จำนวนเข้าชม
ศพพูดได้ "เดอะโกลบแอนด์เมล์" ว่าใครใจเหี้ยมยิงประชาชนในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ "วัดปทุมวนาราม"
ตำรวจ เข้ามาช่วยในตอนเช้า ตอกนายกฯอภิสิทธิ์ถึงการดูแลความปลอดภัยของประชาชน
"เหตุรุนแรง ค่ำคืนดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน บาดเจ็บอีกราว 10 ราย บางรายอาการสาหัสนับเป็น
การเปิดฉากยิงอย่างดุเดือดบริเวณทิศใต้ของวัด ที่มี อายุเก่าแก่ถึง 153 ปี กำแพงสีขาวของวัดถูกเปลี่ยนเป็นกระดาน
ข้อมูลของโรงพยาบาล เสียงปืนดังร่วมชั่วโมง มีคนล้มลงแต่ไม่ได้รับการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลฝั่งตรงกันข้ามจนเสีย
ชีวิต ใน ที่สุด เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัยภายนอกสถานที่จนตำรวจและทหารเข้ามาให้ความช่วย เหลือในตอนเช้า"
นายแมคคินนอน รายงาน
สังหารหมู่ประชาชน ในเขตอภัยทานกลางกรุงเทพฯเมืองหลวง..โดย
หน่วยทหาร รอ. กองทัพไทย
ประวัติศาสตร์เมืองไทยต้องจารึกไว้ ว่า...เช้าตรู่วันที่ 19 พ.ค.2553
สั่งการเคลื่อนอาวุธสงครามนานาชนิดที่มี เข้าทำการล้อมพื้นที่ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์
แล้วส่งทหารเข้า สังหารเข่นฆ่าประชาชนชาวไทยที่มีเพียงมือเปล่าหรือสิ่ง เทียมอาวุธจำนวนเล็กน้อย
มี ศักยภาพและอานุภาพต่างกันมากมายนัก ด้วยเพียงมีความคิดเห็นต่างกันในทาง การเมืองการปกครอง..
ซึ่งความเห็นต่างกัน ได้ชุมนุมกันเพื่อแสดงจำนวนมวล ชนให้เห็นว่าจำนวนประชาชนไม่เห็นด้วยกับการปกครอง
ที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม และมีการเลือกบังคับใช้กฏหมายกับบางกลุ่มบางคนอย่างอยุติธรรม จากองค์กรอิสระต่างๆ
จาก คุณหัตถา Thaifreenews
อาสาพยาบาลกู้ชีพ เห็นกับตาทหารยิง ตาย 4 ราย แล้วลากศพขึ้นรถ
คำบอกเล่าจากประชาชนที่ อยู่บริเวณวัดปทุมวนาราม...สิ่งที่ทหารทำกับประชาชน โหดเหิ้ยมมาก..
ยิงได้แม้กระทั่งพยาบาลอาสา..
ภายหลังแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศให้ ผู้ชุมนุมกลับบ้านและยุติการชุมนุมแทนที่เดินทางกลับบ้าน
ชาวบ้านกลับวิ่งหนีตายเข้าไปขอซุกตัวภายในวัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทาน กับโรงพยาบาลตำรวจ
เพื่อหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมาจากพื้นที่วัดตั้งแต่ตลอดเวลาช่วงบ่ายจนถึงเช้า ของวันใหม่
ทั้งที่รัฐบาลประกาศเตรียมจัดรถคอยอำนวยความสะดวกให้เดิน ทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยแต่ก็ไม่มีใครยอมออก
มาและเวลานั้นก็ไม่มีมีใครรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นภายในพื้นที่การชุมนุม หลังจากที่มีการประกาศ เคอร์ฟิว ผู้สื่อข่าว
ถอนออกจากพื้นที่ ขณะที่ผู้ชุมุนุมเดินออกจากพื้นที่ชุมนุมกลับภูมิลำเนาแค่ประมาณ 400 คนเท่านั้น แล้วอีกหลาย
พันคนหายเงียบ เข้าไปซุกตัวอยู่ในวัด
ตลอด คืนที่แสนจะยาวนานในความรู้สึกของ ชาวบ้านท่ามกลางความไม่สงบ แสงเพลิงที่ลุกไหม้ตึกอาคาร
รอบพื้นที่ มีเสียงปืนเสียงระเบิดดังตลอดทั้งคืนแต่ที่เลวยิ่งกว่า คือ การนอนร่วมกับศพเพื่อนร่วมรบ นี่คือ
คำบอกเล่าของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ยังผวาไม่เลิก"
แทบจะไม่มีใครได้หลับได้นอนกระทั่งรุ่งสาง แสงอาทิตย์ส่องสว่างมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน ชาวบ้านเริ่มทยอย
เดินทางออกมาตามเสียงเรียกของ มือปราบหูดำ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ใช้เครื่องขยายเสียง เรียกผู้
ชุมนุมออกมาเพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ชาวบ้านยังคงมีอาการหวาดผวา เมื่อเดินออกมาเจอเจ้าหน้าที่ทหารยืน ลาด
ตระเวนบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หดกลับเข้าไปใหม่และไม่ยอมออกมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตั้งแถวเป็นทาง
ยาวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายได้โดยที่ตำรวจจะยืนเป็นเกราะ กำบังให้ชาวบ้านจึงยอมเดินทางออก
มาจากวัดเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ใบหน้าที่มันเยิ้มเปื้อนฟ้าสี ผิวที่กรำแดดปรากฏริ้วรอยความหมองคล้ำ เคลือบไปด้วยความอิดโรยตาแดง
กร่ำ เสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่น กลิ่นตัวที่หมักหมมขาดน้ำชำระล้างมานาน แต่ยังไม่เด็ดชัด สัมผัสได้เท่ากับ ความ
เครียด ความกังวล ที่แสดงออกมาทาง สีหน้า แววตา ไร้อารมณ์ความรู้สึก เหม่อลอย และหวาดกลัว แต่
ซ่อนความมุ่งมั่นในแววตา
ชาวบ้านทยอยเดินทางลงจากรถเมล์ มาต่อรถโดยสาร ที่ สถานีขนส่งหมอชิต หอบหิ้วเสื่อ หมอน พัดลม ข้าวของ
เครื่องใช้พะรุงพะรัง ขณะที่บางคนมีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวห่อหุ้มร่างกายไว้เท่านั้น นี่คือ
กระทรวงมหาดไทย ก่อนจะแวะไปรับเงินจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายละ 200
