วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความจริงที่ซอยงามดูพลี.....ฉันมันเป็นคนเลวมากหรือ.....คุณถึงยิงฉัน

html tracking
จำนวน เข้าชม
ความจริงที่ซอย งามดูพลี.....ชีวิตจริง...ชีวิต ใน โทรทัศน์

เป็นครั้งแรก...ที่เขียน   คุณboonsitthi999    "บ้าน ราชดำเนิน"

ผมหาทางเดินมาถูกที่แล้วครับ.......
ผมขอสมัครเป็นน้องใหม่ด้วยครับ....ผมอายุ 53กว่าๆครับ.....

            ผมขอเวลา...รวบรวมความคิดที่จะเขียน....เกี่ยวกับเหตุการณ์...ที่เกิดขึ้น จริงที่ ซอยงามดูพลี.....ระหว่าง
วันที่ 14-19 พฤษภาคม 2553...ผมเป็นคนหนึ่งที่มีบ้านอยู่ในซอย นี้...ผมบอกได้แต่เพียงว่า...ชีวิตจริงในโทรทัศน์
....กับชีวิตจริง...ที่เกิดบนถนนพระราม4...ช่วงบ่อนไก่...ซอยงามดูพลี....มันต่างกัน ราวฟ้ากับดิน ถ้าคุณคิดว่า
....คุณกำลังอยู่บนสวรรค์....คุณพึง สังวรณ์ในขณะเดียวกันว่า.....ที่ที่คุณยืนอยู่ในขณะนี้.....มันคือ นรก....หลายชีวิต
ที่มลายหายไปบนบาทวิถีของพระราม4....ไม่มีโอกาสในการ ที่จะบอกกับคน อื่นๆว่า.....ฉันแค่พาลูกออกมาซื้อขนม
ที่7-11....เมื่อ ฉันเดินออกมา จากร้าน....ฉันได้กลายเป็น.....ผู้ก่อการร้ายไปแล้ว......ตัวฉันเอง..ยัง ไม่แน่ใจในตัวเอง
ว่า.....ฉันเป็นคน สีเสื้ออะไร...ถ้าฉันโชคดีได้ขึ้น สวรรค์....ถ้าเทวดาถามฉันว่าในชีวิตทำดีอะไรมา....ถ้าเทวดาถาม
ฉันว่าฉัน ทำ ผิดอะไรมา..คนอื่นถึงฆ่าฉัน.......ถ้าเทวดาถามฉันต่อไปอีกว่า..........ฉัน สมควรอยู่บนสวรรค์.....หรือลง
ไปในนรก....ฉันคงตอบ ได้เพียงว่า...ขอฉันกลับไปถามคนที่ยิงฉัน....ฉันมันเป็นคนเลวมากหรือ.....คุณถึงยิงฉัน
คุณไม่ถามฉันบ้าง หรือ.....ว่าฉันเป็นคนดีหรือคนเลว....คุณไม่ ให้โอกาสฉันแม้แต่น้อยนิด...ในการที่จะพิสูจน์ตัวเอง
ว่า....."ฉัน สมควรตาย ไหม".....ฉันคงขอต่อเทวดาได้แค่นี้ว่า....ขอให้ฉันได้มีโอกาส สักครั้งที่จะถามคนที่ยิงฉันว่า
................"ฉันสมควร....... ร...ร...ร... ร...................."
นี่คือความจริงอีกด้านหนึ่ง....ความจริงที่เกิดขึ้น....ความจริง ที่คนใน พื้นที่รับรู้....ความจริงที่ทุกคนอยากลืม.....
ความจริงที่ต้อง การความ ยุติธรรม......ความจริงที่คนภายนอกไม่อยากรู้....เพราะถ้าทุกคนในประเทศนี้ ....รู้เรื่องจริง
ที่เกิดขึ้น....ทุกคนจะยอมรับกับตัวเองได้ไหมว่า ......." ฉัน.....สมควร....ตาย"
ผมถามตัวเองอยู่เสมอว่า........"ผมสมควรเขียนไหม"......แม้ในขณะที่ผมเขียน อยู่นี้.....ผมยังบอกตัวเองไม่ได้ว่า...
จะเกิดอะไรขึ้นกับผมและครอบ ครัว.... รวมถึงญาติพี่น้อง......ถ้า...ถ้า...ถ้า...มีคนพูดกับผมว่า..." มึง....สมควร...?..."
ถ้ามัน เกิด ขึ้นจริงผมขอโอกาสกับเทวดา อีกสักครั้งจะได้ถามเขาเหล่านั้นว่า    "ฉัน ผิดตรงไหนที่พูดความจริง"


