วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

CYBER SCOUTS ... Search to Kill

          
                                   CYBER SCOUT
   
                                มาเป็น "ลูกเสือ" กันเถอะ
"ลูกเสือ" ที่ผมบอกนี่ไม่ได้หมายถึง "ลูกเสือ" ที่รู้จักกันทั่วโลกนะครับ
                  "ลูกเสือคอมพิวเตอร์" นี่เป็นผู้ที่มีเกียรติมาก
   สถานการณ์บ้านเมืองยามนี้..ผมเชื่อใน "เกียรติ" ของลูกเสือครับ




ลูกเสือคอมพิวเตอร์ หรือ CYBER SCOUT นี้ท่านผู้นำของประเทศเป็นผู้ให้แนวทางความคิดสถาปนาขึ้น

ท่านลอร์ด เบเดน โพเวลล์ ถือเป็น บิดาของลูกเสือโลก ,สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ 6
ทรงเป็น บิดาของลูกเสือไทย, ..?.. เป็นบิดาลูกเสือชาวบ้าน... ฉะนั้น ต้องถือว่า ท่านผู้นำอันอัจฉริยะ
ของผม ถือเป็น บิดาของลูกเสือคอมพิวเตอร์ แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก

การแสดงความเคารพ นั้นเพื่อให้แตกต่าง มิให้เป็นการซ้ำกับลูกเสือประเภทอื่น ท่านผู้นำจึงบัญญัติให้
ใช้นิ้วเดียวในท่าทำความเคารพของ CYBER SCOUT  คือ ใช้นิ้วกลางมือขวา
ลูกเสือสำรอง "อาเคล่า เราจะทําดีที่สุด" ทำความเคารพโดย นิ้วชี้และนิ้วกลางมือขวา
ลูกเสือสามัญ สามัญรุ่นใหญ่ ลูกเสือวิสามัญ ใช้นิ้วชี้นิ้วกลางนิ้วนาง 3 นิ้วมือขวา ทำวันธยาหัตถ์

                        
CubScout handsign Scout,SenierScout,Rover handsign CyberScout handsign





และเพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ ให้เหล่า ลูกเสือไซเบอร์หนุ่มน้อยทั้งหลาย ในการ
ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ตามคำขวัญ "Search to Kill"   ตามล่าแล้วฆ่ามัน สำหรับ

ภารกิจ สอดส่องหาคลิ๊ปวิดีโอลับอันอื้อฉาว,สะกดรอยสืบค้นภาพเอ็กส์คลูซีพลับเฉพาะทั้งหลาย,
เจาะหาร่องรอยเวปโฮสที่ดาวน์โหลดคลิปเสียง ชูพงษ์เปลี่ยนระบอบ..แอนตี้-วู๊ดไซด์ นิวยอร์ก
"ตื่นเถิดชาวไทย"
..LA Red Shirts Meeting..ตำนานนาน 37ตอน(ชีพ ชูชัย)..ชกหมัดตรง
(อาคมซิดนีย์&Woodside)
..เอนกซานฟรานซิสโก..บุญคุณศักดินาไทย 75ตอน(ชีพ ชูชัย)..
รหัสลับ ดอยตุง..รัฐไทยใหม่ ไม่มี "สัตว์" อย่างว่า!.. code ลับยายไฮ Hi s
ส่องหาคลิปYou-Tube การสั่งฆ่าอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 5ทศวรรษ

โอ้ยหนักหนา เหนื่อยทั้งใจเหนียวไปทั้งกาย ขอรับท่านผู้นำ ท่านต้องก่อตั้งหน่วยบำรุงขวัญ
ลูกเสือดาวสาว"Cyber Scoyy"ไซเบอร์สก๊อยยย โดยเร่งด่วนที่สุด
อีกทั้งจัดหายาหยอดตาอย่างดีที่สุดในโลก สำรองไว้เต็มอัตรารบ นะขอรับ

                       


                                       


Scouts Train to Fight Terrorists, and More

      In a training exercise run by Border Patrol agents, Explorer scouts from Visalia,
               California., prepare to storm a “hijacked” bus.


              อีกหน่อยเราคงได้เห็น Terrorist Scouts ในเมืองไทย

กระผมอยากกราบเรียนเสนอให้ ท่านผู้นำประเทศ ผู้มีอัจฉริยะภาพอันสูงส่ง ได้โปรดพิจารณาตั้ง
       กองลูกเสือต่อต้านการก่อการร้ายสากล Terrorist Scouts และ
       กองลูกเสือม้ารถถัง Armor Cavalry Scouts
         ด้วยจะเป็นประโยชน์ต่อระบอบปกครองประเทศนี้อย่างสูงขอรับ ซึ่งจะเป็นที่เชิดหน้าชูตา
ในสากลประเทศ เทียบเคียงได้กับ ชาติมหาอำนาจชั้นนำ คือ

       "ยุวชนนาซี" แห่งอาณาจักรไรซ์ ที่3 ของเยอรมันนี โดยท่านผู้นำ อดอร์ฟฮิตเลอร์ และ
       "ยุวชนแดง" เรดการ์ด Red Guard ที่จัดตั้ง ยุคปฏิวัติวัฒนธรรม(Culture Revolution)
       ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน  อันมีท่าน เหมา เจ่อ ตุง เป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน
       และผู้นำสูงสุดของประเทศ


                     
         ดีใจนะขอรับ ที่อีกหน่อย ไม่ว่าท่านผู้นำ จะเดินทางไปที่ไหน เยาวชนผู้รักชาติของเราต้อง
     กระทำความเคารพท่านในแบบอย่างเดียวกันกับ ผู้นำยิ่งใหญ่ในอดีต เช่น อดอฟฮิตเลอร์,มุสโสลินี




