ตอน
"นางเสียวเสี้ยน"
"นางเสียวเสี้ยน" แห่งเสียมก๊ก ตำนาน .. "ปลาเก๋าราดเหมาไถ"
เตียวเสี้ยน - Diao Chan 貂蟬
ฉายานามว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (จีน: 闭月 พินอิน: bì yuè)
ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"
ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"
ถือเป็นหญิงงามอันดับที่สามจากหญิงงามทั้งสี่คนในบันทึกแดนมังกร ที่คนทั่วไปต่างก็รู้จักเธอ
ผ่าน วรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง สามก๊ก นั้นเป็นบุคคล ที่ไม่ได้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
เธอเป็นเพียงสตรีที่ถูกสร้างขึ้นจาก ปลายปากกาของ หลอก้วนจง นักเขียนอัจฉริยะ ผู้แต่งนิยายสามก๊ก
"ซานกั๋วเหยี่ยนอี้" เท่านั้น
เธอเป็นหญิงงามที่มีประวัติส่วนตัวน้อยที่สุด หากเทียบกับหญิงงามคนอื่นในประวัติศาสตร์
เธอเป็นเพียงสตรีที่ถูกสร้างขึ้นจาก ปลายปากกาของ หลอก้วนจง นักเขียนอัจฉริยะ ผู้แต่งนิยายสามก๊ก
"ซานกั๋วเหยี่ยนอี้" เท่านั้น
เธอเป็นหญิงงามที่มีประวัติส่วนตัวน้อยที่สุด หากเทียบกับหญิงงามคนอื่นในประวัติศาสตร์
ช่วยแม่ทอเสื่อขายเลี้ยงชีพ เป็นนางรำในจวน อ้องอุ้น 王允 ขุนนางผู้ใหญ่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้ (ปลายราช
วงศ์ฮั่นตะวันออก) เนื่องด้วยมีรูปโฉมที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง มีความสามารถในการฟ้อนรำเป็นเลิศและฉลาด
เฉลียว อ้องอุ้นจึงเมตตารักเหมือนลูกและรับเป็น บุตรบุญธรรม
วงศ์ฮั่นตะวันออก) เนื่องด้วยมีรูปโฉมที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง มีความสามารถในการฟ้อนรำเป็นเลิศและฉลาด
เฉลียว อ้องอุ้นจึงเมตตารักเหมือนลูกและรับเป็น บุตรบุญธรรม
อ๋องอุ้น เห็นว่า ทรราชตั๋งโต๊ะ 董卓 กำเริบเสิบสานคิดล้มราชวงศ์ฮั่นตะวันออก แล้วยกตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้
อ้องอุ้นคิดจะกำจัด ตั๋งโต๊ะ ขุนนางกังฉินกินบ้านเมือง จึงได้วางแผนการอันแยบยล กลยุทธ์สาวงาม
ยกเตียวเสี้ยนให้แก๋ ลิโป้ 吕布 ก่อนอย่างลับๆ แล้วจึงค่อยยกนางให้แก่ ตั๋งโต๊ะ
...คราครั้งนั้น นางเตียวเสี้ยนผู้กตัญญู ได้ยอมสละตัวเอง เพื่อทำให้ ตั๋งโต๊ะแตกคอบาดหมางกับ ลิโป้
อ้องอุ้นคิดจะกำจัด ตั๋งโต๊ะ ขุนนางกังฉินกินบ้านเมือง จึงได้วางแผนการอันแยบยล กลยุทธ์สาวงาม
ยกเตียวเสี้ยนให้แก๋ ลิโป้ 吕布 ก่อนอย่างลับๆ แล้วจึงค่อยยกนางให้แก่ ตั๋งโต๊ะ
...คราครั้งนั้น นางเตียวเสี้ยนผู้กตัญญู ได้ยอมสละตัวเอง เพื่อทำให้ ตั๋งโต๊ะแตกคอบาดหมางกับ ลิโป้