บาท เป็นการเยียวยาค่าเดินทางต่อรถ กลับภูมิลำเนาหลังจากมีรถฟรีไปส่งถึงตัวจังหวัด ส่วนใหญ่เข้าไป
รับเงินแต่ บางคนก็ไม่ยอมรับ และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า คน เสื้อแดงไม่ รับเงิน ส่วนบางคนก็ประชด ด้วยการ
บอกว่ามาร่วม 2 เดือนได้เงินกลับบ้าน 200 บาท
พูดแล้วจะเอาออกจริงหรือ ? คำตอบที่ชาวบ้านถามกลับกับคนที่หิ้วกล้องพร้อมปากกา และกระดาษ มาขอสัมภาษณ์
แต่สุดท้าย
นางชวนพร ชัยมงคล อายุ55 ปี จ.เชียงใหม่ ก็ยอมเล่า
ถึงนาทีหนีตายเข้าไปอาศัยในวัดปทุมวนา ราม ท่ามกลางวงล้อมของหมอกควันและเพลิงและกระสุนปืนที่ดังอย่างต่อเนื่องพร้อม กับผู้ชุมนุมหลายพันคน และ อีก 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตห่อด้วยเสื่อเรียงอยู่ในวัด ว่าจะออกมาก็ออกไม่
ได้ เพราะว่าหลายคนที่ออกมาเพราะ ห่วงข้าวของ เครื่องใช้ก็ถูกยิง มันไม่เหมือนประเทศไทย ที่มีการเอื้อเฟื้อกันทุก
คนเสียใจมากไม่น่าจะเป็นแบบนี้ เรา เรียกร้องแค่ให้ยุบสภาเท่านั้นเองทำไมต้องมายิงเราด้วย (พร้อมกับสะอื้น)
ทุกวันนี้ไม่มีความยุติธรรมสำหรับคนจนเลย คนจนไม่มีค่าไม่มีราคา คนจนอย่างเราไม่ได้ขออะไรมากมาย ขอให้มัน
ถูกต้องอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบ จึงขอให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร อดีตนายกฯ ตลอดจะเป็นใครก็ได้ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างยุติธรรม
"ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจ เพราะ ว่าญาติพี่น้องร่วมรบถูกยิง ถูกลากศพไปต่อหน้าต่อตา ไม่คิดว่า
ชีวิตนี้จะมาเจอแบบนี้ อยากให้บ้าน เมืองได้ความยุติธรรมคืนมา มีความถูกต้อง มีกฎหมายเท่าเทียมกัน
ไม่ใช่แบ่งพรรคแบ่งพวก คนรวย คนจน มีค่าเท่าเทียมกัน ต้องให้สิทธิการเป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็น มนุษย์
ขี้เหม็นเหมือนกัน แต่ถ้าขี้หอมก็ยกให้อีกระดับหนึ่ง ฉะนั้นต้องคิดว่าคุณคือมนุษย์เหมือนกัน
เราไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าทุก คนรู้ที่แกนนำต้องเลิกเพื่อรักษาชีวิตผู้ ชุมนุมไว้ วันนี้เราได้เพื่อนที่ไม่เข้าใจเรา
ได้เข้าใจเรามากขึ้น แต่ที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเพราะฟังข่าวด้านเดียว เห็นแต่เสื้อแดงไปทำทหาร แต่ทหาร
ทำร้าย คน เสื้อแดง ไม่มีออกทีวีเลย ไม่ว่าอะไรหรอกคนที่เป็นนายกฯ ขอแค่คืนความยุติธรรมให้กับสังคม
เท่านั้น หากยังแบ่งแยกกันอยู่อย่างนี้มันจะแตกแยกกัน" นางชวนพรกล่าว
สาวใหญ่เมืองเชียงใหม่ยังบอกอีกว่า ขณะที่พวกเราหนีเขาวัดแล้วไปนั่งไหว้พระอยู่คิดว่าถ้าจะมายิงกันตอนไหว้พระ ก็
ไม่เป็นไร ที่ตรงนั้นมีแต่เด็ก ผู้หญิง เต็มไปหมด
"ถ้าต่อสู้ซึ่งหน้าเราต้านไหว แต่เขาเอาเปรียบเราไปซุ่มยิงจากข้างบน แบบนี้มันหมารอบกัด ต้องลงมาแล้วสู้
กันซึ่งหน้าตัวต่อตัวเราจับมัดจับมัดดีดหำได้สบาย แต่เราไม่ฆ่าเพราะคนไทยด้วยกัน แต่เขามาตั้งใจฆ่าเรา