                      "ไฮล์ ฮิตเลอร์" ...... "ไอ้เยี้ย ปิ๊สิด"

                                       


      ยุวชนแดง Red Guards หรือ หงเว้ยปิง  紅衛兵; พ.ศ. 2509-2519

           


สมัยที่ประเทศจีนปกครองโดยคอมมิวนิสต์ใหม่ๆ นั้น ได้มีการใช้ ระบบคอมมูน (แนวคิดว่าทรัพย์สินทุก
อย่างเป็นของรัฐ) โดยคอมมูนนี้เป็นจุดเริ่มของ การปฏิวัติวัฒนธรรม เพราะวิธีการแบ่งปันผลผลิตของ
คอมมูน ได้ปลูกฝังแนวคิดสังคมนิยม และคอมมิวนิสต์ ให้แก่ เยาวชนรุ่นใหม่ของจีน เป็นผลให้ระบบ
เครือญาติ(ความสัมพันธุ์ในครอบครัว) ที่เคยเข้มแข็งอ่อนแอลง 

เหมา เจ๋อ ตุง วางแนวทาง ลัทธิเหมา(Maoism)โดยต่อมาการเผยแพร่ลัทธิเป็นไปอย่างรีบเร่งแพร่หลาย
ผู้นำสังคมในยุคนั้น ปลูกฝังประชาชนให้ให้ยึดมั่นอย่างเคร่งครัด หากใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกลงโทษอย่าง
รุนแรง โดยมีหน่วยปฏิบัติการสนับสนุนที่สำคัญ กองกำลังพิทักษ์แดง (เรดการ์ด-Red Guard) ก็คือ
เยาวชนหัวรุนแรงคลั่งลัทธิเหมาอิสซ์ ที่เป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อล้างสมองโดยคอมมูน
นั่นเอง

เมื่อมีการจัดตั้งหน่วย "เรดการ์ด" แล้ว ก็ดำเนินแผนการ ปฏิวัติวัฒนธรรม(Culture Revolution) เพื่อ
ยกเลิกวัฒนธรรมความเชื่อแบบเก่าเช่น การไว้ผมเปียของผู้ชาย ฯลฯ จนเกิดเหตุการณ์รุนแรง มีการตัดเศียร
พระพุทธรูปสำคัญ ใครที่ลบหลู่ ไม่แสดงความเคารพเชื่อฟัง ท่านผู้นำเหมา ก็จะถูก กลุ่มเรดการ์ด ประจาน
และประหารชีวิต  มีการทำลายสถานทูตประเทศตะวันตกเสียหายยับเยิน  มีการสาบแช่งกลุ่มไม่นิยมเหมา

                               
                       ภาพหน้าปกหนังสือเล่มหนึ่ง บรรยายรูปการปฏิวัติทางวัฒนธรรม

ผลของการปฏิวัติวัฒนธรรม คือ หนังสือเก่าแก่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ วัดวาอาราม รูปปั้น งานศิลปะ โบราณ
วัตถุ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของจีน ต้องถูกทำลายลง และก่อให้ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่าง
คนในครอบครัว,เพื่อนบ้าน,ชุมชน เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครจะเป็นสายลับ ผู้แจ้งความผิดให้ทางการรู้

                                 
                   กลุ่มที่นิยมลัทธิเหมา จะนำรูปภาพเหมา มาติดที่บ้านโดยเฉพาะที่ห้องรับแขก
                        เพื่อแสดงความเคารพ และรำลึกถึงการที่เหมา รวบรวมจีนใหม่


ในยุคนั้น สังคมจีนแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ 1. กลุ่มนิยมลัทธิเหมา 2.กลุ่มไม่นิยมลัทธิเหมา
ซึ่งมีการปะทะกันเสมอ ประชาชนจีน,นักเรียน,นักศึกษา มักจะพกปืนติดตัวเสมอ ทำให้มีเหตุการยิงกันทันทีที่พบเจอกัน

เมื่อผลกระทบจากความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของกลุ่ม เรดการ์ด ส่งผลความแตกร้าวในวงกว้างของ
ประเทศ เหมา เจ๋อ ตุง ก็ให้ยุติบทบาทและสลาย เรดการ์ด โดยการส่งไปเรียนรู้  วิถีชีวิตชาวบ้านความยาก
ลำบากของชาวนาชาวไร่ และศึกษาการทำเกษตรกรรม,เลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นชนบททุรกันดาร นั่นคือการสิ้น
สลาย อิทธิพลบทบาทของ กลุ่มเรดการ์ด
                               
                              Propaganda poster showing Jiang Qing, saying:
                  "Let the new socialist performing arts occupy every stage.", 1967.


หลังจากที่เหมา เจ๋อ ตุง ถึงแก่กรรม ภริยาภริยาคนที่ 3 คือ นางเจียงชิง ผู้มีบทบาทสำคัญในการหนุนหลัง
ขบวนการยุวชนแดง ก็ถูกจับกุมดำเนินคดีในชั้นศาล ข้อหาที่นางและพวก(Gang of Four)   
        1. เจียง ชิง ภริยาคนที่ 3 ของประธานเหมา เจ๋อตุง
        2. จาง ชุนเฉียว นักการเมืองเซี่ยงไฮ้
        3. หวัง หงเหวิน
        4. เหยา เหวินหยวน อดีตนักหนังสือพิมพ์

เป็นผู้ออกคำสั่งอันก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในประเทศในช่วงยุค ปฏิวัติวัฒนธรรม (ค.ศ.1966-ค.ศ.1976) 
โดยโทษจำคุก  หลังจากนั้นนางก็ฆ่าตัวตายในคุก เมื่อปีค.ศ.1999

                           
                        
