกประเทศ บางประเทศกฎหมายยังตีความในทางกว้าง คุ้มครองไปถึงศาล หรือรัฐสภาฯ อีกด้วย
ในส่วนของพระมหากษัตริย์ นอกจากการเป็นประมุขรัฐซึ่งอยู่ในลักษณะของสถาบัน (Institution) แล้ว
การรับรองสถานะอันศักดิ์สิทธิ์ (Sacred) เป็นที่เคารพ สักการะ หรือละเมิดมิได้ (Inviolable) ในฐานะพระมหากษัตริย์
ตามจารีตประเพณียังมีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกสถานภาพหนึ่งด้วย
สรุปแล้ว พระมหากษัตริย์ของทุกประเทศมีลักษณะเป็นสถาบัน (ไม่ใช่ตัวบุคคล) และเป็นประมุขของประเทศ
(Head of State) อีกฐานะหนึ่งด้วย การคุ้มครองพระมหากษัตริย์จึงอยู่ในกฎหมายว่าด้วยความผิดทางด้านความมั่นคง
แห่งชาติ เป็นกฎหมายอาญา ดังนั้นใครละเมิดสถาบัน ถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ร้องทุกข์ กล่าวโทษ
ได้ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียที่ “ความมั่นคงแห่งชาติ” ถูกทำลายลง ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของตนอาจสูญเสีย
ไปได้ หรือมีชีวิตอยู่อย่างปราศจากความสุขที่ควรได้รับ ซึ่งตรงข้ามกับการละเมิดบุคคลธรรมดา ตาม ม.๓๒๖ ถือว่าเป็น
ความผิดเฉพาะตัว (เจ้าตัวหรือผู้เสียหายต้องฟ้องร้องเอง) เพราะผลไม่กระทบต่อความมั่นคง ในขณะที่บุคคลธรรมดา
สามารถฟ้องร้องกันเองได้ จึงสามารถตกลงยอมความกันได้
เจริญแล้วทุกประเทศ บางประเทศกฎหมายยังตีความในทางกว้าง คุ้มครองไปถึงศาล หรือรัฐสภาฯ อีกด้วย
ในส่วนของพระมหากษัตริย์ นอกจากการเป็นประมุขรัฐซึ่งอยู่ในลักษณะของสถาบัน (Institution) แล้ว
การรับรองสถานะอันศักดิ์สิทธิ์ (Sacred) เป็นที่เคารพ สักการะ หรือละเมิดมิได้ (Inviolable) ในฐานะพระมหากษัตริย์
ตามจารีตประเพณียังมีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกสถานภาพหนึ่งด้วย
สรุปแล้ว พระมหากษัตริย์ของทุกประเทศมีลักษณะเป็นสถาบัน (ไม่ใช่ตัวบุคคล) และเป็นประมุขของประเทศ
(Head of State) อีกฐานะหนึ่งด้วย การคุ้มครองพระมหากษัตริย์จึงอยู่ในกฎหมายว่าด้วยความผิดทางด้านความมั่นคง
แห่งชาติ เป็นกฎหมายอาญา ดังนั้นใครละเมิดสถาบัน ถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ร้องทุกข์ กล่าวโทษ
ได้ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียที่ “ความมั่นคงแห่งชาติ” ถูกทำลายลง ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของตนอาจสูญเสีย
ไปได้ หรือมีชีวิตอยู่อย่างปราศจากความสุขที่ควรได้รับ ซึ่งตรงข้ามกับการละเมิดบุคคลธรรมดา ตาม ม.๓๒๖ ถือว่าเป็น
ความผิดเฉพาะตัว (เจ้าตัวหรือผู้เสียหายต้องฟ้องร้องเอง) เพราะผลไม่กระทบต่อความมั่นคง ในขณะที่บุคคลธรรมดา