ถ้าใครที่รับฟังมาจากที่ไหนก็ให้รู้ว่าเราคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเสื้อแดงต้องไปฆ่าเขา แค่จับเปลื้องผ้าก็ทำ
อะไรเราไม่ได้ แล้ว แต่นี้มาฆ่าเราต้องนึกบ้าง ทำได้อย่างไรกับคนไม่มีทางสู้
คำว่า ผู้ก่อการร้าย รัฐบาล คิดได้ไงชาวบ้านดีดีแม่ค้าขายกล้วยทอดเป็นผู้ก่อการร้ายได้ไง เราต้องการความยุติธรรม
คืนไม่น่าจะเป็นแบบนี้แค่ยุบสภาเขาก็ทำกันทั้งโลกหากคิดว่าหาเสียงเก่งก็หา วิธีการไปสิไม่เห็นต้องมาฆ่าเราเลย"
สาวใหญ่เสื้อแดงคนเดิมระบุ
นางชวนพร เล่าต่อว่า ภายในวัดแทบจะไม่มีที่ให้เดินเพราะมีคนเข้าไปหลับนอนกันเรียงเป็นแถว ลูกก็เป็นห่วงโทรบอก
ให้ออกมาจากวัดซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราออกไปไม่ได้ถ้าออกมาตายแน่ ขนาดตอนเช้าที่ออกมาตำรวจต้องตั้งแถวเรียงกันเป็น
แผงช่วยให้เราออกจากวัด เพราะข้างบนรางรถไฟยังมีทหารอีกเพียบ พร้อมกับชูภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล ให้ดูรูป เจ้า
หน้าที่ทหารยืนประจำการบนราง รถไฟ
"วันนี้ไม่มีความยุติธรรมกับเราคนจน เลย คนจนอย่างเราใช่ว่าจะมาขออะไรมากมายขอแค่ให้ยุบสภา เลือก
ตั้งใหม่ คุณได้เป็นนายกฯไป เราไม่ว่า ให้มันถูกต้องอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้มันจะสงบทุกคนกลับ
บ้านด้วยความเจ็บใจ...เพราะว่าญาติพี่น้องที่ร่วมรบกันเสียชีวิตไปต่อหน้า ต่อตา ช่วยเหลืออะไรกันไม่ได้เลย
การกลับบ้านครั้งนี้ถือว่าเสร็จแล้ว เรามาแสดงอุดมการณ์ของเราที่ไม่ชอบความไม่ยุติธรรมไม่ใช่ว่าเข้าข้าง
กัน ผิดก็คือผิด" ... นางชวนพร กล่าว
นายอนุชา ยะอนันต์ อายุ 45ปี นปช.ลำพูนชายร่างใหญ่ หนวดเฟิ้มเล่านาทีชีวิต
เป็นตายเท่ากัน ขณะที่เข้าไปหลบซ่อนใน วัด ปทุมวนาราม ว่า " อยู่ในวัดไล่ยิงคนเหมือนหมา ออกไปนอกวัดก็ไม่ได้ มีทหารอยู่บนรางรถไฟเห็นๆกันอยู่ จะไม่เห็นได้ไงไล่
ยิงกันรอบวัดเลย ลึกๆในใจใครทำอะไรก็รับไปให้รู้กันเองไม่เป็นไร "
นปช.ลำพูน กล่าวอีกว่า มองดูรัฐบาลตอนนี้ไม่เหมือนกับรัฐบาลทั่วโลก ขนาดเขาทำผิดนิดเดียว ก็เริ่มรู้ตัวต้อง
ออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ประเทศเราไม่ใช่ประชาธิปไตย รัฐบาลถูกต่อต้านไปไหนไม่ได้ต้องมีทหารคอยคุ้มครองไปกันแต่
ละครั้งขนตำรวจ ทหารไปล้อม3-4พันคน เข้าใจว่าความเกลียดชังคนเสื้อแดง ที่เกิดในใจหลายคนคิดว่าเกิดจากข้อมูล
ที่เขารับฟังข้างเดียว
เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นศัตรู แต่ถ้าวันหนึ่งเขาได้รับรู้ว่าความจริงคืออะไร เขาจะเสียใจมากยิ่งกว่าพวกเรา
เสียใจอีกรัฐบาล ควรแสดงความจริงใจว่าส่วนใดที่เป็นจริงหรือไม่เป็นจริงต้องเอามาพูดกัน
"ความจริงของเรื่องนี้คือ รัฐบาลเอาทหารออกมาแล้วปิดกั้นไม่ให้พวกที่เข้าไปชุมนุมได้ชุมนุมกันอย่าง สันติวิธี
พวกเราไม่มีอาวุธมีแต่ไม้เหลาแหลมแต่ทหารอาวุธครบมือ วันหนึ่งถ้าเป็นญาติของเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร...