                            http://th.wikipedia.org/เหมา เจ๋อ ตุง
                            http://th.wikipedia.org/จีน



                        

     ผู้ก่อตั้ง "ลูกเสือ" Boy Scout คนแรกของโลก เป็นชาวอังกฤษ คือ
    ลอร์ด เบเดน โพเวลล์ (Robert Stephenson Smyth Baden Powell)
"...เมื่อปี พ.ศ.2450 (ค.ศ.1907) เนื่องจากการรบกับพวกบัวร์(Boar) ในการรักษาเมืองมาฟิคิง(Mafeking)
ที่อาฟริกาใต้ในปี พ.ศ.2442 ซึ่งบี พี ได้ตั้ง กองทหารเด็ก ให้ช่วยสอดแนมการรบ จนรบชนะข้าศึกเมื่อกลับ
ไปประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ.2450 จึงได้ทดลองนำเด็กชาย 20 คน ไปอยู่ค่ายพักแรมที่ เกาะบราวน์ซี
(Browmsea Islands) ซึ่งได้ผลดีตามที่คาดหมายไว้ ปี พ.ศ. 2451 บี พี จึงได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรก
ของโลก ที่ประเทศอังกฤษ..."
 
           

     ประเทศไทย ลูกเสือ ถือกำเนิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ 6
"...พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ
ประเทศอังกฤษ ทวีปยุโรป ระหว่างที่ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้ทรงทราบเรื่องการสู้รบเพื่อรักษา เมืองมาฟิคิง
(Mafeking) ของ ลอร์ดเบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) เมื่อพระองค์เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทย
ก็ได้ทรงจัดตั้ง กองเสือป่า (Wild Tiger Corps) ขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2454 มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึก
หัดให้ข้าราชการและพลเรือนได้เรียนรู้วิชาทหาร เพื่อเป็นคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง รู้จักระเบียบวินัย มี
ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ต่อจากนั้นอีก2เดือน ก็ได้พระราชทาน
กำเนิดลูกเสือไทยขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ด้วยทรงมีพระราชปรารภว่า เมื่อฝึกผู้ใหญ่เป็นเสือป่า
เพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือชาติบ้านเมืองแล้ว เห็นควรที่จะมีการ ฝึกเด็กชายปฐมวัย ให้มีความรู้
ทาง เสือป่า ด้วย เมื่อเติบโตขึ้นจะได้รู้จักหน้าที่และประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง.."
                                                 
                            ประเภทของลูกเสือ แบ่งเป็น
                1. ลูกเสือสำรอง (Cub Scout)               อายุ 8 - 11 ปี
                    คติพจน์: ทำดีที่สุด (Do Our Best)
                2. ลูกเสือสามัญ (Scout)                     อายุ 11 - 16 ปี
                    คติพจน์: จงเตรียมพร้อม (Be prepared)
                3. ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ (Senior Scout) อายุ 14 - 18 ปี
                     คติพจน์: มองไกล (Look wide)
                4. ลูกเสือวิสามัญ (Rover)                    อายุ 16 - 25 ปี
                     คติพจน์: บริการ (Service)
                5. ลูกเสือชาวบ้าน  (civil boy scout)    ประชาชนทั่วไปทุกเพศวัย

ลูกเสือชาวบ้าน เป็นกองกำลังหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการปราบปรามขบวนการนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา'19
โดยส่วนใหญ่พันผ้าพันคอพระราชทานในวันนั้นด้วย  ผู้ที่มีบทบาทในการก่อตั้งกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน คือ
พล.ต.ต. สมควร หริกุล ผู้กำกับตำรวจชายแดนเขต 4 ร่วมมือกับข้าราชการท้องถิ่นอีกหลายคน โดย
ได้จัดการอบรมลูกเสือชาวบ้านรุ่นแรก เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
และต่อมา พล.ต.ต. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ก็ได้เข้าร่วมผลักดัน
กิจการลูกเสือชาวบ้านขยายตัวอย่างมากหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516 มีนายทหารและนักการเมืองสำคัญ
เข้าร่วมหลายคน
เวลา 16นาฬิกา วันที่ 6 ตุลาคม 2519 กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน นำโดย พล.ต.ท. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน และ
กลุ่มแม่บ้าน นำโดย ทมยันตี ได้บุกเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถบรรทุกที่ทำเป็นเวทีปราศรัยบุกพังประตูเข้า
ไป บางคนได้ถือเชือกเข้าไปโดยจะเข้าไปแขวนคอ 3 รัฐมนตรีของรัฐบาล ได้แก่ นายชวน หลีกภัย,
นายดำรง ลัทธพิพัฒน์, นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ เนื่องจากกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 3 เป็นคอมมิวนิสต์





               Hitlerjugend หรือ ยุวชนฮิตเลอร์

                           


ในรูปแบบคล้ายคลึงกับ Boy ฿ Girl Scouts  ที่มีกิจกรรมการการทัศนศึกษา, ออกค่ายพักแรม,
กิจกรรมรอบกองไฟ เพื่อการสร้างสรรค์บูรณาการและสันทนาการ แต่ ยุวชนฮิตเลอร์ เป็นกลุ่ม
เด็กหนุ่มสาว ที่ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์ชาตินิยมโดยลัทธิทางทหาร เป็นหลักสูตรภาคบังคับ
สำหรับเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กชาย
                   
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กล่าวว่าจะต้องขจัดสายเลือดที่อ่อนแอออกไปให้เหลือชายหนุ่มและหญิงสาว
ที่สมบูรณ์พร้อม ชาติพันธุ์เยอรมันจะต้องเป็นชนชาติที่ก้าวหน้าและเข้มแข็ง
ฮิตเลอร์ยังกล่าวว่าปลายยุคของเขาจะสร้างรัฐอารยัน และสถาปนาอาณาจักรไรซ์ที่3 อันเกรียงไกร

