วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สงครามกลางเมืองไทย เคยเกิดมาแล้ว 2 ครั้ง ... Thais Civil War



สงครามกลางเมือง (civil war) หมายถึงสงครามที่เกิดภายในขอบเขตของประเทศหรือรัฐเพียงแห่งเดียว
ต่างจากสงครามปกติ ที่เป็นสงครามระหว่างรัฐ สงครามกลางเมืองนั้นเป็นสงครามที่ประชาชนในประเทศเดียวกัน
หยิบอาวุธขึ้นมาประหัตประหารกันเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงอำนาจรัฐ หรือขับเคลื่อนนโยบาย ตามที่ตัวเองต้องการ
ความเสียหายของสงครามกลางเมืองนั้นมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงทั้งในแง่จำนวนผู้ เสียชีวิต รวมไปถึงความเสียหาย
ทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล

ประเทศที่เกิดสงครามกลางเมืองต้องใช้เวลายาวนานในการเยียวยา กว่าจะกลับเข้ามาแข่งขัน
ในตลาดโลกได้อีกครั้งหนึ่ง




ประเทศไทย เคยเกิดสงครามกลางเมืองสมัยใหม่ มาแล้ว 2 ครั้ง


ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2476 การต่อสู้ระหว่าง รัฐบาลคณะราษฎร ซึ่งนิยมประชาธิปไตยตามอย่างตะวันตก กับ
กบฎบวรเดช ที่ต้องการ เปลี่ยนประเทศกลับไปเป็น ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช

ครั้งที่สอง คือสงครามระหว่าง รัฐบาลไทยที่กุมอำนาจโดยคณะทหาร กับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ในช่วงหลัง เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 เป็นต้นมา
     

สงครามครั้งแรกเป็นการต่อสู้แบบจำกัดวงเฉพาะในกลุ่มชนชั้นนำที่กุมกำลังทหาร
แต่สงครามครั้งหลังนั้นมีผลกระทบต่อประชาชนสูงกว่ามาก
ขับเคลื่อนโดยกำลังนักศึกษาที่หนีเข้าป่า
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม และกำลังชาวบ้านในต่างจังหวัด ทำให้การเจรจาหรือการเอาชนะสงครามแบบเบ็ดเสร็จทำได้
ยากกว่า และเกิดสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า

สงครามประชาชนในไทย
นั้นได้ถุกประกาศแล้วอย่างไม่เป็นทางการ นับแต่เริ่มการ ปฏิวัติรัฐประหาร กันยายน 2549 ขั้นตอน
การต่อสู้ได้เพิ่มระดับขั้นความรุนแรง จนถึงระยะที่ อาจจะมีการติดอาวุธสงครามเข้าต่อต้าน ห้ำหั่นกัน ซึ่งนั้น
จะเป็น ฟางเส้นสุดท้าย ของคำว่าสมานฉันท์ และถือเป็น สิ้นสุด การประนีประนอม กับ ระบอบศักดินาอำมาตย์

อย่างไรก็ดี บทความนี้มิได้เห็นชอบด้วย หรือชี้แนะให้มีการใช้อาวุธ เข้าห้ำหั่นกันเพื่อตัดสินแพ้ชนะ
หากแต่ขอเสนอแนวทางต่อต้าน ขั้นก่อนที่ทั้งสองฝ่าย จะต้องแลกกันด้วยลูกกระสุนปืน และสรรพอาวุธนานาชนิด



[​IMG]

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

“นายกฯ..ร้องไห้” ...ให้กับ "ระบอบที่คนเดียวบัญชา"



       “ นายกฯ..ร้องไห้ ” ... เขียนให้เอาไปคิดกัน

อย่ามั่นใจนัก ว่าจะเปลี่ยน ประเทศไทย ไปไว้ใน "ระบอบที่คนเดียวบัญชา" ได้ตาม
ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ "แกนนำคนดี โกงที่เขาแพง" ... ประกาศบนเวทีว่าจะฟื้นฟู
ระบอบก่อน พศ.2475 นั้น

ผบ.ทบ. ยื่นข้อเสนอให้เทพเทือกลี้ภัย ในระหว่างการหารือ ที่บ้าน ร.1รอ. มี ป๊อก-ประวิตร-ตู่-เทพเมือก ..