รัฐบาล ไม่น่าทำขนาดนี้ ผมอายชาวโลก ชาวโลกรับรู้ข่าวหมดแต่ช่องทีวีของไทยยังปิดหูปิดตา มีข่าวทาง
อินเตอร์เน็ตที่รายงานข่าวเราบ้างประเทศไทยยังมัวแต่ปิดกั้นอยู่อย่างนี้เรา ไปไม่รอดแน่"นายอนุชากล่าวทิ้ง
ท้ายก่อนเดินไปขึ้นรถกลับลำพูน
ขณะที่ นาง ชฎาทาน ธันวาภักดี ชาวจ.นนทบุรี อายุ55ปี อาชีพค้าขายกำลัง
หอบหิ้วสัมภาระที่ขนกลับมาจากราชประสงค์ เพื่อเดินทางกลับบ้าน กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยสนับสนุนการปฏิวัติว่า มันดี
แต่พอเห็นการยึดทำเนียบจึงได้รู้ว่ามันไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเราเหมือนกบในกะลา เมื่อมีคนมาเตะกะลาให้เราต้องออกม
าเราต้องวิ่งออกมาจนได้เห็นความไม่ยุติธรรม ฉะนั้นเรายอมตายเพื่อความถูกต้องดังนั้นเราต้องช่วยกัน
แต่พอเห็นการยึดทำเนียบจึงได้รู้ว่ามันไม่ดีแล้ว เมื่อก่อนเราเหมือนกบในกะลา เมื่อมีคนมาเตะกะลาให้เราต้องออกม
าเราต้องวิ่งออกมาจนได้เห็นความไม่ยุติธรรม ฉะนั้นเรายอมตายเพื่อความถูกต้องดังนั้นเราต้องช่วยกัน
"เขาใจร้ายมาก ฆ่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนเราไม่ใช่คนยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้า มีคน
ตาย 6 ศพ นอนอยู่ในวัดยังไม่ได้ฉีดยาให้ศพ น่า อนาถใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะยิงเรานัดเดียวคาที่
หมด เห็นคนเชียงรายมากัน 8 ตาย 5 กระสุนเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา"
...........นางชฎาทานบอกเล่าสิ่งที่ได้พบเจอ
นปช.นนทบุรี กล่าวต่อว่า "ตอน นี้เรา ต้องหยุดก่อนแต่เราไม่ถอย เราไม่ได้ทำอะไรเขาเลยเขามายิงเราทำไม เราแค่
มาเรียกร้องประชาธิปไตยขอความ เป็นธรรมมายิงเราทำไม พอใจ ยิงก็ยิง ก่อนหน้านี้เราไม่เคยแตะต้อง อะไรเลย แต่
ตอนนั้นระเบิดลงหน้าเวทีคุณฆ่าเราแล้วพวกเราก็ระงับอารมณ์ทุกคนไม่ได้แล้ว พวกเราก็พากันหนีตายเข้าไปใน วัดบ้าง
หลบอยู่ใต้รางรถไฟฟ้าบ้างเขาก็ยิงลงมาอย่างต่อเนื่องเก็บข้าวของกันแทบไม่ ทันเขายืนอยู่บนหัวเรา ตอนนั้นประมาณ
6 โมงเย็น พอเราออกมาตอนเช้ายังเห็นทหารยืนอยู่เต็มรางรถไฟฟ้า"
"สิ่งที่พวกเราเจอยิ่งกว่าสงคราม เกิดมาไม่เคยเจอไม่คิดว่าประเทศเราจะเป็นขนาดนี้ ใจร้ายมากเขาเหยียบย่ำหัวใจเรา
มาก รอดตายมาทุกวันนี้เพราะตำรวจแท้ๆ และขอย้ำบอกกับพวกที่หาว่าเรามาแล้วได้เงินไม่จริงเลย มีแต่เสียเงินเอง
ทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีใครเอามาให้เลย เราสู้กันตั้งแต่พันธมิตรยึดทำเนียบจนกระทั่งวันนี้ที่พวกเราถูกไล่ยิง"
............ นางชฎาทานกล่าว
ทางด้าน นายชัยวัฒน์ แสงเดชเจริญชัย อายุ 47 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่กำลัง