พรรคนาซีทำการหล่อหลอมทั้งร่างกายจิตใจ และแนวความคิดของความเป็นเลิศของชนชาติ ให้
กับเยาวชนเยอรมันในสมัยนั้น
                               
เด็กชายเยอรมัน อายุ 10-14 ปี ต้องเป็น Deutsches Jungvolk (ยุวชนเยอรมัน)
จุงโฟล์ค (Jungvolk) จะอบรมปลูกฝังอุดมการณ์ต่างๆ จนอายุ14ปี จะโอนไปยัง ฮิตเลอร์จูเกน
(Hitlerjugend-Hitler youth)การหล่อหลอมอบรมอย่างเป็นขั้นตอนปลูกฝังให้เกิดความรักชาติ
(patriotism)จนอาจเลยเถิดไปเป็นความคลั่งชาติ(chauvinism)และหลงตนเอง(narcissism)
ในเรื่องของการผูกขาดความภักดี (monopoly of loyalty)
                   
เด็กชาย อายุ 10-14 ปี เป็น Deutsches Jungvolk (ยุวชนเยอรมัน)
เมื่ออายุครบ       14 ปี จะโอนไปยัง Hitler Jugend (Hitler Youth) ยุวชนฮิตเลอร์
เด็กหญิง อายุ 10-14 ปี เป็น ยุงมาเดิล Jungmädelbund (League of Young Girls)
                               (เยอรมัน:Jungmädel, หมายถึง "เด็กหญิง")
เมื่ออายุครบ       14 ปี จะโอนไปยัง บุนด์ ดอยท์เชอร์ เมเดล Bund Deutscher Mädel
                               (German Girl's League) สำหรับเด็กสาวอายุระหว่าง 14-18 ปี
                   
พรรคนาซีได้มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาหลายองค์กรเพื่อสั่ง สอนแนวคิดนาซีให้แก่สตรีชาวเยอรมัน
                   
ในปี 1943 เยอรมันสูญเสียกำลังทหารไปเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการกำลังพลเข้าประจำ
การทดแทนที่สูญเสียไป จึงมีการเปิดรับ ยุวชนฮิตเลอร์ ที่มีอายุ 17 ปี ขึ้นไปเข้าประจำการใน
กองพล เอส.เอส.ฮิตเลอร์จูเกน กำลังพลของกองพลนี้ มีความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้ง ถึงความเป็น
ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าชาติอื่น ของ ชนชาติอารยัน และเป็นความภาคภูมิใจของ พรรคนาซี
(they are the flower of the Nazi Party) เป็นกำลังทหารที่เข้าร่วมโดยความสมัครใจ ประสาน
งานกับ หน่วยตำรวจลับ SS ซึ่งดูแลข่าวกรองและควบคุมทุกอย่างที่เป็นความลับของประเทศ
                   
      ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 20 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันเกิดของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
(ขณะที่มีผู้โต้แย้งว่า ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 20 มีนาคม 1945 - เนื่องจากภาพได้ถูกเผยแพร่
ทางภาพยนตร์ข่าว(Die Deutsche Wochenschau)เป็นครั้งแรกในวันที่ 22มีนาคม1945
ข้อสรุปเกี่ยวกับวันที่ถูกต้องยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่)
                   
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กำลังมอบเหรียญกล้าหาญกางเขนเหล็กให้กับยุวชนฮิตเลอร์ ซึ่งเชื่อว่า
คือ Alfred Czech ภายนอกบังเกอร์ของเขาในกรุงเบอร์ลิน
                   
                                         Panzerfaust
                   
                                         Panzerschreck

ยุวชนฮิตเลอร์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง Volkssturm อันเป็นกองกำลังรักษา
กรุงเบอร์ลิน ที่เกณฑ์มาจากคนชราและเด็ก Volksturm ได้รับการ ติดอาวุธที่ดีเยี่ยม
โดยเฉพาะอาวุธต่อสู้รถถัง Panzerfaust และ Panzerschreck ที่สร้างความเสียหาย
ให้กับรถถังของรัสเซียเป็นอย่างมาก
                   
เชลยศึกที่เป็นยุวชนฮิตเลอร์ (Hitler youth-Hitlerjugend)สังกัดกองกำลัง Volkssturm
ที่รักษากรุงเบอร์ลิน ในห้วงสุดท้ายของสงคราม ยุวชนฮิตเลอร์ใช้เยาวชนอายุตั้งแต่ 12 ปี
เข้าร่วมในการรบที่กรุงเบอร์ลินด้วย
                   
เชลยศึกเยอรมันจากหน่วย Volkssturm ซึ่งเป็นหน่วยป้องกันกรุงเบอร์ลินหน่วยนี้จัดกำลัง
จาก คนชรา ทหารผ่านศึก และยุวชนฮิตเลอร์ (Hitler youth-Hitlerjugend) กำลังพลเหล่านี้
ติดอาวุธต่อสู้รถถังอันทรงประสิทธิภาพอย่างเช่น Panzerfaust สามารถทำลายรถถังของ
รัสเซียได้เป็นจำนวนมากถึงกว่า 2,000 คัน
 
   ภาพร่างยุวชน หน่วย Hitlerjugend ที่เสียชีวิตจากการรบป้องกันกรุงเบอร์ลิน

                    http://www.hlitgroup.org/extras/HitlerYouth
                    http://www.shoaheducation.com/Hitlerjugend
                    http://en.wikipedia.org/wiki/Hitler Youth



 
"ลูกเสือไซเบอร์" เทียบเท่า ยุวชนนาซี ของฮิตเลอร์เยอรมัน นั่นเอง
"ยุวชนฮิตเลอร์" กลยุทธที่รัฐบาลไทยนำมาใช้จัดการกับคนเสื้อแดง

Credit : คุณดวงจำปา.