กำลัง วงศ์เทวัน + หน่วยรบพิเศษ สายยุดยายเที่ยง ที่เตรียมไว้ยึดอำนาจ ...
โดยข้ออ้าง รัฐบาลรักษาการหมดความชอบธรรมในการบริหารฯ


จะถูกยัน โดยหน่วย ทหารราชวัลลภฯ อัตรากองพลน้อย ที่ติดอาวุธประสิทธิภาพสูง ผ่านการฝึกฝน
มาอย่างดีเยี่ยมจากหน่วยรบพิเศษอันดับหนึ่ง ของหลายประเทศ และกำลังอีก ครึ่งหนึ่งของกองทัพไทย +
ตร. 90% อาทิ ตำรวจพลร่ม, ตชด., คอมมานโดกองปราบ, นปพ.ภูธร จว., หน่วยปฏิบัติการพิเศษ
         ตำรวจคอมมานโด 4 หน่วย สามารถสนธิกำลัง ความคล่องตัว ประกอบด้วย
                                หน่วยอรินทราช 26 จาก บช.น.
                                หน่วยนเรศวร 261 จาก บช.ตชด.
                                หน่วยสยบไพรี จาก บช.ปส.
                                หน่วยสยบริปูสะท้าน (กองปราบปราม) จาก บช.ก.

ยังไม่นับรวม ฝ่ายพลเรือน เช่น อส.มหาดไทย และ จนท.รักษาป่า กรมป่าไม้ทั่วประเทศ
และที่ ลืมเสียมิได้

กองร้อยคีย์บอร์ดที่ ๑  กองพันรบพิเศษยุทธวิธีเทคนิคส่งทางอากาศที่ ๑
กองรบน้อย รบพิเศษคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตที่ ๑ กองกำลังแดงไซเบอร์


                 

แผน ที่จะให้ ตุลาการศาล รธน. ยุบพรรคคู่แข่งซ้ำซาก โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย”
เพื่อเบนกระแส ”ไทยเฉย” นั้นอย่าหวัง เพราะ ตลก.เฮงซวย พวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่โดน..(ไม่บอก)..
เก็บกวาด

                                      
      
        ... สหรัฐอเมริกา กท.ต่างประเทศ แถลงการณ์เห็นชอบด้วยระบอบ ปชต.เลือกตั้ง ,
        ... จีน สนับสนุนรัฐบาลรักษาการ
        ... เยอรมัน เน้นการเจรจาในกรอบรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
        ... นิวซีแลนด์ ให้ทุกฝ่ายเคารพกระบวนการประชาธิปไตยเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกตั้ง
        ... แคนาดา เรียกร้องให้ทุกฝ่าย เข้าร่วมในวิถีประชาธิปไตย ที่ชอบธรรม และยึดหลักนิติธรรม
        ... ไม่รวม อาเซียน ทุกประเทศ

                                        
ทั้งโลก ล้อมกรอบเข้ามา โดยมี มหาอำนาจระดับหนึ่ง และ มหาอำนาจเอเซีย ส่งคำเตือน
มาแล้ว ประชาคมยุโรป จ้องตาไม่กระพริบ เตรียมบอยคอต หากแข็งขืนใช้กำลังทหารยึดอำนาจ

จะบอกว่า นายกฯ เธออัดอั้นจนถึงที่สุด ต่อไปก็เตรียมพบกับ “นางสิงห์ร้าย” ได้เลย

เตือนมายัง ประชาชนผู้บริสุทธ์ให้เตรียมรับมือ "การก่อวินาศกรรม" นับจากนี้เพื่อสร้าง
เสริมสอดประสาน ให้ทหารออกมา โดยกลุ่มวางแผนเดียวกับที่ล้มรัฐบาลเลือกตั้ง โมเดล
คล้ายช่วง ที่มีการวางระเบิด เคาร์ดาวน์ทั่ว กทม. ในหลายปีที่ผ่านมา
                                 

   สุดท้าย.. หากพลาดพลั้ง ทานฤทธา “เผด็จการเทวดา” ไม่ไหว
ก็เตรียมตัวเตรียมใจ พบกับ... มหากาพย์ “หนึ่งนครา สองรัฐถา”
... รัฐบาลพลัดถิ่น นะเจ้าครับ


                                 ................................. รุ่งศิลา’ สุดซอย
                                                                 ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"ม๊อบคนดี" ๒ ธันวาคม ๒๕๕๖





 
ภาพมุมสูง ... บริเวณ วัดโสมนัสวิหาร
ถ่ายภาพโดย ... ดุสิต เสมาเงิน (ช่างภาพอิสระ)

เปลวเพลิงไหม้ ตึกการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร(พณิชยการพระนคร) 