สามารถฟ้องร้องกันเองได้ จึงสามารถตกลงยอมความกันได้
ในหลักการดังกล่าวนี้ ถ้ามีการยกเลิก ม.๑๑๒ จะเกิดอะไรขึ้นต่อประเทศไทย
๑. การที่บุคคลในสถาบันฯ ถูกละเมิด ในฐานะที่เป็นประมุขของรัฐ การจะไปฟ้องประชาชนที่อยู่ภายใต้การ
ปกครองของตัวเอง เป็นเรื่องที่ ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ดังนั้นการยกเลิก ม.๑๑๒ จึงเป็นการกำจัดสิทธิของบุคคล
ในสถาบันฯ ในการปกป้องสิทธิของตนเองไปโดยปริยาย ทำให้มีสิทธิส่วนบุคคลต่ำกว่าราษฎรธรรมดาๆ
๒. ในจารีตประเพณี สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ มีความใกล้ชิดกับประชาชนตลอดมา มีกำเนิดมาจากความสัมพันธ์แบบพ่อปกครองลูก เป็นทุกข์ร้อนแทนราษฎร ปกป้องราษฎร ด้วยการสู้รบ
ในแนวหน้ามาตลอด จึงไม่เหมือนสถาบันกษัตริย์ในต่างประเทศ ที่มาจากการเป็นเจ้าของที่ดิน, มาจากอิทธิพล
ทางศาสนา ฯลฯ ดังนั้นสถาบันกษัตริย์จึงถือว่าเป็นความมั่นคงของชาติทั้งในรูปแบบของกฎหมายและความเป็น
จริง ถ้าเรายกเลิกก็เท่ากับยอมให้มีคนมาทำลายความมั่นคงของประเทศไทยได้ง่ายๆ
๓. การยกเลิก ม.๑๑๒ ก็เท่ากับประเทศไทยไม่ให้ความคุ้มครองประมุขของประเทศตนเอง จะส่งผลทำให้ประเทศ
ไทยเสียศักดิ์ศรีในการดำรงตนอยู่ในกลุ่มประเทศที่เจริญแล้วทั้งด้านกฎหมายและประเพณีนิยม จะเหมือนกับประเทศ
กัมพูชาที่แม้แต่สหประชาชาติเองยังไม่ไว้ใจต่อสถานภาพทางกฎหมายเลย
๔. การยกเลิก ม.๑๑๒ ที่ไม่ให้การคุ้มครองประมุขของประเทศ เท่ากับต้องยกเลิกกฎหมายที่คุ้มครองประมุข หรือ
ตัวแทนประมุขของประเทศอื่นที่อยู่ในไทย (เอกอัครราชฑูตและสิทธิทางการฑูตของ จนท.UN) ตามไปด้วย เพราะ
เป็นกฎหมายที่เกิดจากการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างประเทศต่างๆ ลองคิดดูว่าประเทศไทยจะสับสนวุ่นวายขนาด
ไหน
๕. ประมุขของประเทศที่มีเกียรติ ย่อมทำให้ประชาชนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีตามไปด้วย ถ้าประมุขของประเทศไม่ไดรับ
ความคุ้มครอง ก็จะทำให้ประชาชนคนไทยไร้เกียรติ มีสภาพคล้ายคนป่าเถื่อน คนไทยจะถูกดูถูกตามไปด้วยในสังคม
โลก
ปกครองของตัวเอง เป็นเรื่องที่ ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ดังนั้นการยกเลิก ม.๑๑๒ จึงเป็นการกำจัดสิทธิของบุคคล
ในสถาบันฯ ในการปกป้องสิทธิของตนเองไปโดยปริยาย ทำให้มีสิทธิส่วนบุคคลต่ำกว่าราษฎรธรรมดาๆ
๒. ในจารีตประเพณี สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ มีความใกล้ชิดกับประชาชนตลอดมา มีกำเนิดมาจากความสัมพันธ์แบบพ่อปกครองลูก เป็นทุกข์ร้อนแทนราษฎร ปกป้องราษฎร ด้วยการสู้รบ