นับแต่นั้นมาเวลาที่ เตียวเสี้ยน อยู่กับ ตั๋งโต๊ะ เพียงลำพังก็จะใช้จริตมารยายั่วยวนจนตั๋งโต๊ะหลงใหล
แต่หากว่ามีลิโป้อยู่ด้วย นางก็จะแอบส่งสายตาให้ และเมื่อบางครั้งที่ได้อยู่กับลิโป้เพียงลำพัง นางก็จะร้อง
ว่า ตั๋งโต๊ะใช้กำลังเข้าข่มขู่นางไม่อาจปฏิเสธได้...แต่เมื่อเวลาที่ตั๋งโต๊ะสงสัยว่านางกับลิโป้มีชู้กัน นางก็จะ
ว่าลิโป้หาทางจะลวนลามนาง และขู่ว่าจะฆ่าตัวตายหากว่าตั๋งโต๊ะไม่เชื่อ ...เมื่อตั๋งโต๊ะห้ามนางไว้ได้ นางก็
โผเข้าร้องไห้ที่ตัวของตั๋งโต๊ะ
ว่า ตั๋งโต๊ะใช้กำลังเข้าข่มขู่นางไม่อาจปฏิเสธได้...แต่เมื่อเวลาที่ตั๋งโต๊ะสงสัยว่านางกับลิโป้มีชู้กัน นางก็จะ
ว่าลิโป้หาทางจะลวนลามนาง และขู่ว่าจะฆ่าตัวตายหากว่าตั๋งโต๊ะไม่เชื่อ ...เมื่อตั๋งโต๊ะห้ามนางไว้ได้ นางก็
โผเข้าร้องไห้ที่ตัวของตั๋งโต๊ะ
กันที่ ศาลาฟ่งอี๋ .... เมื่อเตียวเสี้ยนไปพบลิโป้ ก็ได้แสร้งร้องไห้บอกเล่าความทุกข์ที่ถูกตั๋งโต๊ะขืนใจ
ลิโป้โกรธมาก ... ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตั๋งโต๊ะกลับมาพบเข้า และด้วยความโกรธจึงได้แย่งเอาง้าวในมือ
ของลิโป้และตรงเข้าแทง แต่ลิโป้หนีไปได้ นับจากนั้นทั้งสองต่างก็เกิดความระแวงซึ่งกันและกัน
ลิโป้โกรธมาก ... ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตั๋งโต๊ะกลับมาพบเข้า และด้วยความโกรธจึงได้แย่งเอาง้าวในมือ
ของลิโป้และตรงเข้าแทง แต่ลิโป้หนีไปได้ นับจากนั้นทั้งสองต่างก็เกิดความระแวงซึ่งกันและกัน
จนท้ายที่สุด อ๋องอุ้น ก็สามารถเกลี้ยกล่อม ลิโป้ ให้กำจัดตั๋งโต๊ะได้ในที่สุด
หลังจาก ตั๋งโต๊ะ ตายแล้ว ลิโป้ เก็บนางเป็นเมียน้อย
ต่อมา โจโฉ ประหาร ลิโป้ แล้วจึงพานางกลับ เมืองฮูโต๋
เรื่อง นางเตียวเสี้ยน เป็นเพียงตัวละครที่ หลอก้วนจง สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มสีสันให้เรื่อง สามก๊ก ที่เต็มไปด้วยเรื่อง
ฆ่าฟัน ให้คนดูงิ้หรือคนอ่านได้เพลิดเพลินกับบทรักของลิโป้และเตียวเสี้ยนบ้าง จึงมีการเดินเรื่องหลายรูปแบบ
บ้างก็ว่า นางฆ่าตัวตาย หลังจากที่กำจัดตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ
บ้างก็ว่า นางไปอยู่กับโจโฉ แล้วถูกกวนอูฆ่า
หรือกวนอูไม่ฆ่า แล้วไล่ไป
บ้างก็ว่า นางไปอยู่กับโจโฉ แล้วถูกกวนอูฆ่า
หรือกวนอูไม่ฆ่า แล้วไล่ไป
ซึ่งก็เป็นเรื่องตามนิยายหรือบทงิ้ว
กลยุทธ์สาวงาม กลอุบายโดยใช้ให้หญิงงามยั่วยุให้สองฝ่ายเข่นฆ่ากันเองหรือไม่ก็ใช้หญิงงามทำให้เป้าหมายหลง