19.20 น. กลุ่มการ์ดนักรบตะนาวศรี และนักเรียนช่างกล รวมทั้งผู้ชุมนุมที่ซอยวัดโสมนัส นางเลิ้ง
ระดมเงินกันได้ประมาณ 6,000 บาท เพื่อไปซื้อประทัดยักษ์ประเภทไดนาไม และจรวดชนิดรุนแรง มาใช้ก่อเหตุ
เมื่อซื้อได้แล้ว จึงทำการดัดแปลงผลิตระเบิดเพลิง ด้วยการ ใช้น้ำมันเบนซินและเศษแก้วบรรจุใส่ขวด บริเวณปากซอย
วัดโสมนัส นางเลิ้ง เพื่อก่อกวนตำรวจ

01.07 น. เผารถตำรวจ-รถผู้ต้องขัง แยกสะพานอรทัยวอด












22.00 น. ม๊อบคนดี ใช้รถแทรกเตอร์ดันสิ่งกีดขวางและทำลายประตูทำเนียบรัฐบาลฝั่งอรทัย







22.14 น. 
ถ.ลูกหลวง



00.20 น. ที่แยกเทวกรรม - ใน ซ.วัดโสม ยังมีการปาประทัด เข้าไปใส่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง
มีเสียงคล้ายเสียงปืนเป็นระ
ยะ ม็อบจุดนี้เป็น นศ.อาชีวะ ไม่มีแกนนำ อีกทั้งไม่ฟังแกนนำกลุ่ม คปท. แล้ว
นอกจากนี้ยังระดมชวนมวลชนขอ
ง คปท. ให้ออกมาร่วม โดยจะพยายามบุกเข้าทำเนียบฯ ให้ได้ภายในคืนนี้
คาดว่าน่าจะมีการปะทะกับระห
ว่างผู้ชุมนุมกับ จนท.ตำรวจ ตลอดทั้งคืน




01.00 น. เช้าวันที่ 3 ธันวาคม 2556 ม็อบกบฏเทือกที่เป็นแนวร่วมอาชีวะและเด็กรามใต้ทั่วกรุงเทพรวมตัวเป็นพันคน
แยกสะพานเทวกรรมและชมัยมรุษเชษ  สุเทพและ คปท.เป็นเจ้าของม็อบอาชีวะนี้ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้





01.56 น. ม็อบกบฏสุเทพ นับพันคน ไม่แยกย้ายไปไหน ยังอยู่ที่แยกเทวกรรม รอเผด็จศึกต่อ






วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปรากฏการแบ่งแยกรัฐไทย และการปะทะกัน ของไทยจ้าว กับ ไทยไพร่


                        

ปรากฏการแบ่งแยกรัฐไทย และการปะทะกัน ของไทยจ้าว กับ ไทยไพร่

คนไทยแบ่งแยกกันมานานแล้ว เพียงแต่เราไม่ค่อยสำเหนียกกัน
  มันแบ่งแยกและซ้อนเหลื่อม ในมิติที่มิอาจมองด้วยตาเปล่า
                    ซึ่งมิใช่การแบ่งแยกผืนแผ่นดิน


แต่กระบวนการทั้งสิ้น กำลังนำไปสู่ ขั้นตอนการแบ่งแยกประเทศ

    


นักประวัติศาสตร์ได้ชี้ชัดเจนว่า  สายเลือดไทยแท้นั้นไม่มี ด้วยเพราะชนชาติไทย นับแต่มีการบันทึก เป็นลายลักษณ์
อักษร บนผืนดินแหลมทอง ก็กล่าวถึง ชนชาติต่างๆที่อยู่ร่วมกันผสมผสานวัฒนธรรมแลกเปลี่ยน ทั้งชาติขอม จีน มอญ
แขก ฝรั่ง อย่างกลมกลืนกลมเกลียว

ทว่าปัจจุบัน ความเกลียวกลมเป็นหนึ่งเดียว ได้ถูกครอบงำทีละน้อยอย่างช้าๆ โดยมิทันได้รู้สึกในคนส่วนใหญ่ ใช้เวลา
ก่อตัวมากว่า 40-50 ปี จนก่อเกิดปรากฏการ ไทย 3 ฝ่าย ประทุออกมาเหมือน แรงดันของไอน้ำพวยพุ่ง ให้เห็นชัดเจน

                               1 ไทยจ้าว
                      2 ไทยไพร่
                      3 ไทยขุนศึก


หากท่านยังมองเห็นภาพ ไทย 3 ฝ่ายนี้ยังไม่ชัด

 "ไทยจ้าว" ........