รอขึ้นรถกลับภูมิลำเนา หลังจากที่ลาสิกขาบท เพื่อมาร่วมชุมนุมบอกว่า ตอนนั้นได้ดูข่าวเห็นแล้วทนไม่ไหว จึงสึกออกมาเพราะเห็นความไม่ถูกต้องขอเงิน พี่ชาย 4พันบาท เข้ากรุงเทพฯตั้งแต่หัวโล้น จนตอนนี้ผมขึ้นขนาดนี้แล้ว
(ชี้ไปที่ผม) มาร่วมชุมนุมเกือบ 2 เดือน เงินที่นำมาก็หมดแล้ว แต่ข้างในคนเสื้อแดงรักกันมากแบ่งบันกันกิน พวก
เขาไม่มีอาวุธมีแต่หนังสติ๊ก ไม้ไผ่ กับบั้งไฟ ที่จุดไล่เฮลิคอปเตอร์ ส่วนพวกผู้หญิงน่าสงสารมาก ช่วงที่ทหารบุกยิง
ทั้งแก๊สน้ำตา ยิงปืนใส่
"พวกผู้หญิงที่อยู่ในพื้นที่ทนเห็นคน ถูกยิงไม่ได้ไปช่วยกันเอาน้ำยาล้างส้วมเทใส่ถุงแล้วเอาไปเฟวี้ยง(ขว้าง)ทหาร
เห็นแล้วน้ำตาไหล ถ้าใครเข้าไปสัมผัสข้างไหนแล้วจะรู้ เมื่อกี้เดินออกมาตามถนนหนทางชาวบ้าน ร้องห่มร้องไห้มา
ตลอดทาง ตำรวจดีมากเลยที่เข้าไปช่วยพวกเราไม่งั้นทหารไม่ปล่อยออกมาแน่ ถ้าออกมาโดนยิงหมด" นายชัยวัฒน์
กล่าวย้ำสิ่งที่ผู้ชุมนุมคนอื่นบอกไว้ในเรื่องเดียวกัน
"ตอนทหารยิงผมอยู่ตรง ศาลาแดง วิ่งหลบกระสุนทั้งวันทั้งคืน ทหารใช้ปืนสไนเปอร์ยิงโดนหัวโดนลำตัว ต่างคนต่าง
วิ่ง หมอบไปด้วยวิ่งไปเลาะตามเต็นท์ วิ่งโล่งๆไม่ได้ ตอนนั้นผมวิ่งไม่ถึงวัดจึงเข้าไปหลบในโรงพยาบาลตำรวจแทน
พวกเรานอนเกลื่อนกับพื้นเต็มไปหมด ออกไปไหนก็ไม่ได้ คนในวัดก็ออกไม่ได้ ออกมาก็ถูกยิง ตรงศาลาแดง ดุเดือด
มาก ไปซุ่มอยู่บนตึกยิงลงมา " ... นายชัยวัฒน์กล่าวถึงนาทีหนีตาย
นายชัยวัฒน์ เล่าถึงการเดินทางมาร่วมชุมนุมว่า มาคนเดียวได้แต่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เห็น
แล้วน้ำตาไหลออกมาเองแบบไม่รู้สึกตัว พวกมวลชนไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำไมต้องยิงเขาด้วย ผู้หญิง เด็ก ยิงหมด
หากออกไปจากที่ชุมนุมเจอด่าน ทหารจะตรวจค้นมีอะไรแดงๆจะโดนหมดเลย เถื่อนมากเหมือนไม่ใช่ประเทศไทย
มันจะไม่ใช่สยามเมืองยิ้มอีกต่อไปแล้ว
"คนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาจนแก่
ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนจะโหดขนาดนี้แม้แต่ตัวผมเอง"
เสียง สะท้อนจากผู้ชุมนุมที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอ
นางคำสอน สมพงษ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย นั่งรวม
กลุ่มอยู่กับเพื่อน 3 คน รอเดินทางกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต บอกเล่าเหตุการณ์ในวันที่ราชประสงค์มืดมิด พร้อมกับท่าทางที่ตื่นกลัว ว่า ลูกระเบิดลงมา พากันวิ่งเข้าวัดปทุมวนาราม เจ้าอาวาสดีมากให้พวกเราพักพิง
"ขณะที่นางพยายามกำ ลังปั้มหัวใจช่วย คนเจ็บอยู่ก็ถูกยิงเสียชีวิตการ์ดก็ตายโหดมาก พวกเราไม่ได้กิน