ในแนวหน้ามาตลอด จึงไม่เหมือนสถาบันกษัตริย์ในต่างประเทศ ที่มาจากการเป็นเจ้าของที่ดิน, มาจากอิทธิพล
ทางศาสนา ฯลฯ ดังนั้นสถาบันกษัตริย์จึงถือว่าเป็นความมั่นคงของชาติทั้งในรูปแบบของกฎหมายและความเป็น
จริง ถ้าเรายกเลิกก็เท่ากับยอมให้มีคนมาทำลายความมั่นคงของประเทศไทยได้ง่ายๆ
๓. การยกเลิก ม.๑๑๒ ก็เท่ากับประเทศไทยไม่ให้ความคุ้มครองประมุขของประเทศตนเอง จะส่งผลทำให้ประเทศ
ไทยเสียศักดิ์ศรีในการดำรงตนอยู่ในกลุ่มประเทศที่เจริญแล้วทั้งด้านกฎหมายและประเพณีนิยม จะเหมือนกับประเทศ
กัมพูชาที่แม้แต่สหประชาชาติเองยังไม่ไว้ใจต่อสถานภาพทางกฎหมายเลย
๔. การยกเลิก ม.๑๑๒ ที่ไม่ให้การคุ้มครองประมุขของประเทศ เท่ากับต้องยกเลิกกฎหมายที่คุ้มครองประมุข หรือ
ตัวแทนประมุขของประเทศอื่นที่อยู่ในไทย (เอกอัครราชฑูตและสิทธิทางการฑูตของ จนท.UN) ตามไปด้วย เพราะ
เป็นกฎหมายที่เกิดจากการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างประเทศต่างๆ ลองคิดดูว่าประเทศไทยจะสับสนวุ่นวายขนาด
ไหน
๕. ประมุขของประเทศที่มีเกียรติ ย่อมทำให้ประชาชนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีตามไปด้วย ถ้าประมุขของประเทศไม่ไดรับ
ความคุ้มครอง ก็จะทำให้ประชาชนคนไทยไร้เกียรติ มีสภาพคล้ายคนป่าเถื่อน คนไทยจะถูกดูถูกตามไปด้วยในสังคม
โลก
นานนมแล้วที่กฎหมายนี้คงอยู่คู่กับประเทศไทย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อคุณทักษิณฯ หมดอำนาจไป การเคลื่อน
ไหวกระทบต่อสถาบันฯ เพิ่มขึ้นมากมาย มีลักษณะเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศ ผิดจากเหตุการณ์ปกติ
ครับ คนที่ถูกลงโทษด้วยกฎหมาย ม.๑๑๒ นั้น มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่งกับกลุ่มที่สนับสนุนคุณทักษิณฯเกือบ
๙๐% ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พอใครทำผิดก็มีทนายมาดูแลทันที แปลกไหมครับ บางทีก็จ่ายเงินให้ผู้ต้องหาด้วย ไม่รู้ว่าคุณ
ทักษิณฯ รู้เรื่องแบบนี้หรือเปล่า ถ้ารู้ ก็ควรบอกให้เลิกๆ ซะที ไม่เช่นนั้นคุณทักษิณฯ จะเป็นคนเสียหายเอง เพราะคนไทย
ไม่ยอมใครหรอกครับเรื่องในหลวง
ม.๑๑๒ จึงเป็นกฎหมายที่ถูกต้องตามหลักการสากลทุกประเทศและสมบูรณ์ด้วยแบบธรรมเนียมจารีตประเพณี จึงไม่ควรยก
เลิกอย่างเด็ดขาด จุดอ่อนของกฎหมายมีอยู่จุดเดียว คือ การพิจารณาว่า “อะไรคือการหมิ่นสถาบันฯ อะไรคือการไม่หมิ่น
สถาบันฯ” ปัจจุบันตำรวจมีคณะกรรมการตรวจสอบว่า เรื่องไหนหมิ่นสถาบันฯ บ้าง การจับผิดจับถูกจึงมาจากคณะกรรมการ
ชุดนี้ของตำรวจครับ ดังนั้นจึงควรแก้ไขให้ชัดเจน ให้มีกรรมการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพอสมควร มาเป็นผู้พิจารณา