ให้มองดูเหตุการณ์สดๆร้อนๆ ณ.วันเวลานี้ พศ.2556 "ม๊อบคนดี" ที่นำโดย ผู้สั่งฆ่าประชาชนมือเปล่ากว่า 100 ศพ
กลางเมืองหลวง, บุคคคลที่มีรสนิยมเสพกามแนววิตถาร และขี้มักลักลอบเสพสังวาสกับภรรยาผู้อื่นเป็นนิจ,  
ผู้ดำรงตนเป็นมาเฟียทรงอิทธิพลด้วยการค้าของเถื่อน บุกรุกที่ดินสาธารณะ และอั้งยี่กักตุนสินค้า


  
และย้อนกลับหลังไปมองที่ผ่านมา 4-5 ปี การยึดทำเนียบรัฐบาล และสนามบินนานาชาติ 2 แห่ง 
การชุมนุมมัฆวานรังสรรค์ ปี 2551 ของ ลูกจีนช่วยชาติ ม๊อบกู้ชาติ ที่นำโดย ท่านสนธิลิ้ม,
นักกู้แบงค์แล้วเบี้ยว



นี่คือปรากฏการณ์ "ไทยจ้าว" กลุ่มบุคคลที่แสดงตนชัดเจน บ่งบอกกลุ่ม คือ เหล่าราชนิกูล(ปฏิกูลสังคม) 
สุภาพสตรีชั้นสูง นักวิชาการชั้นสูง ราษฏรอาวุโส กลุมแพทย์และพยาบาลอาวุโส นายทหารเกษียณอายุอาวุโสในและ
นอกกองทัพ ผู้ทรงภูมิปัญญาทรงคุณวุฒิ  ดารานักแสดง-นักร้อง ผู้สร้าง-ผู้กำกับละครภาพยนต์ ทั้งหลาย และอื่นๆ 
ที่ต้องขึ้นหรือลงท้าย กำกับคำ ที่หมายถึง

... ผู้ที่แก่กว่า รู้มากกว่า อยู่มาใหญ่ยาวนานกว่า โคตรรวยกว่ามาเก่าก่อน และ หญิง
ผู้มีอวัยวะอยู่สูงเกินกว่าฝ่ามือคนธรรมดา จะเอื้อมล้วงจับถึง



 "ไทยไพร่" ........

คือ กลุ่มผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ หาใช่เพียงแค่ ผู้ต่ำต้อยด้อยโอกาสจนยากไร้ เท่านั้น แต่ครอบคลุมไปทั่วทุกชนชั้น 
คละปนเปทั้งอาชีพ ฐานะ และการศึกษา ... เป็นกลุ่มผู้ต้องการและออกมาเรียกร้อง ขอสิทธิในการได้ใช้ทรัพยากรอัน
มหาศาลโดยความเท่าเทียม, ยืนยันสิทธิการได้รับปฏิบัติในทางกฏหมายอย่างสุจริตยุติธรรมเสมอภาค

ไทยไพร่ มีจำนวน มากกว่า ไทยจ้าว หลายเท่าตัว ถึงแม้ว่าไทยจ้าวนั้น จะมีกลไกของ กลุ่มผู้มีอำนาจ
บารมีนอกรัฐธรรมนูญ และนายทุนกลุ่มบูชาแอบอิงจ้าว สนับสนุนตลอดมา ทั้งด้านเงินทุน และกำลังพล




 "ไทยขุนศึก" ........

คือกลุ่มอำนาจ ที่ทรงอิทธิพลมาทุกยุคสมัย เพราะเป็นกลุ่มที่ติดอาวุธตามหน้าที่ โดยถูกต้องตามกฏหมาย แต่ก็แอบแฝง
แข่งขันช่วงชิงการครอบงำ ต่อรองในทางการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตนเสมอมา  แม้ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวน
น้อยที่สุด  ... ฐานกำลังพลของกลุ่มไทยขุนศึก นั้น ก็มาจาก ไทยจ้าว และ ไทยไพร่ ส่วนที่ได้รับการคัดเลือก หล่อหลอม
กล่อมเกลา มอมเมาสมอง เข้ามาเป็นพวก โดยกระบวนการคัดสรรและฝึกฝน  มีผลตอบแทนเป็น เบี้ยเลี้ยง เบียหวัด 
เงินเดือนสวัสดิการ อย่างแน่นอนสม่ำเสมอ ซึ่งปันมาจากภาษีน้ำพักน้ำแรงที่เรียกเก็บจากไทยไพร่ เป็นส่วนใหญ่