ผมขอเขียนต่อ....จากที่ค้างไว้ครับ......
ผม อาศัยอยู่ในซอยงามดูพลีมาประมาณ 35 ปี บวกลบนิดหน่อย บ้านของผมอยู่ห่างจากปากซอย(ถ.พระราม4)
ประมาณ100เมตร เพื่อประหยัดเวลาของทุกท่านผมขอเริ่มเรื่องเลยครับ.....

click to zoom

วัน ศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม 2553...เวลาหลังเที่ยง.....หลังจากที่ก่อนหน้านั้น รัฐบาลได้ประกาศให้....ผู้ที่ชุมนุมอยู่ใน
ราชประสงค์ออกมาได้แต่ ห้ามคนทั่วไปเข้าไปเติม....ทหารได้ตั้งแถวจากสวนลุมพินีบนถนนพระราม4... หน้าตึก
อื้อจือเหลียง...เดินแถวเรียงหน้ากระดานมุ่งไปทางคลองเคย...... (ผมขอตัดข้อปลีกย่อยออกไป)...เมื่อแถวทหารมา
ถึงหน้าสนามมวยลุมพินี....ทหารได้เปิดฉากยิงใส่ประชาชน....ที่ อยู่สองข้างทาง....บริเวณปากซอยงามดูพลี....
ณ.เวลานั้น....ประชาชนที่ เป็นพ่อค้าแม่ค้าบริเวณนั้น ไม่คาดคิดว่าทหารจะยิงใส่ประชาชน ยิ่งกว่านั้นกระสุนที่ใช้ยิง
...ยัง เป็นกระสุนจริงที่ ใช้ในสงครา......ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นล้มลงไป10กว่าคน....ไม่มี ใครสนใจว่าใคร ถูกยิง...ถูกยิง
ไปเท่าไหร่.....มันเป็นการคาดคะเนจากสายตา.....(หลัก ฐานจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพฯ.ศูนย์เอราวัณ
ณ.วันที่ 1 มิถุนายน 2553....สามารถยืนยันได้....เกี่ยวกับผู้ถูกยิงที่ปากซอยงามดูพลี) ผู้คนแถวนั้นต่างวิ่งหาที่หลบภัย
...บ้างหลบเข้าซอยงามดู พลี..บ้างหลบเข้าตึกแถวบริเวณนั้น..บ้างวิ่งหนีอย่างเดียว..ไม่หันหลัง กลับ..ทุกคนต่างเชื่อ
ในสิ่งที่ถูกสอนมาว่า..
ทหารเป็นรั้วของชาติ.ทหารจะปกป้อง ประเทศจนชีวิตจะหาไม่.ทหารจะสู้กับคนที่คิดไม่ดีกับประเทศ


     สิ่งต่างๆเหล่านี้..อยู่ในส่วนลึกของสมองว่า..ทหารจะปกป้องเรา..แต่สิ่งที่ เกิดขึ้นกับพวกเขา....ณ...วันศุกร์นั้น
ถ้าไม่ใช่ตัวเขาเองที่ ประสบ..เขาจะไม่เชื่อเลย..แม้แต่ตัวผมเอง...ผมก็ไม่เชื่อว่า..

"ทหารยิงประชาชนที่ไม่มีอาวุธ...และพวกเขา เหล่านั้น...เป็นเพียงผู้มีอาชีพ...ขายส้มตำ...ขายต้มยำเห็ด...
รับ ปั๊มกุญแจ
...ขายกาแฟ...ขายอาหารตามสั่ง...ขายปลาหมึกปิ้ง...และอื่นๆ".....ทุกคนไม่เชื่อว่าเป็น กระสุนจริง
....จนกระทั่งเห็นเลือด ที่ไหลออกมา........ถ้าเหตุการณ์..จบแค่นั้นคงจะดี.....แต่เปล่าเลย......