ข้าวกินน้ำกันเลย ตี 5 ตั้งแต่ทหารเริ่มปฎิบัติิการ พวกเขามากล่าวหาว่าพวกเราเป็นผู้ก่อการร้าย เราไม่มี
อะไรเลย มีแต่พัด แล้วมากล่าวหาว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้ก่อการร้าย ถ้ามีปืนจริงคิดว่าจะเหลือหรือไง
ก็ยิงออกไปสิ บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป สั่งฆ่าใครฆ่าให้หมดจับใครได้ก็ฆาให้หมด" ยายคำสอนกล่าว
"กลัวก็กลัวแต่สู้ ช่วยๆกันระเบิดโยนมาไม่ถูกพวกเราก็ถูกคนอื่น ลูกปืนยิงมาไม่ถูกเราก็ถูกคนอื่น การ์ด
ผู้ชายรับปืนรับระเบิดแทนผู้หญิงหมด แต่ผู้หญิงตายเยอะหนีไม่ทันทั้งคนแก่และเด็ก แล้วยังยิงฝรั่งที่มาทำ
ข่าวอยู่กินกับพวกเรา แล้วยังจะมาหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายยิงอีก มันโหดร้ายแค่ไหนรัฐบาลนี้จะเอาเรา
ไปประหารก็เชิญเพราะพูดความจริงเลย เพราะ รัฐบาลทำได้ทุกอย่าง" ยายชาวหนองคายพูดอย่างไม่กลัวความ
ผิดและภัยถึงตัว
"เราไม่ใช่คนมีความรู้แต่เป็น ชาวนา เต็มตัวจะบอกว่า แม้แต่เด็กยังไม่ไว้ชีวิต คนแก่คลานไปร้องขอชีวิต
ยังโยนทิ้ง ไม่ตายก็ โยนเข้ากองไฟ เอาศพไปทิ้งไม่ให้เห็นศพ" ยายคำสอนกล่าวย้ำอีก ครั้งก่อนจะบอกว่าได้เข้า
ไปหลบอยู่ในวัดปทุมวนาราม หลวงปู่ก็เทศนาให้ฟังแก๊สน้ำตาก็ยิงเข้ามาในวัดใจสั่นไปด้วยนั่งพนมมือไป ด้วย ไม่ตายก็
เหมือนตาย เราผ่านสนามรบมาแล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป
ขณะที่นายสุชาติ พรั่งพรหม นปช.จันทบุรี กล่าวย้ำถึงภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน
ว่า "เห็น ทหารยิงประชาชนตอนนั้นพักอยู่ที่ วัดปทุมวนารามเห็นศพอยู่ในวัด 6ศพ บาดเจ็บอีกประมาณ 10คน
ยิงพยาบาล(อาสาสมัคร)ในวัด ที่กำลังทำแผลให้กับคนเจ็บ ก่อนยิงยังด่าพยาบาลอีกว่าอีเสื้อแดงมึงเก่งนักเหรอ
แล้วก็ยิงเลย เป็นทหารแก่แล้ว มีผมหงอก "
ยิงพยาบาล(อาสาสมัคร)ในวัด ที่กำลังทำแผลให้กับคนเจ็บ ก่อนยิงยังด่าพยาบาลอีกว่าอีเสื้อแดงมึงเก่งนักเหรอ
แล้วก็ยิงเลย เป็นทหารแก่แล้ว มีผมหงอก "
เสียงส่งท้ายของคนเสื้อแดงก่อนอำลาเมืองกรุง กลับบ้านพร้อมกับบาดแผลในใจ ความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตบนเส้น
ทางการเรียกร้องประชาธิปไตยได้รับบทเรียน ที่แสนล้ำค่าที่สุดในชีวิตของมวลชนคนธรรมดาที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องมา
ตกอยู่ใน สมรภูมิรบท่ามกลางสงคราม "คน ไทยฆ่ากันเอง" จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
ท่านไม่ว่า จะใช้อะไรก็ได้ ท่านอนุญาตโดยไม่ต้องขอ
ถ้าไม่ได้ วัดพวกเราคงแย่ ทหารยิงคนอยู่ข้างนอกวัด พวกเราลากศพเข้ามาได้ 3 ศพ มีคนบอกว่ายังเหลือศพอยู่ข้างนอก
อีก 2 ศพ แต่ออกไปเอาไม่ได้แล้ว เพราะทหารยิง
ต่อมาทหารยิงเข้ามาในวัด มีคนตายอีก3 เป็นผู้หญิงหนึ่งคน ผู้อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ 2คนเล่าตรงกันว่า ผู้ชาย 2คน
(อาจเป็นการ์ด) บาดเจ็บ เดินกระปลกกระเปลี้ยมาที่วัด ผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลหรือนางพยาบาลมาช่วยดูแลรักษา
แล้วทหารก็ยิงเข้ามา เลยตายกันหมด ทำให้มีศพในวัดทั้งหมด 6 ศพ วางเรียงอยู่หน้าศาลาพระราชศรัทธา
แมคคินนอน ผู้ สื่อข่าวจากสำนักข่าว "เดอะโกลบแอนด์ เมล์" ตั้งคำถามว่า ใครเป็นผู้เปิดฉากยิงฝูงชนกว่า 1,500 คน
ในเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ทั้งที่ควรจะได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ค่ำคืนนั้นกลายเป็นอีกสิ่งสำคัญ
ที่อาจบ่งชี้ถึงการดูแลประชาชน ทั้งในและนอกประเทศของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
.
12 ความคิดเห็น:
เราก็อยู๋ในวัดปทุม กลัวมากเรามาเพื่อเรียกร้องความเลื่อมหล้ำ ทำไม ทำไม สิ่งที่เราเห็นกะตาทำไมการ์ดที่ดูแล อยู่ ๆ เปลี่ยนชุดทหารแล้วมายิงพวกเรา ทำไมเราจะจำไม่ได้ ทำไมมายิงพวกเดียวกัน เพื่ออะไร เราจะไม่ไปร่วมอีกแล้วกลัวตาย
"สิ่งที่เราเห็นกะตาทำไมการ์ดที่ดูแล อยู่ ๆ เปลี่ยนชุดทหารแล้วมายิงพวกเรา"
ขออภัย ที่ต้องบอกว่าคำเขียนของคุณ โกหก ครับ
ถ้าแน่จริงให้คุณแสดงตัว หรือหาหลักฐานมายืนยัน
กับพยานนับร้อย นับพันคน ในสถานที่นั้น ครับ
หลับให้สบายเถิด.พี่น้องที่รัก.ดิฉันขอกราบดวงวิญญาณทุกท่าน.ด้วยหัวใจแห่งความเคารพ...ถึงวันนี้แม้หายใจยังสะอื้น น้ำตายังซึมอยู่..ยังเจ็บปวดมิรู้หาย...เจ็บนี้เราจะจดจำและสะสาง..
so sad...RIP.
พี่น้องที่เสียชีวิตไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราไม่ยอมอยู่แล้ว
เร็วๆนี้ความชั่วของไอ้มารค์จะปรากฤคนไทยทั้งประเทศเอามันตายแน่
ชุมนุมโดยสงบเหรอ พวกคุณคิดว่าตัวเองถูกอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งบอกต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่หวังเล่นการเมืองแล้วเป็นไงล่ะตอนนี้เรียกร้องอยากเป็นรัฐมนตรี เหอะๆ
พี่น้องเราทุกคนต้องไม่ตายฟรีความยุติธรรมกำลังจะกลับมาแล้ว คนที่มันทำกับเราต้องได้รับกรรมที่มันก่อขอให้เวลามึงเข้าห้องน้ำส่องกระจกมองกระจกแล้วเห็นศพพี่น้องเราตามหลอกหลอนมัน
ชาติชั่วทั้งคนที่สั่งและคนยิงเก่งแต่ยิงพวกกูที่ไปรบหมาไม่แดก
คนที่ค่ามนุษย์ให้มันชิบหายตลอดไปสาธุ(ทหารอภิสิทธิ์ ทหารของกสัตร์) สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน
แสดงความคิดเห็น