คลั่งไคล้จนเสียผู้เสียคน ซึ่งก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์ ก็เคยมีผู้ใช้แผนนี้สำเร็จนี้มามากแล้ว แต่ถึงกระนั้นแผนนี้ก็ยังคง
ใช้ได้ดีแม้จะในยุคนี้ก็ตาม นั่นเพราะสันดานของผู้ชาย และผู้มีอำนาจนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย นั่น
คือ ความบ้าผู้หญิงจนหน้ามืดตามัวจนเสียการงาน
(กรุณาหยุดอ่านพักสายตาครึ่งเรื่อง เพื่อทำกิจกรรมส่วนตัว สุบบุหรี่ หรือสูบบุรุษ ตามอัธยาศัย 5 นาที
และอย่าลืมยืนตัวตรงแสดงความเคารพ หลังอ่านนวนิยายเรื่องเกือบจริงอิงประวัติศาสตร์ ฉบับนี้จบ)
ส่วนนาง เสียวเสี้ยน เป็นคนละภาคของ นางเตียวเสี้ยน ดังเช่น
พระนางอุมาเทวี(เทวนาครี:सती)หรือ พระศรีมหาอุมาหรือ ปารวตี กับ ปางพระแม่กาลี(พะนางกรีกกาลราตรี)
ดรุณีนางทั้งสอง คล้ายคลึงกัน ตรงที่มีรูปโฉมในวัยแรกรุ่น สวยสะพรั่งงดงาม ทว่าในวัยกลางและปลายฝนนั้น
ป๊าด!...คุณพระช่วย! กล้วยข้าวเม่าทอด... แม่นางอาจจะ อ้วนเป็นตุ่มต่อขา หน้าตึงตูดหย่อน ทาปากอิ่มบวม
แดงแช๊ด แววตาดุดันแฝงความจงเกลียดจงชัง อำมหิต
ทั้งสองนาง มีที่มาทางกลอุบายจากผู้เป็นบิดา กลยุทธ์สาวงาม ขึ้นคล่อมแล้วล้อมฆ่าสู่ความยิ่งใหญ่ คล้ายๆ
กันคือ เริ่มต้นโดยใช้ความงามแลมารยาหญิง ยั่วยวน ราคะผัวขา คล้องบ่วงสวาท จอมทรราช และ ทหารองครักษ์
คนสนิททั้งหลายใกล้ตัว เธอฟาดเป็น ผอสระอัว หมดด้วยความจัดเจนใน กลยุทธปิดไฟใส่กลอน
เสียวเสี้ยน เป็นตัวละครที่ หลอก้วนจง มิได้เขียนไว้ใน สามก๊ก เพียงแต่เคยเปรยๆไว้ในวงเหล้าเหล่ากวีและ
บัณฑิตตอนเมาปริบได้ดีกรี ...หลังหลอก้วนจงหายเมาและตายไปหลายร้อยปี จึงมีการสังคายนา สามก๊ก อีกครั้งในชื่อ
เสียมก๊ก ฉบับ ราชบันเดาะห์ติงสูลายะสถาน โดยเพิ่มตัวละครบุคลิก เสียวเสี้ยน เข้าไปในบท 红 派(หงไพ่) หรือ
ก๊กแดง ..ให้เพิ่มความน่าอ่านยิ่งขึ้นด้วยเครื่องปรุงรสซาบซ่า เพื่อความบันเทิงเริงอีโรติค
จริตจก้านความมารยาเหมาไถ ของเสียวเสี้ยน นี้เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ชนที่ได้ พบพานอ่านฟัง คลิปเสียงและภาพ
โดยจำเพาะคลิปฉาว “ปลาเก๋าราดเหมาไถ” ซึ่งในอนาคตอันไม่ไกลนัก คณะบันเดาะห์ผู้ชักใย อาจจัดทำ เป็น
E-book ออกเผยแพร่ ในโลกไซเบอร์โซเชี่ยลเน็ตเวอร์ค สามารถค้นหาได้ใน Google App Engine
โดยใช้ชื่อว่า E-ba (อีบ้า ..คำอ่านไทย)
หรือพิมพ์ภาษาไทย ซึ่งอาจจะยาวสักนิดว่า “คุณพ่อขาหนูเสียว(เสี้ยน)เพื่อชาติ(ตระกูล)”
และอย่าลืมยืนตัวตรงแสดงความเคารพ หลังอ่านนวนิยายเรื่องเกือบจริงอิงประวัติศาสตร์ ฉบับนี้จบ)