ทหารได้ตั้งแถวเรียง 8....พร้อมผู้คุมหลังอีก2คน....เดินเข้าซอยงามดู พลี...และเริ่มยิงด้วยกระสุนจริงอีกรอบ......
มีผู้ถูกยิง3คน.....หนึ่ง ในนั้นเป็นกู้ภัย.....โดนยิงบริเวณมือ.....และมีหลักฐานเป็นรูกระสุน2รู... ที่กระจกด้านหน้ารถกู้ภัย
(หลักฐานหาดูได้จากวีดีโอของ youtube และที่ อื่นๆ)โชคดี.....คนที่อยู่ในรถไม่ได้รับบาดเจ็บ....หลังจาก...การแสดง
ให้ เห็นว่า...ทหารเอาจริง..........มวลหมู่ทหารของชาติ... ได้ไปตั้งบังเกอร์ หน้าสนามมวยลุมพินี และฝั่งตรงข้ามบน
ถนนพระราม4 และนี่คือที่มาของ
"หน่วยสไนเปอร์  ที่สังหารประชาชนหน้าซอยงามดูพลี รวมถึงกู้ภัยวชิรพยาบาล ที่อุทิศตนให้ผู้ประสบภัย"


ผมได้ตัด....ราย ละเอียดปลีกย่อยบางส่วนออกไป..เช่นผู้ที่ถูกยิง...ส่วนมากจะโดนยิง..ที่ ศรี ษะ และ หน้าอก เพราะ
การยิงจาก หน่วยสไนเปอร์ ก็บอกจุดประสงค์ได้แล้วและนี่ คือ  ที่มาของเรื่องอีกเรื่องหนึ่งคือ การเผายางรถยนต์
.....ประชาชนบริเวณนั้น....ได้นำยางรถยนต์มา เผากลาง ถนน....เพื่อให้ควันเป็นสิ่งพรางตา...ของหน่วยแม่นปืน....แต่
เพราะ ความรีบร้อน.....และความไม่ระมัดระวัง.....ในการก่อกำแพงยาง.....ผู้คนเหล่า นั้น...อีกหลายคนได้สังเวยชีวิต...
บาดเจ็บ.....จากเหตุการณ์นั้น.....



การเผายาง...การ ยิงปืน...สลับไปมา...การยิงหนังสติ๊ก...การยิงพลุ...การ ยิงระเบิดปิงปอง มีเป็นระยะตลอด
คืนวันที่ 14 พฤษภาคม .........มันเป็น การเริ่มความรุนแรง.....ของ พฤษภาคม เลือด ......


วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2553.....เหตุการณ์ ช่วงเช้าไม่มีอะไรตื่นเต้น......เสียงปืน..เสียงพลุ....สลับไปมา.....
ช่วง บ่ายประมาณเกือบ4โมงเย็น ขณะที่ผมกำลังจะไปซื้อของที่ตลาดนัดแฟลตทหารเรือในซอยงามดูพลี ได้มี
รถ หน่วยกู้ชีพจำนวน7คัน.....วิ่งไปในทิศ ทางที่จะออกถนนพระราม4......ผมได้โบกให้รถหยุด....และบอกเขาเหล่านั้น
ว่า....เขา ไม่สามารถออกถนนใหญ่....เพราะมีทหารคอยยิงทุกคนที่ออกไป......คำตอบที่ได้ คือ.... ."ผมจะจอดติดปาก
ซอย.ไม่ออกไป".....หลังจากนั้น...... ผมได้ขับรถไปตลาดนัด...เพื่อหาซื้ออาหารและของกินเล่น..ไม่ถึงครึ่ง ชั่วโมงดี
เสียงรถกู้ภัย.....ก็ดังกระหื่มตลอดซอย......คันที่วิ่ง ออกไป.....ก็กลับมา.....คันที่จอดอยู่....ก็วิ่งออกไป.....ผมไม่รู้ว่า ...
รถ เหล่านั้น...วิ่งกี่เที่ยว.....ผมรู้แต่ว่า.....รถเหล่านั้นมาจอดรอ....รับ ผู้บาดเจ็บ.....มันช่างบังเอิญ...ที่รถจำนวน7คัน......
ตัดสินใจมาที่ เดียวกัน....วันเดียวกัน.....และมาไล่หลังกัน.......ผมมีโอกาสถามเด็ก หนุ่มคนหนึ่งที่มากับรถกู้ภัย.....ว่า
"ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลไหน"....และนี่คือคำตอบ......."ผม...ส่งทุกที่ครับ...ที่ไหนว่าง...ก็ส่งที่นั่น".ผมหวน
นึกถึง เขา......ที่ไหนว่างก็ส่ง......คงจริงของ เขา.......ตกเย็นและมืด..  เหตุการณ์ก็เหมือนคืนก่อนหน้า..เสียงปืน..เสียง
ประทัด...... เสียงพลุ....ดังสลับไปมา
 