ลงมติแบบลูกขุน เรื่องก็จะยุติไปเอง
ส่วนเรื่อง “อากง” นั้นผมสรุปสั้นๆ ว่า มีผู้ใช้โทรศัพท์ของอากงส่งข้อความหมิ่นสถาบันฯ ถึง ๔ ครั้ง หลังจากส่งแล้วก็ถอด
ซิม DTAC ออกแล้ว เปลี่ยนซิม TRUE เข้าไปแทน ใช้พูดคุยกันตามปกติ พอวันรุ่งขึ้นหรืออีก ๒-๓ วันต่อมาก็เปลี่ยนซิม
DTAC ส่งข้อความหมิ่นสถาบันฯ อีก แล้วก็ถอดซิม DTACออก ใส่ซิม TRUE เข้าไปใช้พูดคุยอีก ทำแบบนี้ทั้งหมด ๔ ครั้ง
(ส่อให้เห็นว่าเจตนาทำแน่นอน)
การที่มีการส่งข้อความและพูดคุยจากโทรศัพท์เครื่องเดียวกัน แม้จะเปลี่ยนซิมการ์ดก็มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน
ว่า มาจากโทรศัพท์เครื่องไหน เป็นผลทำให้ตำรวจทราบว่ามาจากบ้านพักหลังไหน จึงเข้าจับกุม การตรวจค้นโทรศัพท์
ซ่อนในตู้เสื้อผ้ารวม ๓ เครื่อง (ทำไมต้องไปซ่อน) “อากง”สารภาพว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์จริง แต่ส่งข้อความไม่เป็น
(ตอนนี้อากงเป็นทั้งเจ้าของโทรศัพท์และทั้งเจ้าของบ้านที่ใช้โทรศัพท์)
มีการต่อสู้ว่า หมายเลขประจำโทรศัพท์ (อีมี่) หลักที่ ๑๕ ไม่ถูกต้องกับในเอกสารของ TRUE และ DTAC แต่การพิสูจน์
ของผู้เชี่ยวชาญทำต่อหน้าศาลและจำเลย ชี้ให้เห็นว่าถูกต้อง สู้ต่อว่า หมายเลขอีมี่แก้ได้ ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าแก้ไม่ได้
ให้ไปหาคนแก้ได้มา ก็หาไม่ได้อีก บอกว่าโทรศัพท์เอาไปซ่อม ให้ไปชี้ร้านที่ซ่อม ก็บอกว่าจำร้านไม่ได้ และยังมีอีกหลาย
เรื่องที่เป็นข้อมูลพยานแวดล้อม เช่น ไปตรวจสอบกับบุคคลปลายทางโทรศัพท์เครื่องที่ “อากง”เป็นเจ้าของในเวลาใกล้
เคียงกับการส่งข้อความกระทบสถาบันฯ บุคคลนั้นก็ยอมรับว่า “อากง” เป็นคนโทรมาจริง ฯลฯ ศาลก็ต้องตัดสินตามรูปคดี
๔กระทง (๔กรรม ๔วาระ) ด้วยความเมตตาที่สุด ในฐานะที่ไม่รับสารภาพ กระทงละ ๕ ปี รวม ๒๐ ปี มาถึงตรงนี้เห็นได้
ชัดเจนว่า “อากง” ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการที่เข้ามายุยงไม่ให้สารภาพ ทั้งๆ ที่จำนนด้วยหลักฐานแล้ว
อ่านแล้วช่วยกันคิด ช่วยกันทำครับ ทำอย่างไรจะให้ความจริงเหล่านี้ส่งต่อออกไปให้โลกรู้ เมื่อกระทรวงต่างประเทศพึ่งพา
ไม่ได้ ช่วยกันส่งข้อความไปคอมเมนต์ที่เฟสบุ๊คของโอบามาให้ยับเยินเลยครับ ได้ทุกภาษาเขามีคนแปลให้เสร็จอยู่แล้ว
ข้อเสนอ 8 ข้อ เพื่อการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
การปฏิบัติ ตาม 8 ข้อนี้ ผลลัพท์ ไม่ใช่การล้มสถาบันกษัตริย์ แต่ทำให้สถาบันฯมีลักษณะเป็นสถาบันฯสมัยใหม่
ในลักษณะไม่ต่างจากยุโรป เช่น สวีเดน, เนเธอร์แลนด์ (ผมตระหนักในความแตกต่างบางอย่างของข้อเสนอนี้
กับยุโรปอยู่ เช่น ผมเข้าใจว่า เรื่องมาตราแบบ รธน. 2475 ในข้อแรก ไม่มีในยุโรปเหมือนกัน แต่นี่เป็นข้อเสนอ