ส่วนนาง เสียวเสี้ยน เป็นคนละภาคของ นางเตียวเสี้ยน ดังเช่น
พระนางอุมาเทวี(เทวนาครี:सती)หรือ พระศรีมหาอุมาหรือ ปารวตี กับ ปางพระแม่กาลี(พะนางกรีกกาลราตรี)
ดรุณีนางทั้งสอง คล้ายคลึงกัน ตรงที่มีรูปโฉมในวัยแรกรุ่น สวยสะพรั่งงดงาม ทว่าในวัยกลางและปลายฝนนั้น
ป๊าด!...คุณพระช่วย! กล้วยข้าวเม่าทอด... แม่นางอาจจะ อ้วนเป็นตุ่มต่อขา หน้าตึงตูดหย่อน ทาปากอิ่มบวม
แดงแช๊ด แววตาดุดันแฝงความจงเกลียดจงชัง อำมหิต
ทั้งสองนาง มีที่มาทางกลอุบายจากผู้เป็นบิดา กลยุทธ์สาวงาม ขึ้นคล่อมแล้วล้อมฆ่าสู่ความยิ่งใหญ่ คล้ายๆ
กันคือ เริ่มต้นโดยใช้ความงามแลมารยาหญิง ยั่วยวน ราคะผัวขา คล้องบ่วงสวาท จอมทรราช และ ทหารองครักษ์
คนสนิททั้งหลายใกล้ตัว เธอฟาดเป็น ผอสระอัว หมดด้วยความจัดเจนใน กลยุทธปิดไฟใส่กลอน
เสียวเสี้ยน เป็นตัวละครที่ หลอก้วนจง มิได้เขียนไว้ใน สามก๊ก เพียงแต่เคยเปรยๆไว้ในวงเหล้าเหล่ากวีและ
บัณฑิตตอนเมาปริบได้ดีกรี ...หลังหลอก้วนจงหายเมาและตายไปหลายร้อยปี จึงมีการสังคายนา สามก๊ก อีกครั้งในชื่อ
เสียมก๊ก ฉบับ ราชบันเดาะห์ติงสูลายะสถาน โดยเพิ่มตัวละครบุคลิก เสียวเสี้ยน เข้าไปในบท 红 派(หงไพ่) หรือ
ก๊กแดง ..ให้เพิ่มความน่าอ่านยิ่งขึ้นด้วยเครื่องปรุงรสซาบซ่า เพื่อความบันเทิงเริงอีโรติค
จริตจก้านความมารยาเหมาไถ ของเสียวเสี้ยน นี้เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ชนที่ได้ พบพานอ่านฟัง คลิปเสียงและภาพ
โดยจำเพาะคลิปฉาว “ปลาเก๋าราดเหมาไถ” ซึ่งในอนาคตอันไม่ไกลนัก คณะบันเดาะห์ผู้ชักใย อาจจัดทำ เป็น
E-book ออกเผยแพร่ ในโลกไซเบอร์โซเชี่ยลเน็ตเวอร์ค สามารถค้นหาได้ใน Google App Engine
โดยใช้ชื่อว่า E-ba (อีบ้า ..คำอ่านไทย)
หรือพิมพ์ภาษาไทย ซึ่งอาจจะยาวสักนิดว่า “คุณพ่อขาหนูเสียว(เสี้ยน)เพื่อชาติ(ตระกูล)”
เตียวเสี้ยน หรือ เตียวฉาน ในภาษาจีน 貂婵 มีความหมายแปลว่า จักจั่น ส่วน
เสียวเสี้ยน มีคำแปลในภาษาจีน 首页毛刺。
แต่หากเป็นคำไทย น่าจะมีความหมาย ขยายกริยา เช่น นางเสียวเสี้ยน อีนางร้อยผัว เดี๋ยวเสี้ยนๆ
จึงเป็นที่มาของชื่อ นางเสียวเสี้ยน แล ชื่อตอนหนึ่ง ในอัตตชีวนิยาย เสียมก๊ก (Cow Kingdom)
1. ไซซี
ไซซี ตามสำเนียงแต้จิ๋ว หรือ ซี ซือ ตามสำเนียงกลาง (จีน: 西施;p=Xī Shī; อังกฤษ: Xi Shi)
เกิดประมาณ ค.ศ. 506 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับยุคชุนชิว ที่มณฑลเจ้อเจียง ในรัฐเยว่ (State of Yue)
ได้รับฉายานามว่า "มัจฉาจมวารี" (จีน: 沉魚 พินอิน: chén yú)
ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ"
(so beautiful as to make swimming fish sink)
ในยุคเลียดก๊ก ที่แต่ละรัฐรบกันนั้น รัฐอู๋เป็นรัฐที่มีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งจึงสามารถรบชนะรัฐเยว่ และจับตัว
เยว่อ๋องโกวเจี้ยน และอัครเสนาบดีฟ่านหลี ไปเป็นตัวประกันที่รัฐอู๋ด้วย เยว่อ๋องโกวเจี้ยนต้องการที่จะแก้แค้น
เพื่อกู้ชาติ แต่จำต้องยอมจงรักภักดี เพื่อให้อู๋อ๋องไว้ใจ
ครั้งหนึ่งอู๋อ๋องเกิดมีอาการปวดท้อง บรรดาหมอหลวงทั้งหลายไม่สามารถให้การรักษาได้ เยว่อ๋องโกวเจี้ยนได้
ชิมอุจจาระของอู๋อ๋องต่อหน้าเสนาธิการทั้งปวง และบอกว่าอู๋อ๋องเพียงแค่มีพระวรกายที่เย็นเกินไปหากได้ดื่มสุรา
และทำร่างกายให้อบอุ่นขึ้นก็จะมีอาการดีขึ้นเอง และเมื่ออู๋อ๋องได้ทำตามก็หายประชวร อู๋อ๋อง เห็นว่า เยว่อ๋อง
โกวเจี้ยน มีความจงรักภักดีจึงปล่อยตัวกลับคืนสู่รัฐ เยว่ เมื่อกลับสู่รัฐเยว่ เยว่อ๋องโกวเจี๋ยนก็วางแผนที่จะกู้ชาติ
ทันที โดยมีฟ่านหลี่เป็นอำมาตย์คอยให้คำปรึกษา ฟ่านหลี่ได้เสนอแผนการสามอย่าง คือ
ฝึกฝนกองกำลังทหาร
พัฒนาด้านกสิกรรม และ
ส่งสาวงามไปเป็นเครื่องบรรณาการ พร้อมกับเป็นสายคอยส่งข่าวภายในให้
ไซซี เป็นหญิงสาวชาวบ้าน ลูกสาวคนตัดฟืนที่เขาจู้หลัวซาน(ภาษาแต้จิ๋ว กิวล่อซัว) นางและนางเจิ้งตัน
ถูกพบครั้งแรกขณะซักผ้าริมลำธาร ..เล่ากันว่าเมื่อไซซีนั่งซักผ้าริมธารนั้น ปลาที่ว่ายน้ำมาเห็นเธอก็ตะลึง ลืม
ว่ายน้ำจมหายไปเลยจึงเปรียบเธอว่างามจนมัจฉาจมวารี นางมีหน้าตางดงามมากพร้อมกับนางเจิ้งตัน(แต้ตัน)
ซึ่งก็มีความงามไม่แพ้กัน ฟ่านหลี่(เถาจูกง) เสนาบดีรัฐเยว่เป็นผู้ดูแลอบรมนางทั้ง2 ให้มีอุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง
เป็นเวลานานถึง 3 ปี เพื่อที่จะไปเป็นบรรณาการให้กับรัฐอู่ เพื่อมอมเมาให้อู่อ๋องฟูซา เจ้านครรัฐอู่ ลุ่มหลงอยู่กับ
เสน่ห์ของนาง จนไม่บริหารบ้านเมือง ซึ่งอู๋อ๋องฟูซาหลงใหลนางไซซีมากกว่านางเจิ้งตัน ทำให้นางเจิ้งตันน้อยใจ
จนผูกคอตาย ขณะที่มาอยู่ได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ผ่านไป 13 ปี เมื่อรัฐอู่อ่อนแอลง รัฐเยว่ก็สามารถเอาชนะได้สำเร็จ
ในที่สุด
ภายหลังจากที่อู่อ๋องฟูซา ฆ่าตัวตายไปแล้ว นางกับอำมาตย์ฟ่านหลี่ที่ว่ากันว่า ได้ผูกสัมพันธ์ทางใจไว้ก่อนหน้านั้น
แล้ว ก็ได้หายตัวไปพร้อมกันหลังเหตุการณ์นี้ บ้างก็ว่าทั้งคู่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ และไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ที่
ทะเลสาบไซ้โอ้ว (ทะเลสาบซีหู) ศิลปินจีนจึงมักวาดรูปไซซี ให้เป็นรูปหญิงงามกำลังซักผ้าริมลำธาร
2. หวังเจาจวิน
หวังเจาจวิน (อังกฤษ: Wang Zhaojun จีน: 王昭君)
ชื่อจริงคือ หวังเฉียง (อังกฤษ: Wang Qiang จีน: 王牆, 王檣, 王嬙)
ฉายานามว่า "ปักษีตกนภา" (จีน: 落燕 พินอิน: luò yàn)
ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า"
(so beautiful as to make flying geese fall)
เกิดเมื่อประมาณ 33 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก พ.ศ.๓๔๑-๕๕๑ (ในรัชสมัยฮั่นหยวนตี้ ทาง
เหนือและใต้ทำสงครามกันไม่หยุดหย่อนชายแดนไม่มีความสงบสุข เพื่อที่จะทำให้เผ่าซงหนูทางชายแดนด้านเหนือ
สงบลง ฮั่นหยวนตี้จึงได้พระราชทานนางสนมให้สมรสกับ ข่านฮูหานเสีย เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง
2 เมือง) นางสนมคนหนึ่งนามว่า หวังเฉียง ฉายาเจาจวิน มีรูปโฉมที่งดงามและกอปรด้วยความรู้ ยินดีเสียสละเพื่อ
ชาติ ที่จะไปแต่งงานยังเผ่าซงหนู
หวังเจาจวิน เดินทางออกไปนอกด่าน ในวันที่ท้องฟ้าสดใส ระหว่างทาง เสียงม้าและเสียงนกร้องทำให้นางเศร้าโศก
ยากที่จะทำใจได้ นางจึงได้ดีดพิณขึ้นเป็นทำนองที่แสดงความโศกเศร้าจากการพลัดพราก บรรดานกที่กำลังจะบินไป
ทางใต้ ได้ยินเสียงพิณอันไพเราะเช่นนี้ จึงมองลงไป เห็นหญิงงามอยู่บนหลังม้า ก็ตะลึงในความงาม ลืมที่จะขยับปีก
จึงร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน นับแต่นั้นเป็นต้นมา หวังเจาจวินจึงได้รับขนานนาม ว่า
“ความงามที่ทำให้ฝูงนก ต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า” ..ปักษีตกนภา นั่นเอง
3. เตียวเสี้ยน
เตียวเสียน (อังกฤษ: Diao chan; จีนตัวเต็ม: 貂蟬; จีนตัวย่อ: 貂蝉)
เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก บุตรบุญธรรมของอ้องอุ้น
ฉายานามว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (จีน: 闭月 พินอิน: bì yuè)
ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"
ในเรื่อง สามก๊ก ในกลอุบายสาวงาม ศิลปินมักวาดเป็นรูปกำลังจุดธูปเทียนบูชาพระจันทร์ เชื่อว่าเกิดใน ค.ศ.169
ซึ่งเป็นยุคสามก๊ก และปรากฏตัวในนิยายเรื่องสามก๊กด้วย เมื่ออองอุ้นมหาอำมาตย์ตงฉิน ผู้ซื่อต่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นพ่อ
บุญธรรมของเตียวเสี้ยน วางแผนจะกำจัดกังฉินเสี้ยนหนามแผ่นดินคือ ตั๋งโต๊ะผู้กำเริบตั้งตนเองเป็นมหาอุปราช โดยจะ
ใช้เสน่ห์เตียวเสี้ยนยั่วให้ตั๋งโต๊ะผิดใจกับลิโป้ องครักษ์คู่ใจตั๋งโต๊ะ