เช้ามืด วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2553.....ฝนตกลงมาพรำๆ..ช่วยคลายความร้อนของชาวงามดู พลีไปได้บ้าง
ราวๆ..8.โมงเช้า....ผมเดินไปใกล้ปากซอย....เพื่อสอบถาม เหตุการณ์ล่าสุด....ระหว่างทาง...ชายคนหนึ่งเดินสวนมา
....ผมถามไป ว่า....เช้านี้มีอะไรพิเศษบ้าง....คำตอบที่ผมได้รับ......"พี่.....โดนไป อีก 3"........ผม ไม่แปลกใจเลย..
ที่บัญชีผู้ถูกยิงเพิ่ม ขึ้น....มันจะ ต้องเพิ่มขึ้นทุกวัน....ตราบใดที่ยังมีการชุมนุม......คำพูดที่ว่า.. "ยิง เพื่อป้องกันตัว"
...สามารถนำ มาเป็นข้ออ้าง....ให้ทหารยิงได้ทุกสิ่งที่ตัว เองอยากยิง.....ตลอดวันนี้...ก็เช่นเดียวกับวันที่ผ่านๆมา....
จะมี สิ่งที่ต่างกันอยู่ข้อเดียวคือ ประชาชน ถูกยิงลดลง อาจเป็นเพราะ นิ้วมือของทหารเริ่มอักเสบจากการยิง
ตลอดสามวัน ที่ผ่านมา
...หรือเป็นเพราะ...ประชาชน เริ่มฉลาดขึ้นและคิดได้ว่า..ที่ยิงมาจากทหาร...คือกระสุนจริง
.... และ..M-79 ของจริง...ยุทธการการเผายางรถยนต์กองใหญ่ขึ้นถูกนำมา ใช้..... ความสูงของกำแพงยางสูงขึ้น..
การเดินต้องย่อตัวมาก ขึ้น....การวิ่งต้องหาที่กำบังเป็นระยะ..ถ้าใครพลั้งเผลอ..กระสุนมีสิทธิมา เยือนร่าง..ทุกคนเริ่ม
ปรับตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวัน..มีเพียงภาวะจิต ใจที่ตึงเครียดมากขึ้น จากการอดนอน  และต้องคอยห่วงเรื่อง
ไฟไหม้ และแล้วความมืดก็มาเยือนประมาณ แปดโมงครึ่งประชาชนในบริเวณนั้นได้มารวมตัวกันกลางซอยงามดูพลี
เพื่อ พูดคุยดั่งเช่นทุกวัน...การปรับทุกข์...การด่าทอ...การก่นด่า....เริ่มดัง ขึ้น...บางคนฟัง...บางคนพูด..บางคนด่า...
คนที่เก็บกดมาหลายวันเริ่มด่า ทหารที่ยิงประชาชน....



มีอยู่รายหนึ่ง.
.ตะโกนด่าทหารที่อยู่บนตึกกำลังก่อสร้าง เสียงของเขาดังมาก สามารถได้ยินถึงบนตึกเขาท้าให้ทหารลง
มาจากตึก มาสู้กันซึ่งๆหน้า อย่าลอบกัดยิงมาจากที่สูง เขาด่าแล้วด่าอีก คำด่าเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
....