ช่วงนี้มีเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในสังคมไทย เช่น “เหยื่อจากการถูกล่าแม่มด”
“ยุวชนฮิตเล่อร์” หรือ Hitler’s Youths รวมไปถึงการปฎิบัติการโดยหน่วยจารกรรม SS ด้วย


ที่จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ที่เกิดเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เรื่องราวของเหล่า ยุวชนฮิตเลอร์
กับสัญญลักษณ์ของยุวชนฮิตเลอร์ พรรคนาซีได้ทำการหล่อหลอมทั้งร่างกาย จิตใจ และแนวคิดสู่
ความเป็นเลิศของชนชาติอารยัน

จากนี้ไป เรามาลองวิเคราะห์สถานการณ์ในเมืองไทยขณะนี้ แล้วลองเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่คล้าย
คลึงกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วด้วย กันค่ะ

สมัยฮิตเล่อร์ : เป็นสายสืบและรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ เกี่ยวกับชาวยิว ให้กับหน่วย SS ได้
ทราบทุกระยะ
เหตุการณ์ในไทย : รายงานเรื่องความเคลื่อนไหวต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลที่เสมือนว่าเป็นฝ่าย “สีแดง”
กับหน่วย ศอฉ ,รัฐบาล, สื่อมวลชน ให้ทราบ

สมัยฮิตเล่อร์ : ปลุกความคลั่งชาติ โดยการชักชวนให้ออกมาประท้วง และตอบโต้การกระทำของ
ชาวยิว
เหตุการณ์ในไทย : ปลุกความคลั่งชาติ โดยการสร้างกระบวนการความรักชาติ (ต่างกันที่ กลุ่มเสื้อ
เหลือง เป็นผู้สร้างความผูกขาดในเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตนเองโดยตรง)

สมัยฮิตเล่อร์ :มีการเขียนข้อความ Propaganda ใส่ร้ายป้ายสีหัวหน้าตัวแทนของชาวยิว
เหตุการณ์ในไทย : ปลุกระดม โดยการเขียนข้อความว่า กลุ่ม “สีแดง” เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นผู้
ทำร้ายทรัพย์สินของประชาชน

สมัยฮิตเล่อร์ : ควบคุมและผูกขาด การใช้รายการวิทยุ และหนังสือพิมพ์ โดยอ้างหลักการว่า เพื่อ
ความน่าเชื่อถือของข่าวสารอย่างเป็นทางการ
เหตุการณ์ในไทย :ควบคุมและผูกขาดการใช้วิทยุ โทรทัศน์ รวมไปถึงการเซ็นเซอร์ทางอินเตอร์
เนท เพื่อเป็นผู้ให้ข่าวอยู่เพียงฝ่ายเดียว
สมัยฮิตเล่อร์ : มีการล่าแม่มด (witch-hunt) ป้ายสีด้วยข้อความเท็จ ทำให้บุคคลชาวยิวหลายร้อย
คน ถูกไล่ออกจากงานหรือหมดโอกาสที่จะประกอบอาชีพในอนาคต ผู้ที่ไล่ล่าป้ายสีนั้น
จะได้รับรางวัลชมเชยจากกลุ่มนาซีว่า ได้ปฎิบัติตัวอย่างเป็นพลเมืองดีเด่น
เหตุการณ์ในไทย : มีการล่าแม่มด (witch-hunt) ตามเวปไซค์ต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Hi-5
และขยายข้อความกล่าวหาว่า ผู้ที่โพสต์นั้น ไม่มีความจงรักภักดี เป็นภัยต่อสังคม ผู้ถูก
กล่าวหาแทบไม่มีโอกาสที่จะแก้ข้อกล่าวหาได้ เป็นผลให้มีการถูกให้ออกจากงาน หรือ
ไม่สามารถสอบผ่านได้ถึงแม้จะผ่านรอบแรกมาแล้วก็ตาม ส่วนผู้ที่เข้าไปโพสต์ด่าหาเรื่อง
นั้น จะได้รับการชมเชย
สมัยฮิตเล่อร์ :ผู้มีความรู้ความสามารถของทางเยอรมัน ซึ่งเป็น นักวิชาการ ศาสตราจารย์ หรือไม่ก็
บุคคลในระดับฐานะปานกลางถึงสูงนั้น เข้าร่วมสนับสนุนกับความคิดของทางฝ่ายฮิตเลอร์
กันเป็นส่วนใหญ่ ในเรื่องของการแบ่งแยกระหว่างกลุ่มตัวเอง กับ กลุ่มชาวยิว
เหตุการณ์ในไทย :มีการส่งสายลับ และสายสืบเข้าไปตามเวปไซค์ต่างๆ เช่น ประชาไท หรือ หน้า c-box
ของ นปช USA เพื่อที่จะรายงานข่าวความเคลื่อนไหว ของกลุ่มสีแดง สายสืบพวกนี้พยายาม
โพสต์ข้อความสิ่งที่ discredit ตลอดเวลา โดยปราศจากเหตุผล และที่มาของเรื่อง (รวมไปถึง
การสร้างเรื่องอีกด้วย) อีกประการหนึ่งคือ การสร้างเรื่อง ให้หันเหออกไปจากจุดความสนใจ
เป็นต้นว่า โพสต์ให้คนด่าในกระทู้นั้น เพื่อตนเองจะได้ออกไปสืบสวนกระทู้อื่นๆต่อไป
(ให้เสื้อแดง มาเสียเวลากับกระทู้ไร้สาระนั่นเอง)