อองอุ้นแกล้งเชิญตั๋งโต๊ะ กับลิโป้ มากินเลี้ยงแล้วก็บอกว่าตนมีลูกสาวบุญธรรมคน หนึ่งที่หน้าตาสวยงามมาก ลือกันว่า
สวยกว่าจันทรเทวีฉางเอ๋อ จนจันทร์เจ้าอาย ทั้ง 2 กังฉินนั่นมิรู้กล ก็ตื่นเต้นอยากเห็น อองอุ้นก็แกล้งถ่วงเวลาไว้ ที่จริง
อองอุ้นรู้ว่าคืนนั้นจะมีจันทรุปราคา
พอใกล้เวลาจันทรคราสก็ให้เชิญเตียวเสี้ยนออกมา ทันใดนั้น พระจันทร์ก็สิ้นแสงหมดรัศมี ตั๋งโต๊ะและลิโป้ จึงตื่นเต้น
มากว่าเตียวเสี้ยนเป็นหญิงงามเย้ยจันทร์จริงๆ งามจน จันทร์หลบโฉมสุดา เตียวเสียนก็จุดธูปกระทำคารวะต่อเทพธิดา
แห่งดวงจันทร์เชิญให้ออกมา จันทร์ก็สว่างดังเดิม ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็หลงใหลเสน่ห์เตียวเสี้ยนจนโงหัวไม่ขึ้นจนถึงกับ
ฆ่าฟัน กันเองตามกลของอองอุ้นที่วางไว้
4. หยางกุ้ยเฟย
หยางกุ้ยเฟย (อังกฤษ: Yang Guifei ; จีน: 楊貴妃)
พระนามเดิมคือ หยางอี้หวน (อังกฤษ: Yang Yuhuan ; จีน: 楊玉環)
เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 719 สิ้นพระชนม์ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 756
กล่าวกันว่า หยางกุ้ยเฟย ทรงเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ ใช้ชนม์ชีพในรัชสมัยราชวงศ์ถัง ศิลปินมักวาดเป็นสองรูป
คือ ตอนกำลังเมาเหล้าเริงระบำ หรือ ตอนกำลังอาบน้ำร้อน เธอได้ชื่อว่ามีรูปโฉมงามมากจนกระทั่ง เมื่อตามเสด็จ
พระเจ้าถังเสวียนจงฮ่องเต้ ประพาสสวนหลวง ดอกไม้ต่างๆก็หุบกลีบไม่กล้าแย้มบานประชันความงามกับนางเลย จึงได้
สมญาว่า งามจน มวลผกาละอายนาง (จีน: 羞花; พินอิน: xiū huā)
ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย"
(a face that would make all flowers feel shameful)
หยางกุ้ยเฟย เป็นพระสนมเอกใน จักรพรรดิถังเสวียนจง ของราชวงศ์ถัง อิทธิพลของหยางกุ้ยเฟย ทำให้ญาติของ
พระนาง ขึ้นมามีบทบาทในราชสำนัก ในภายหลังเกิดการกบฎ ฮ่องเต้ถังเสวียนจงได้มีพระบรมราชโองการให้พระนาง
สำเร็จโทษโดยแขวนพระศอ สิ้นพระชนม์ชีพ โดยใช้ผ้าแพรของฮ่องเต้ถังเสวียนจง ระหว่างการหลบหนี โดยที่ ...
หยางกุ้ยเฟย มีอายุเพียง 37 ปี
หลังจากที่หยางกุ้ยเฟยฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่มีภาพวาดของนางปรากฏให้เห็นอีกเลย อีกทั้งตระกูลหยาง ยังถูกตัดสิน
ฆ่าล้างทั้งตระกูล จนบัดเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่แน่ใจว่ายังมีหลักฐานเกี่ยวกับ หยางกุ้ยเฟยหลงเหลืออีกหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น