  

ผมฟังอยู่ประมาณ5นาทีก็เดินเข้า บ้าน..เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง..ทหารก็รับคำท้าทหารลงมาจริงๆ ลงมาเป็นชุด
เสียงดังถี่ยิบจากปากกระบอกปืน..ทหารลงมาแล้ว..แต่ไม่ใช่ตัว ทหาร ลูกกระสุน ปืนทาร์โว่ ต่างหาก ที่ปลิวว่อนทั่ว
ซอย..ตึก แถวในซอย โดนกระสุนปืนกันหลายห้อง..บางห้องโดนชั้นล่างระดับขาและหน้าอก...บางห้องโดน ชั้นสอง...
บางห้องโดนชั้นสี่..บางห้องโดนกันสาดชั้นสอง..มีอยู่ห้อง หนึ่ง..เป็นร้านอาหาร..บานประตูกระจกหน้าร้านโดนไปหก
เจ็ดรู..ที่เหลือ โดนประตูเหล็กบ้าง..โดนคอนกรีตหน้าบ้านบ้าง..นี่แหละทหารของชาติ"เข้ม แข็ง อดทน เสียสละ..
หลังจากลงมาชุดใหญ่...มีชุดเล็กๆลงมาอีก หน่อย...ลูกชายของผมที่กำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่ชั้นล่างของตัวบ้านวิ่งขึ้น
มา ชั้นบนอย่างตกใจ...และบอกผมว่า..."ป่า ป๊า....พรุ่งนี้ขอย้ายไปนอน บ้านยายดีกว่า"...ลูกชายของผมเป็นอีก
คนหนึ่ง...ที่ไม่เชื่อว่า ทหารจะยิงประชาชนผู้บริสุทธ์....เขาเชื่อว่า...ทหารจะยิงเมื่อมีภัยถึงตัว.. สำหรับคืนนี้เขารู้แล้วว่า
.....เสียงกระสุนที่กระทบกับตัวตึก ....มันช่างเหมือน...เสียงของลูกแก้วที่โยนใส่กระจก....และสะท้อนไป เรื่อยๆ.....

ผมยิ้มในใจอย่างมีความสุข...ลูกชายของผม.....เริ่มพัฒนาการเรียนรู้แล้วว่า...สิ่ง ไหนคือความจริง สิ่งไหน
คือการสร้างภาพจากผู้มีอำนาจ
...........คืน นี้...ผมคงนอนอย่างมีความสุข.....ที่มีคนอีกคนหนึ่ง ได้รู้ความจริงที่เกิด
ขึ้น...ถึง แม้มันเป็นการเสี่ยงในการรับรู้ ด้วยตัวเองก็ตาม....

วัน จันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2553...ถึง....วันอังคาร18.....เหตุการณ์ ต่างๆ..ยังคงคล้ายคลึง เหมือนที่ผ่านๆมา.......
วันพุธที่ 19
พฤษภาคม 2553
.......วันเผด็จศึกเสื้อแดง....ผมไปทำงานตามปกติ.....
ประมาณ9โมงกว่า.... ภรรยาโทรมา...ให้รีบกลับบ้าน


เพราะ ไฟกำลังไหม้ธนาคารกสิกรไทย ที่ปากซอย และทำท่าจะลามเข้ามาในซอยงามดูพลี เมื่อผมกลับไปถึงบ้าน
ผมรีบเดินไปปาก ซอยเพื่อดูสถานการณ์ ผมไม่เชื่อว่า ภาพที่ผมเห็นจะเป็นภาพที่พนักงานดับ เพลิงและประชาชน
ที่มีบ้านอยู่ในบริเวณนั้น พากันหลบอยู่หลังกำแพงของภัตตาคารจันทร์เพ็ญโดยไม่มีทีท่าว่าจะออกไปดับไฟ