สมัยฮิตเล่อร์ : มีการใช้ใบปลิว และเขียนประจานหน้าบ้านและร้านค้าของชาวยิว และผู้นำชาวยิว กล่าวหา
ในเรื่อง การคดโกงและวิถีการการโกง
เหตุการณ์ในไทย(รวม คนไทยในต่างแดน) : ใช้ forward mail ในการสื่อสาร ประจานเรื่องการคดโกง และ
สร้างความคลั่งชาติ (จะเห็นได้ว่าการใช้ forward mail นี้ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มเสื้อเหลือง และ
กลุ่มพันธมิตร)
สมัยฮิตเล่อร์ : ออกกฎหมาย ไม่ให้ประชาชนชาวเยอรมันก่อความรุนแรง ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษ (แต่กลุ่มยุวชน
ฮิตเลอร์ สามารถสร้างความรุนแรงได้ทุกเมื่อ โดยไม่มีใครกล้าจับหรือฟ้องร้องได้ ทั้งๆที่ผิด
กฎมาย) เกิดระบบสองมาตรฐานขึ้น
เหตุการณ์ในไทย : สร้างกฎหมายห้ามไม่ให้มีการชุมนุมกันเกิน5คน แต่ถ้าเป็นฝ่ายพันธมิตรหรือฝ่ายสีน้ำเงิน
ไม่มีใครสามารถมาจับกุมได้เช่นกัน ถึงแม้จะท้าทายด้วยการขว้างสิ่งของหรือถืออาวุธเข้าไปใน
กลุ่มฝ่ายสีแดง จะเห็นถึงการปฎิบัติสองมาตรฐานเช่นเดียวกัน
สมัยฮิตเล่อร์ :มีการยุแหย่ สร้างเรื่อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วย SS ได้ทำการจับกุมและยัดเยียดข้อหาและจับขัง
โดยเฉพาะข้อหาในเรื่องความไม่จงรักภักดีต่อชาติและตัว Führer (ฮิตเลอร์)
เหตุการณ์ในไทย : มีการสร้างเรื่อง ยุแหย่ จับกุม ในข้อหาไม่จงรักภักดี โดยอาศัยมาตราต่างๆ ตามที่สามารถ
ตีความเข้าข้างตนเองได้

สมัยฮิตเล่อร์ : เมื่อชาวอารยัน, ยุวชนฮิตเลอร์ ผู้ใด ที่เสียชีวิตในหน้าที่ จะได้รับการสถาปนาให้เป็นวีรบุรุษ
หรือวีรสตรีของประเทศทันที ผู้บริหารในตำแหน่งที่สูงของประเทศจะมาเป็นเกียรติในพิธีศพ แต่
จะไม่มีบุคคลสำคัญของฝ่ายเยอรมัน เข้ามาในงานศพของผู้สำคัญที่มีเชื้อสายยิวเลย (อย่างมาก
ก็ส่งพวงหรีดมาเป็นพิธีการ)
เหตุการณ์ในไทย : เหตุการณ์นี้ ได้เห็นเมื่อปี 2552, 2553 เมื่อมีพิธีศพเกิดขึ้นกับฝ่ายสีเหลือง จะมีบุคคล
สำคัญมากมายเข้าร่วมงาน
สมัยฮิตเล่อร์ : เมื่อชาวยิวถูกจับกุมและยัดเยียดข้อหาแล้ว จะไม่ได้รับการประกันตัว หรือได้รับการแต่งตั้ง
ทนายแต่อย่างไร จะถูกส่งไปที่ค่ายกักกัน ณ เมือง Auschwitz ซึ่งต่อมากลายเป็น death camp ของ
Holocaust หรือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide)
เหตุการณ์ในไทย : เหตุการณ์ในไทย : เปรียบเทียบเรื่องนี้ กับการจับกุมแกนนำ และไม่ได้รับการประกันตัว
(มีทนายแก้ต่างให้หรือไม่ดิฉันไม่ทราบค่ะ ขออภัยค่ะ รวมทั้งจะมีเหตุการณ์ death camp หรือไม่ก็
ต้องคอยตามเหตุการณ์กัน)

สมัยฮิตเล่อร์ : ชาวยิวผู้ใดที่หลบหนีไปได้ จะถูกหน่วย SS จัดการไล่ล่า และฆ่าปิดปาก รวมไปถึงครอบครัวด้วย
ส่วนใหญ่จะหลบหนีออกมาทางประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งวางตัวเป็นกลาง และประเทศเพื่อนบ้าน
ที่ให้ความช่วยเหลือ
เหตุการณ์ในไทย : มีการไล่ล่า ลูกน้องแกนนำเกิดขึ้นหลายคดีแล้ว ตามความเห็นของดิฉันในปัจจุบัน ก็คิดว่า
ส่วนใหญ่ก็จะออกไปได้ ทางประเทศเพื่อนบ้านฯ
สมัยฮิตเล่อร์ : เริ่มโยงสัญญลักษณ์ที่เกี่ยวกับทางศาสนาฝ่ายตะวันออก เช่นทางพุทธศาสนา โดยการนำครื่อง
หมายสวัดิกะหัวแลับ (Swastika) 卐 (ซึ่งของจริงเป็น รูปแบบนี้ 卍เข้ามาประกอบในพรรคนาซี ซึ่งทำ
ให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของทางพุทธศาสนา หน่วยนี้ จะเป็นผู้กระทำการเผยแพร่ลัทธิของตน
เองให้กับชาวเยอรมัน
เหตุการณ์ในไทย : นำเอาพระภิกษุเข้ามาอ้างคำสั่งสอนต่างๆ รวมไปถึงการนำเอาความเชื่อในลัทธิต่างๆ เข้า
มาใช้ เพื่อทำให้เกิดความขลังและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตนเองพร้อมที่จะเผยแพร่ความเชื่อเหล่านี้ให้กับประ
ชาชนโดยทั่วไป ตัวอย่างในการอ้างอิง ก็เป็นเช่น สันติอโศก และ มหาจำลองฯ ผู้เคร่งในการปฎิบัติ

สมัยฮิตเล่อร์ : มีการเผาร้านค้าและทรัพย์สินของชาวยิว โดยการส่งสายสืบเข้าไปวางเพลิงหรือกระทำจารกรรม
แต่ออกมาปฎิเสธอย่างเป็นทางการทุกครั้งว่า ฝ่ายตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เหตุการณ์ในไทย : ตัวอย่างการวางเพลิงในอาคารต่างๆ เพื่อสร้างสถานการณ์เพื่อป้ายสีให้อีกฝ่าย พร้อมทั้ง
ปฎิเสธว่า ไม่ใช่กลุ่มของทางฝ่ายรัฐบาล
สมัยฮิตเล่อร์ : มีการลอบยิง สังหาร หัวหน้ากลุ่มของชาวยิว ในขณะที่กำลังพูดคุยหรือปราศรัยใน สถานที่สาธา
รณะหรือในสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา (synagogue)
เหตุการณ์ในไทย : มีการใช้ snipers เมื่อมีการประท้วงเกิดขึ้น ตัวอย่างก็เห็นมากันแล้ว
สมัยฮิตเล่อร์ : กลุ่มผู้บริหารฝ่ายนาซี จะเดินทางด้วยรถสีดำกันกระสุน เป็นขบวน มีทหารคุ้มกันอารักขาอยู่ตลอด
24 ชั่วโมง
เหตุการณ์ในไทย : ฝ่ายบริหารใช้รถเกราะกันกระสุน ซึ่งติดตามกันเป็นขบวนมี body guards ถือปืนคุ้มกันให้ตลอด
เวลา ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน
สมัยฮิตเล่อร์ : พรรคนาซี ปฎิเสธกับนานาชาติอยู่ตลอดเวลาว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องกิจการภายใน และไม่ต้องการ
ให้นานาชาติ เข้ามายุ่งเกี่ยว หรือหาข้อมูลต่างๆเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
เหตุการณ์ในไทย : ฝ่ายบริหารฯ พยายามทุกรูปแบบ เพื่อปฎิเสธ ไม่ให้นานาชาติเข้ามาหาข้อมูลหรือกระทำการ
สอบสวนต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นกิจการภายในประเทศ

สมัยฮิตเล่อร์ : พรรคนาซี สัญญาประชาชนในเรื่องความรุ่งเรืองของประเทศ ทั้งๆ ที่ประเทศกำลังเสียหายย่อยยับ
(รวมไปถึงการสร้างและผลิตอาวุธ) พยายามสร้างโครงการเพื่อความสามัคคี รักชาติ เพื่อจุดสูงสุด
ของชนเผ่าอารยัน
เหตุการณ์ในไทย : จะเห็นว่ามีโครงการหลายอย่างที่เกี่ยวกับ กิจการทหาร ทั้งๆ ที่ทราบว่า ประเทศมีหนี้สินรุงรัง
มีโครงการสร้างความสามัคคีโดยการอ้างถึง การร่วมมือกระทำเพื่อความปรองดอง ฯลฯ ซึ่งเป็นจุด
หมายสูงสุด
สมัยฮิตเล่อร์ : ทางฝ่ายนาซี ต้องการกระทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างยิ่ง โดยใช้เป็นวิธีการปลุกระดม
ด่าทอ ผู้นำของประเทศนั้นๆ อย่างเสียๆ หายๆ เพื่อสร้างความคลั่งชาติให้กับฝ่ายตนเอง
เหตุการณ์ในไทย : เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกับประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ก็เพราะว่ากำลังสร้าง
เหตุผลของความรักชาติ คลั่งชาติ ให้กับประชาชนนั่นเอง

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นความคล้ายคลึงกัน ที่มีการปฎิบัติมาในสมัยฮิตเลอร์เรืองอำนาจ กับเหตุการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน  แต่ท้ายที่สุดแล้ว ประเทศเยอรมันก็พังพินาศ ตามที่ได้ทราบกันทางประวัติศาสตร์
ตัวผู้นำก็ไม่ได้ติดคุก ลูกสมุนก็ต้องไปถูกศาลโลกตัดสินที่ นูเรมเบอร์ก (Nuremberg) ในฐานะอาชญากรสงคราม




ได้ข้อมูลการจัดตั้งมวลชนอย่างลับๆ โดยฝ่ายทรราชอมาตยา อีกครั้ง
ทั้งในนาม ลูกเสือชาวบ้าน ,นพรัตน์ และชื่ออะไรก็แล้วแต่ รวมทั้ง
การสวมรอยรักสถาบัน ของ นักรบรับจ้างพันธมิตรเสื้อเหลือง
อดีตการ์ดนักรบ เฮี่ย ฮ่า สารพัดสัตว์
เป้าหมาย รวบตัว เด็ดหัว อุ้ม
..... แกนนำ และกลุ่มฮาร์ดคอการเมือง ทุกกลุ่ม รวมถึงในสื่ออินเตอร์เน็ต
เลยเอาภาพเหตุการณ์ กรณี กระทิงแดง นวพล อภิรักษ์จักรี ลูกเสือชาวบ้าน
ใน วันฆ่าพิราบขาว 6 ตุลาทมิฬ 2519 ต่างยุคสมัยมาเทียบกับ เหตุการณ์ปัจจุบัน
ให้ท่านที่เคารพ พิจารณาหาวิธี เตรียมต่อสู้ และระมัดระวังตนเอง



                                   ดาวโหลดไฟล์ .wmv คมชัด
วันฆ่าพิราบขาว 6ตุลาทมิฬ2519 ................... สำรอง
พันธมิตรปล้นเมือง 19กันยา2549 .................. สำรอง

            เสื้อสีเหลือง ผ้าพันคอสีฟ้า ก็เล่นแล้ว ต่อไปก็
            ผ้าพันคอสีเลือดหมู พันธมิตรรับไม้ ยาวทั่วประเทศ ใครจะกล้าค้านว๊ะ
            เคี๊ยก ๆ อู๊ด ๆ ... หัวเราะแบบหัวหมูแก้บน







    
                 พยัคฆ์ร้าย สายชาวบ้าน

          เดินสายเรียกศรัทธา เตรียมมวลชนเอาไว้ฆ่าผู้ต่อต้าน
          เขายังทำได้ ด้วยเหตุพวกฝั่งตรงข้าม ก็มีจำนวนมาก
          และเอาไว้รองรับ แนวทางพันธมิตร เพื่อรวบรวมให้
          เป็นกลุ่มก้อน และรับไม้ต่อ..ใครจะกล้าขวางหรือต่อต้าน
          .... วันเวลาจะเป็นตัวชี้ขาด จะปลุกผีดิบได้สำเร็จก่อน หรือ
          จะตายห่าก่อน รอดูผลครับ
          *** ปล.รากหญ้าไม่โง่ ก็หนึ่งกลุ่ม
          .....รากหญ้าไกลปืนเที่ยง และยังงมงายก็หลงเหลืออีกไม่น้อย
          ...........นี่คือ กระบวนการก่อสงครามกลางเมือง Civil War
          ...................โดยแท้จริง








ลูกเสือชาวบ้านจะกลับมารุ่งเรื่องอีกครั้ง...

      "จากลูกเสืออินเตอร์เน็ต สู่ลูกเสือประชาธิปไตย"


วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20:00:00 น. มติชนออนไลน์
"จากลูกเสืออินเตอร์เน็ต สู่ลูกเสือประชาธิปไตย"
โดย สายพิน แก้วงามประเสริฐ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเป็นวันลูกเสือแห่งชาติ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เปิด
"โครงการลูกเสืออินเตอร์เน็ต"
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการเทิดทูน จงรักภักดีปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์
และเป็นทูตสันติภาพในการเชื่อมความปรองดองของคนไทยทั้งประเทศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า
ลูกเสือเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรม โครงการนี้เป็นโครงการที่ฝึกลูกเสือ
ให้ชำนาญการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาสนับสนุนความรักความสามัคคีในชาติ และเป็นตัวแทนในกา
รเฝ้าระวัง หรือ สอดส่องพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ โดยผ่านระบบเทคโนโลยี

มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการนี้ 10 โรงเรียน .....
การที่รัฐบาลพยายามดึงกิจการลูกเสือ แม้ว่าจะให้เด็กอาสาสมัครก็ตาม เพื่อให้เด็กเข้าร่วมโครงการลูกเสืออินเตอร์เน็ต
แล้วมอบหมายให้ลูกเสือทำหน้าที่เฝ้าระวังหรือสอดส่องพฤติกรรมที่เป็นภัย และความมั่นคงของประเทศ
โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ตตามเว็บไซต์ต่างๆ นั้น เป็นเรื่องที่รัฐพึงกระทำหรือไม่ .....

การดึงเด็กและเยาวชนมาร่วมสังฆกรรมกับความขัดแย้งของผู้ใหญ่ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม ชอบธรรม
และเป็นนโยบายที่เลอเลิศสมควรเป็นแบบอย่างแล้ว
?

เพราะเด็กและเยาวชนยังอ่อนต่อโลก และยังเข้าไม่ถึงรากเหง้าของความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ การให้เด็กและ
เยาวชนเหล่านี้ต้องมาเกี่ยวข้องอยู่ในวงวนของความขัดแย้ง การใส่ร้ายป้ายสี การปิดหูปิดตา รวมทั้งการไม่ยอมรับฟัง
ความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากตน เป็นการปลูกฝังพฤติกรรมที่ดี หล่อหลอมกล่อมเกลาสิ่งที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชนแล้ว?

การนำลูกเสือมาทำหน้าที่สอดส่อง เฝ้าระวังพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลกันแน่!! .....


นอกจากรัฐบาลชุดนี้จะมีโครงการลูกเสืออินเตอร์เน็ตแล้ว ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายจะจัดตั้งหน่วยลูกเสือ
ประชาธิปไตยใน โรงเรียนทั้งหมด 44 โรงเรียน ทั้งผู้บังคับบัญชาและลูกเสือโรงเรียนละ 36 คน รวมเป็น 1,584 คน
ภายในระยะเวลา 2 เดือน .....

การให้ความสำคัญกับกิจกรรมลูกเสือในสองโครงการของรัฐบาล ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นความพยายาม
ที่จะนำกิจกรรมลูกเสือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือเปล่า
นอกเหนือจากการเรียนในโรงเรียน หากเป็นเช่นนั้นคงต้องคิดทบทวนให้ดีเพราะการเมืองมีทั้งขาว ทั้งดำ และเทาๆ
สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด แต่วันหนึ่งประวัติศาสตร์จะเผยโฉมของเหตุการณ์ต่างๆ ในที่สุด

เมื่อการเมืองมีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นมากมาย แล้วจะไปดึงเด็กและเยาวชนผู้บริสุทธิ์
มาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งครั้ง นี้ให้เกิดประโยชน์อะไร?


อ่านบทความเต็มได้ที่นี่ครับ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1279534929&grpid=no&cat...



.