ที่อิงอยู่บนความเฉพาะของไทยทีผ่านมา)
ในลักษณะไม่ต่างจากยุโรป เช่น สวีเดน, เนเธอร์แลนด์ (ผมตระหนักในความแตกต่างบางอย่างของข้อเสนอนี้
กับยุโรปอยู่ เช่น ผมเข้าใจว่า เรื่องมาตราแบบ รธน. 2475 ในข้อแรก ไม่มีในยุโรปเหมือนกัน แต่นี่เป็นข้อเสนอ
ที่อิงอยู่บนความเฉพาะของไทยทีผ่านมา)
1. ยกเลิก รธน. มาตรา 8 เพิ่มมาตรา ในลักษณะเดียวกับ รธน.27 มิย 2475 (สภาพิจารณาความผิดของกษัตริย์)
2. ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา ม.112
3. ยกเลิก องคมนตรี
4. ยกเลิก พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ 2491
5. ยกเลิก การประชาสัมพันธ์ด้านเดียวทั้งหมด การให้การศึกษาแบบด้านเดียวเกี่ยวกับสถาบันทั้งหมด
6. ยกเลิก พระราชอำนาจ ในการแสดงความเห็นทางการเมืองทั้งหมด (4 ธันวา, 25 เมษา “ตุลาการภิวัฒน์” ฯลฯ)
7. ยกเลิก พระราชอำนาจ ในเรื่อง โครงการหลวง ทั้งหมด
8. ยกเลิก การบริจาค / รับบริจาค โดยเสด็จพระราชกุศล ทั้งหมด
2. ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา ม.112
3. ยกเลิก องคมนตรี
4. ยกเลิก พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ 2491
5. ยกเลิก การประชาสัมพันธ์ด้านเดียวทั้งหมด การให้การศึกษาแบบด้านเดียวเกี่ยวกับสถาบันทั้งหมด
6. ยกเลิก พระราชอำนาจ ในการแสดงความเห็นทางการเมืองทั้งหมด (4 ธันวา, 25 เมษา “ตุลาการภิวัฒน์” ฯลฯ)
7. ยกเลิก พระราชอำนาจ ในเรื่อง โครงการหลวง ทั้งหมด
8. ยกเลิก การบริจาค / รับบริจาค โดยเสด็จพระราชกุศล ทั้งหมด
หมายเหตุ: กระทู้นี้ ความจริงเป็น “ของเก่า” ที่ผมเคยเขียนในบริบทของกระทู้อื่นๆมาก่อน แต่ผมขออนุญาต
ตั้งเป็นกระทู้ต่างหากชัดๆแบบนี้ เผื่อสำหรับประโยชน์ของการอ้างอิงโดยสะดวกในอนาคต อย่างน้อยสำหรับ
ผมเอง (หรือสำหรับคนอย่าง ส.ว.คำนูญ ที่นำความคิดผมเรื่องนี้ไปเขียนถึงหลายครั้งในระยะหลัง โดยไม่ระบุ
ชื่อและไม่มีการอ้างอิงชัดเจน คราวหน้า เผื่อท่าน ส.ว.จะได้สามารถทำ “เชิงอรรถ” ได้ชัดๆ – ฮา)
ตั้งเป็นกระทู้ต่างหากชัดๆแบบนี้ เผื่อสำหรับประโยชน์ของการอ้างอิงโดยสะดวกในอนาคต อย่างน้อยสำหรับ
ผมเอง (หรือสำหรับคนอย่าง ส.ว.คำนูญ ที่นำความคิดผมเรื่องนี้ไปเขียนถึงหลายครั้งในระยะหลัง โดยไม่ระบุ
ชื่อและไม่มีการอ้างอิงชัดเจน คราวหน้า เผื่อท่าน ส.ว.จะได้สามารถทำ “เชิงอรรถ” ได้ชัดๆ – ฮา)
อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
23 มกราคม 2553
---------------------------------
ผมไม่เข้าใจเลยว่า นักเขียนที่อุดมด้วยปัญญา
จะกลายเป็นคน "โง่เง่า" ตกเป็น "เครืองมือ" ไปได้...
จะกลายเป็นคน "โง่เง่า" ตกเป็น "เครืองมือ" ไปได้...
ทรนงองอาจไอ้ชาติห่า...
สันดานกาไพร่ถ่อยคอยเล่นลิ้น
ทาสรับใช้คนกลับกลอกนอกแผ่่นดิน
เลวสิ้นอัปยศหดหู่ใจ
สันดานกาไพร่ถ่อยคอยเล่นลิ้น
ทาสรับใช้คนกลับกลอกนอกแผ่่นดิน
เลวสิ้นอัปยศหดหู่ใจ
เสียแรงเกิดอยู่ใต้บารมี
ที่นำทัพหักไพรีแต่ครั้งไหน
พวกมึงเคยลำบากกันหรือไร
พอเติบใหญ่ลำพองผยองตน. ฯ
ที่นำทัพหักไพรีแต่ครั้งไหน
พวกมึงเคยลำบากกันหรือไร
พอเติบใหญ่ลำพองผยองตน. ฯ
.................สหาย พันจอก
หามีไม่ แผ่นดินใด ใหญ่ยิ่งมาก
“ตรวนอุบาทว์” มาตราอาญาหลัก
หามีไม่ .. หาญหัก ด้วยหลักหย่อน
หามีไม่ .. อยากต้อง ด้วยของร้อน
หามีไม่ .. บั่นถอน ด้วยกร่อนกาล
หามีไม่ .. หาญหัก ด้วยหลักหย่อน
หามีไม่ .. อยากต้อง ด้วยของร้อน
หามีไม่ .. บั่นถอน ด้วยกร่อนกาล
แผ่นดินใด .. กาลี หากฝืนรัก
แผ่นดินใด .. แค้นหนัก หากหักหาญ
แผ่นดินใด .. ระส่ำ หากนำพาล
แผ่นดินใด .. อนธการ หากโงมงาย
แผ่นดินใด .. แค้นหนัก หากหักหาญ
แผ่นดินใด .. ระส่ำ หากนำพาล
แผ่นดินใด .. อนธการ หากโงมงาย
ใหญ่ยิ่งมาก .. หยั่งราก ล้วนแล้วจบ
ใหญ่ยิ่งมาก .. รุกรบ ล้วนพบพ่าย
ใหญ่ยิ่งมาก .. เสพสั่ง ล้วนพลั้งวาย
ใหญ่ยิ่งมาก .. สืบสาย ล้วนสูญพันธุ์ ... รุ่งศิลา ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕
ใหญ่ยิ่งมาก .. รุกรบ ล้วนพบพ่าย
ใหญ่ยิ่งมาก .. เสพสั่ง ล้วนพลั้งวาย
ใหญ่ยิ่งมาก .. สืบสาย ล้วนสูญพันธุ์ ... รุ่งศิลา ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕
เฮ้อ !! อ่านแล้วปวดตับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น