และ แล้วผมก็รู้ความจริงว่า  "ทหารยิงปืนลง มาที่พวกเขา....ทหารไม่ยอมให้ดับไฟ" ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ผมอึ้ง
อย่างบอก ไม่ถูก มันเป็นเหตุไฟไหม้ ที่คน เสื้อเหลืองและคนเสื้อแดงช่วย กันดับไฟ.แต่คนเสื้อเขียวใช้ ปืนยิงไม่ให้ดับไฟ
......แปลกแต่จริงในโลกนี้...ยังมีเหตุการณ์เช่นนี้ ปฐมเหตุของต้นเพลิง มาจากการเผายางรถยนต์และลามไปติดสายไฟ
บนตู้ โทรศัพท์...ก่อนที่จะลามไปติดธนาคารกสิกรไทย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับธนาคารนี้ครั้งแรก...ไฟลามในลักษณะนี้
ชาวบ้านก็ ช่วยกันดับไฟ..และอีกนั่นแหละ..ทหารก็ยิงเหมือนครั้งนี้ เพียงแต่ครั้งแรก..ทหารยังพอมีเมตตาให้ช่วยกันดับไฟ
.....ธนาคารนี้จึง รอดมาได้...มีมุขขำๆ...ซึ่งฟังแล้วจะรู้สึกดีหรือรู้สึกสมเพช..ในระหว่างการ ดับ ไฟ....ทหารได้ตะโกนมาว่า
" รีบ...รีบ...ดับ...แล้วมายิงกัน ใหม่ "    .....นี่แหล่ะ....คนไทย...แม้อยู่ในภัยอันตราย....ยังมีอารมณ์สัพยอกล้อเล่น
ผมขอวกกลับไปที่เก่า.....ในขณะที่ไฟลุกไหม้มากขึ้น...และกำลังจะลามไปทาง ภัตตาคาร จันทร์เพ็ญ...ได้มีพนักงาน
ของทางร้านและทหารสองนาย....เดินมาบอก ให้ดับไฟได้....จะไม่ยิงลงมาจากตึกที่กำลังก่อสร้าง......

สวรรค์มาโปรด...ทหารทำเพื่อประชาชน..ถ้าไม่มี ภัตตาคารแห่งนี้..ทหารจะหยุดยิงหรือไม่..ประชาชนแถวนั้นทราบดี
.....เมื่อ ไฟถูกดับไป...ทหารเริ่มยิงลงมาอีกครั้ง...พนักงานดับเพลิง12คน..ติดอยู่ ซอกตึก..ไม่สามารถ ออกมาได้..ได้
แต่รอ...รอ...รอ.....ให้สวรรค์มา โปรดอีกครั้ง.....และแล้ว...เขาเหล่านั้น....ก็รอดพ้นโทษประหาร...ต่างรีบ เก็บสายยาง
อุปกรณ์..ขึ้นรถกลับสถานี...(หลักฐาน..สามารถสอบถาม จากสถานีดับ เพลิงทุ่งมหาเมฆ...หรือ...ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร
ที่ กล่าวไว้ว่า..... พวกเขาไม่ยอมให้รถดับเพลิงเข้าไปดับไฟ....)....ซึ่งคนทั่วไป.....เข้าใจ ว่า.....

 "คนเสื้อแดง เลว มาก วางเพลิง แล้วไม่ให้ดับไฟ"



แต่นั่นแหละ.....ชาวซอยงามดูพลี....ทราบดีว่า.....ใครเลว....ใครดี.... ใคร ผิด....ใครถูก....ใครสมควรได้รับโทษ..ใครสม
ควรได้รับรางวัล......มี เพียงคนทั่วไปที่เข้าใจตามภาพที่ผู้มีอำนาจสร้างขึ้น....ถ้าถามผมว่า ....ประชาชน บริเวณนั้น..โกรธ
เสื้อแดงไหม.....ผมตอบได้ว่าพอมีบ้าง....ถ้าถามผมว่า ......โกรธทหารไหม.......ผมตอบได้ว่า.....คนส่วนมากจะ พูดว่า..
"...ทำได้ทำไป...สักวัน...ถ้าเป็นทีของพวกเราบ้าง...คุณจะรู้ว่า...นรกมีจริง.."...นี่คือความรู้สึกของประชาชน ที่มี
บ้านอยู่ถัดจาก ต้นเพลิง.......เป็นครั้งแรกที่คนแถวนั้น.....ไม่มีสีเหลือง...ไม่มีสี แดง.....ไม่มีสีขาว...ไม่มีหลากสี....ทุกคน
มีเพียงสีเดียว....คือสี ของความสามัคคีในการดับไฟ..และแน่นอน...ไม่มีสีเขียวในจิตใจ..สี เขียวได้ตายไปจากใจแล้ว
มันคงจะกินเวลาอีกนาน....ถ้าพวกเขาจะยอมรับสี เขียว อีกครั้ง.....หรือว่า.....ในชีวิตนี้...จะไม่มีวันนั้น.....

 
งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ปูนบำเหน็จรางวัล ในการฆ่าประชาชนมือเปล่าของทหารหาญผู้กล้า..ไอ้สัตว์

ไม่มีความคิดเห็น: